xs
xsm
sm
md
lg

“จตุพร”...ตัวอันตราย...กับ 33 วันเส้นทางสู่คุก!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ม้ว่าก่อนหน้านี้ ประชาชนส่วนใหญ่จะรู้สึกผิดหวัง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า กับการยื่นถอนประกัน “นายจตุพร พรหมพันธุ์”แกนนำ นปช.ของ อธิบดีดีเอสไอ “ธาริต เพ็งดิษฐ์” ที่ได้เพียรพยายาม ยื่นคำร้องขอถอนประกันหลายครั้ง ในวันที่ “จตุพร” เขายังเป็น ส.ส.ผู้ทรงเกียรติในสภา แต่เมื่อ “จตุพร” กลายเป็นอดีต ส.ส.(ผู้น่าเกลียด) กรรมใดที่เขาได้ก่อไว้ในหลายครั้งหลายสถานที่ ก็ได้บังเกิดขึ้นกับเขา อิสรภาพที่เขาเคยได้รับในวันที่เขาเป็น ส.ส.ก็หมดสิ้นลง ด้วยการเข้าไปชดใช้กรรมในคุก

สำหรับเส้นทางสู่คุกของ “จตุพร พรหมพันธุ์” ในห้วง 33 วัน จากวันที่ 10 เม.ย. 2554 ถึงวันที่ 12 พ.ค. 2554 ถือว่าไม่ธรรมดา เนื่องจากหากนับจากวันกระทำความผิด ถึงวันศาลสั่งถอนประกัน และนำตัวส่งขังคุก “จตุพร” และพวก ได้ต่อสู้ในทุกรูปแบบ ขณะที่ ดีเอสไอ อัยการ และศาล ก็เปิดโอกาสให้เขาได้ต่อสู้อย่างเป็นธรรมที่สุดแล้ว แต่เหตุที่เขาสู้ไม่ได้ ก็เพราะเขาทำผิดจริง!

เริ่มจาก 10 เม.ย.54 วันที่ “จตุพร” และมวลหมู่แกนนำแดง เกิดอาการย่ามใจว่าไม่มีใครทำอะไรพวกเขาได้ จนกลายเป็นความประมาท บังอาจพูดจาปราศรัยเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง บนเวที นปช.ที่จัดรำลึกถึงเหตุนองเลือดปะทะเดือดที่ “สมรภูมิสี่แยกคอกวัว” งานนี้คนไทยที่จงรักภักดี หากได้ฟังคำปราศรัยของจตุพรคงต้องสะอึก โดยเฉพาะเมื่อเขาได้ปราศรัยในประเด็นการใช้กำลังทหารปราบปรามคนเสื้อแดง

เมื่อฝ่ายเสื้อแดงพลาด หน่วยงานผู้รับผิดชอบก็ต้องทำหน้าที่ 12 เม.ย. นายธิริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เจ้าของสำนวนคดีก่อการร้าย ก็สั่งการให้ถอดเทปคำปราศรัยของ “จตุพรกับพวก” เพื่อยื่นเป็นหลักฐานในการขอถอนประกันทันที

ขณะที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ก็สุดทนต่อพฤติกรรมของนายจตุพรและพวก ด้วยการส่งนายทหารพระธรรมนูญกองทัพบก นำเอกสารหลักฐานและซีดีบันทึกภาพเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ ผกก.สน.สำราญราษฎร์ ให้ดำเนินคดีต่อ จตุพร พรหมพันธุ์, วิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย และ “แรมโบ้อีสาน” นายสุพร อัตถาวงศ์ แกนนำ นปช.ในความผิดฐานดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจโดย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.และ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.ก็ออกมาประสานเสียงขานรับ ว่าคำปราศรัยของ “จตุพร” หมิ่นเหม่กระทบสถาบันเบื้องสูง

17 เม.ย. “จตุพร” และพวก ยังคงไม่สำนึก ด้วยการแก้เกมยกขบวนขึ้น สน.สำราญราษฎร์ แจ้งความกลับให้ดำเนินคดีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในข้อหาหมิ่นประมาท ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และแจ้งความเท็จ

18 เม.ย.หลังวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ อธิบดีดีเอสไอ ส่ง “พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง” เข้ายื่นคำร้องต่ออัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 “รุจ เขื่อนสุวรรณ” เพื่อขอให้ดำเนินการถอนประกัน 9 แกนนำ นปช.ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายนิสิต สินธุไพร นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และนายขวัญชัย ไพรพนา จำเลยคดีร่วมกันก่อการร้าย ที่ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีวงเงินประกันคนละ 600,000 บาท

21 เม.ย.หลังพิจารณาสำนวนหลักฐานของดีเอสไอ เพียง 3 วัน “ธนพิชญ์ มูลพฤกษ์” อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เปิดเผยว่า หลังตรวจดูเอกสารบันทึกถ้อยคำจากการถอดเทปคำปราศรัยของจำเลย เกือบครบทุกคนแล้ว เบื้องต้นพบว่าบางคนไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง แต่บางคนก็ฟังแล้วค่อนข้างชัดเจน ซึ่งอาจต้องพิจารณาขอถอนประกันจำเลยบางคน และเชื่อหากถอนประกันจำเลยก็จะไม่ส่งผลกระทบกับคดีหลักเพราะเป็นคนละส่วนกัน

จากนั้นวันที่ 25 เม.ย. อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ คนเดิมกลับออกมาบอกว่า การพิจารณาพยานหลักฐานของอัยการยังไม่ได้ข้อยุติ จึงยังตอบไม่ได้ว่าจะยื่นคำร้องขอถอนประกันตัวพวกจำเลยทั้งหมด หรือจำเลยเพียงบางส่วนหรือไม่

26 เม.ย.อธิบดี “ธาริต” ออกมาให้สัมภาษณ์แสดงความมั่นใจอีกครั้งว่า ได้เวลาที่ 9 แกนนำ นปช.ต้องกลับเข้านอนในคุก พร้อมออกหมายเรียกแกนนำแดงอีก 18 คนให้มารับทราบข้อกล่าวหาในคดีหมิ่นเบื้องสูง จากการขึ้นปราศรัยบนเวทีชุมนุมเสื้อแดง 10 เม.ย.54

สำนวนถอนประกันแกนนำแดง ถือว่าไม่ง่ายอย่างที่คิด ต่อมา 27 เม.ย. “รุจ เขื่อนสุวรรณ” อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ออกคำสั่งให้ดีเอสไอกลับไปถอดเทปคำปราศรัยของ “จตุพรกับพวก” ใหม่ทั้งหมด เพราะยังมีคำพูดตกหล่นบางตอน ซึ่งเป็นสาระสำคัญ ทำให้ประโยคข้อความไม่ต่อเนื่อง และอาจทำให้ความหมายของคำพูดเปลี่ยนไปได้ โดยทางดีเอสไอใช้เวลาเพียงข้ามคืนก็ส่งเอกสารถอดเทปชุดใหม่ให้อัยการคดีพิเศษได้ในเช้าวันที่ 28 เม.ย.

เมื่อสุดจะยื้อ 29 เม.ย. อัยการคดีพิเศษจึงยื่นคำร้องต่อศาลอาญา แต่เลี่ยงที่จะขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการประกันตัว 9 แกนนำ นปช.เป็นการขอให้ศาลเปิดไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาเงื่อนไขปล่อยตัวชั่วคราว ตามที่ได้กำหนดเงื่อนไขให้ วีระกานต์ มุสิกพงศ์, จตุพร พรหมพันธุ์, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, เหวง โตจิราการ, ก่อแก้ว พิกุลทอง, ขวัญชัย ไพรพนา, ยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก, นิสิต สินธุไพร และวิภูแถลง พัฒนภูมิไท จำเลยที่ 1-8 และ 10 ในคดีก่อการร้าย

คำร้องของอัยการระบุว่า จำเลยทั้ง 9 ได้กระทำการฝ่าฝืน โดยจัดกิจกรรมให้มีการชุมนุมของกลุ่ม นปช. หรือกลุ่มคนเสื้อแดง โดยได้ปราศรัยต่อผู้ชุมนุมจำนวนมาก หลายแห่งหลายครั้ง ระหว่างวันที่ 10-11 เม.ย.54 จำเลยได้จัดชุมนุมคนเสื้อแดงที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในงานครบรอบ 1 ปี รำลึกถึงสมาชิก นปช.ที่เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 โดยมีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมหลายหมื่นคน

โดยจำเลยทั้ง 9 กับพวก ผลัดเปลี่ยนกับผู้ร่วมชุมนุมขึ้นเวทีปราศรัย พูดโน้มน้าว ปลุกปั่น ปลุกระดม ให้ผู้ร่วมชุมนุมเกลียดชังรัฐบาล โดยให้เชื่อว่าการเข้าสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. เมื่อวันที่ 10-19 เม.ย.53 เป็นการปราบปรามและฆ่าประชาชนโดยรัฐบาลและคณะทหาร ทั้งนี้ มีการพาดพิงถึงกระบวนการยุติธรรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และสถาบันเบื้องสูง โดยกล่าวหาว่าศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฎีกา เป็นเครื่องมือทำลายล้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคนเสื้อแดง ศาลบางศาลพึ่งไม่ได้ เอนเอียงแย่กว่าศาลพระภูมิ และมี พล.อ.เปรมสนับสนุนการยึดอำนาจ โดยเฉพาะนายจตุพร พรหมพันธุ์ จำเลยที่ 2 ได้พูดปราศรัยบนเวทีกับผู้ชุมนุม กล่าวพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูง รวมทั้งนายนิสิต สินธุไพร จำเลยที่ 8 ได้กล่าวพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูงด้วย

4 พ.ค.54 ศาลอาญา เปิดไต่สวนคำร้องของอัยการ โดยอัยการนำ “อำนวย นิ่มมะโน” ขึ้นเบิกความเป็นพยานโจทก์ปากแรก วันนั้น รอง ผบช.น.ยืนยันต่อศาลว่า จากการถอดเทปคำปราศรัยบนเวที นปช.เมื่อวันที่ 10 เมษายน พบว่า จตุพร พรหมพันธุ์ และนิสิต สินธุไพร ปราศรัยจาบจ้วงสถาบัน โดยระหว่างให้การนั้น อัยการได้นำแผ่นวีซีดีที่บันทึกการปราศรัยเปิดให้ศาลฟังในห้องพิจารณาด้วย

นัดถัดมา 9 พ.ค.54 อัยการนำ พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ขึ้นเบิกความ ตอกย้ำว่าเนื้อหาคำปราศรัยของนายจตุพร และนายนิสิต เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง ยุยงปลุกปั่นให้กลุ่มคนเสื้อแดงเกลียดชังรัฐบาล สถาบันศาลและกระบวนการยุติธรรม อันเป็นการผิดเงื่อนไขประกันตัว

บ่ายวันเดียวกัน จตุพร พรหมพันธุ์ ขึ้นเบิกความเป็นพยานจำเลยยืนยันว่า ในการปราศรัยตนได้กล่าวเตือนนายกฯ อภิสิทธิ์ และรองฯ เทพเทือก ผอ.ศอฉ. ไม่ให้นำทหาร 2 หน่วย คือ ทหารรักษาพระองค์ และทหารเสือราชินี มาปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนเหมือนวันที่ 10 เมษายน 2553 ทั้งนี้เพื่อปกป้องไม่ให้ใครนำแอบอ้างสถาบันมาทำลายฝ่ายตรงข้าม

และแล้ววันที่รอคอยมาถึง คือ 12 พ.ค.54 ครบ 33 วัน หลังการจาบจ้วงเบื้องสูงบนเวที นปช.ศาลอาญาออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งถอนประกัน จตุพร พรหมพันธุ์ กับ นิสิต สินธุไพร ทำเอากลุ่มแฟนคลับเสื้อแดงที่มาให้กำลังใจร่ำไห้กันระงม โดยอดีต ส.ส.ตู่ ก็หมดเอกสิทธิ์คุ้มครองต้องเดินคอตกเข้าคุกตามระเบียบ

คำสั่งศาลระบุชัดว่า นายจตุพร จำเลยที่ 2 และนายนิสิต จำเลยที่ 8 เห็นว่าพฤติการณ์การกระทำตลอดจนคำพูดของจำเลยที่ 2 และ ที่ 8 มีลักษณะส่อไปในทางที่อาจจะทำให้ประชาชนทั่วไปสับสนในข้อเท็จจริงจนถึงขั้น ก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ซึ่งนับว่าเป็นการก่อเหตุอันตรายและเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงของรัฐภายใน ราชอาณาจักรที่เป็นเหตุที่ศาลจะเพิกถอนสัญญาประกันจึงมีคำสั่งเพิกถอนสัญญา ประกันเฉพาะนายจตุพร จำเลยที่ 2 และนายนิสิต จำเลยที่ 8

ดังนั้น การที่ “ไอ้ตู่ จตุพร” คนอันตรายผู้นี้ ต้องเข้าไปนอนในคุก เชื่อว่ามีประชาชนจำนวนมากร่วมกันสะใจ โดยไม่เว้นแม้แต่พวกเดียวกันเอง!!!
นายจตุพร กับนายนิสิต ถูกนำตัวไปคุมขังยังห้องคุมขังนักโทษที่ใต้ถุนศาล

กำลังโหลดความคิดเห็น