ASTVผู้จัดการรายวัน- โรงพิมพ์ขนาดกลางและเล็กทั่วประเทศคึกคักรับเลือกตั้งพรรคการเมืองแห่สั่งพิมพ์แผ่นพับแจงนโยบายประชานิยมเพียบ คาดเฉพาะสิ่งพิมพ์เงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาทรวมโฆษณาไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ รอรับแรงซื้อประชาชนพุ่งจากเงินซื้อสิทธิขายเสียงที่ฟันธงว่าจะยังคงเกิดขึ้นในสังคมไทย
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองเลขาธิการและประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย( ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การประกาศยุบสภาจะส่งผลต่อการกระตุ้นอุตสาหกรรมการพิมพ์และโฆษณาในปีนี้โดยคาดว่าจะมีเงินสะพัดรวมกันไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทโดยเฉพาะสิ่งพิมพ์จะอยู่ราว 3,000-4,000 ล้านบาทซึ่งขณะนี้หลายพรรคเริ่มมีการหาเสียงแล้วและสิ่งพิมพ์ที่ได้รับความนิยมมากที่ทุกพรรคจัดทำเหมือนกันคือแผ่นพับโฆษณานโยบายพรรค
“การพิมพ์จะกระจายไปยังโรงพิมพ์ขนาดกลางและย่อมมากกว่าเพราะมีการให้งบผู้สมัครในพื้นที่ไปดำเนินการเองตามต่างจังหวัดซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มมีคำสั่งผลิตใบปลิว แผ่นพับโดยรูปแบบในระยะหลังเปลี่ยนไปทุกพรรคจะเน้นพิมพ์แผ่นพับเพื่อชี้แจงนโยบายประชานิยมกันมากขึ้นต่างจากอดีตที่จะพิมพ์ลักษณะถ่ายรูปแล้วระบุเบอร์ผู้สมัครซึ่งมูลค่าการพิมพ์จะมากน้อยคงจะต้องดูว่าปีนี้การแข่งขันจะดุเดือดมากหรือไม่แต่หลายฝ่ายมองว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรง”นายเกรียงไกรกล่าว
นายพรชัย รัตนชัยกานนท์ นายกสมาคมการพิมพ์ไทย และรองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์กระดาษ ส.อ.ท.กล่าวว่า ขณะนี้ผู้สมัครลงเลือกตั้งแต่ละพรรคได้เริ่มทำป้าย โปสเตอร์ และใบปลิวในการแนะนำตัวเอง และนโยบายของพรรคเพื่อเป็นการหาเสียงแล้ว ปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะผลักดันให้ภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ปีนี้ขยายตัวอย่างมาก
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์และบรรรจุภัณฑ์กระดาษปี 2554 คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% โดยส่งออกจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อน ที่มีมูลค่า 2,098 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจัยบวกที่จะทำให้การส่งออกเติบโตเนื่องจากญี่ปุ่นประสบภัยพิบัติทำให้โรงงานสิ่งพิมพ์และกระดาษหลายแห่งที่ญี่ปุ่นผลิตไม่ได้คาดว่าจะมีผลให้คำสั่งซื้อมายังไทยแทน
ทั้งนี้เป้าหมายภายในปี 2558 ซึ่งเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) คาดว่าไทยจะมีการส่งออกสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์กระดาษประมาณ 1 แสนล้านบาท แม้ว่า จะเป็นห่วงอัตตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกก็ตาม ส่วนภาวะต้นทุนการผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษก็มีการปรับตัวสูงราว 20% โดยเฉพาะนโยบายรัฐบาลที่มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 8-17 บาทเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มที่รัฐบาลจะปรับเพิ่มค่าแรงอีกเร็วๆนี้ ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกภาระต้นทุน อีกทั้งราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นล่วนกระทบต่อราคาวัตถุดิบในการผลิตสินค้า
***เชื่อยังมีเงินซื้อเสียงอยู่
นายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการส.อ.ท.กล่าวว่า การยุบสภานับเป็นการสร้างความเชื่อมั่นตามระบอบประชาธิปไตยจึงมั่นใจว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นและระยะสั้นจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมโดยคาดว่าจะมีเงินสะพัดจากการหาเสียงในหลากหลายรูปแบบทั้งการโฆษณาและสิ่งที่ควรจับตาคือยังเชื่อว่าการซื้อสิทธิขายเสียงยังคงมีอยู่ในสังคมไทยที่จะเป็นการกระตุ้นแรงซื้อได้ระดับหนึ่ง
“ การขายเสียงของจริงมันมีอยู่แล้วอย่าหลอกลวงตัวเองกันแต่ทำอย่างไรที่รัฐจะให้มันอยู่ในกระบวนการที่เหมาะสมมากที่สุดเท่านั้นคือพี่น้องคนไทยรับไปต้องไม่มีการขุ่มขู่ให้เลือกเบอร์นั้นซึ่งอยากเห็นการเลือกตั้งที่ทำอย่างไรให้ประชาชนและผู้ลงสมัครมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินด้วยและหลังเลือกตั้งควรจะยอมรับกันและนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตยซึ่งไม่ว่ารัฐบาลไหนมีเรื่องเดียวที่ยังห่วงคือการทุจริตคอร์รัปชั่น”นายสมมาตกล่าว.
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองเลขาธิการและประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย( ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การประกาศยุบสภาจะส่งผลต่อการกระตุ้นอุตสาหกรรมการพิมพ์และโฆษณาในปีนี้โดยคาดว่าจะมีเงินสะพัดรวมกันไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทโดยเฉพาะสิ่งพิมพ์จะอยู่ราว 3,000-4,000 ล้านบาทซึ่งขณะนี้หลายพรรคเริ่มมีการหาเสียงแล้วและสิ่งพิมพ์ที่ได้รับความนิยมมากที่ทุกพรรคจัดทำเหมือนกันคือแผ่นพับโฆษณานโยบายพรรค
“การพิมพ์จะกระจายไปยังโรงพิมพ์ขนาดกลางและย่อมมากกว่าเพราะมีการให้งบผู้สมัครในพื้นที่ไปดำเนินการเองตามต่างจังหวัดซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มมีคำสั่งผลิตใบปลิว แผ่นพับโดยรูปแบบในระยะหลังเปลี่ยนไปทุกพรรคจะเน้นพิมพ์แผ่นพับเพื่อชี้แจงนโยบายประชานิยมกันมากขึ้นต่างจากอดีตที่จะพิมพ์ลักษณะถ่ายรูปแล้วระบุเบอร์ผู้สมัครซึ่งมูลค่าการพิมพ์จะมากน้อยคงจะต้องดูว่าปีนี้การแข่งขันจะดุเดือดมากหรือไม่แต่หลายฝ่ายมองว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรง”นายเกรียงไกรกล่าว
นายพรชัย รัตนชัยกานนท์ นายกสมาคมการพิมพ์ไทย และรองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์กระดาษ ส.อ.ท.กล่าวว่า ขณะนี้ผู้สมัครลงเลือกตั้งแต่ละพรรคได้เริ่มทำป้าย โปสเตอร์ และใบปลิวในการแนะนำตัวเอง และนโยบายของพรรคเพื่อเป็นการหาเสียงแล้ว ปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะผลักดันให้ภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ปีนี้ขยายตัวอย่างมาก
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์และบรรรจุภัณฑ์กระดาษปี 2554 คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% โดยส่งออกจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อน ที่มีมูลค่า 2,098 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจัยบวกที่จะทำให้การส่งออกเติบโตเนื่องจากญี่ปุ่นประสบภัยพิบัติทำให้โรงงานสิ่งพิมพ์และกระดาษหลายแห่งที่ญี่ปุ่นผลิตไม่ได้คาดว่าจะมีผลให้คำสั่งซื้อมายังไทยแทน
ทั้งนี้เป้าหมายภายในปี 2558 ซึ่งเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) คาดว่าไทยจะมีการส่งออกสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์กระดาษประมาณ 1 แสนล้านบาท แม้ว่า จะเป็นห่วงอัตตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกก็ตาม ส่วนภาวะต้นทุนการผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษก็มีการปรับตัวสูงราว 20% โดยเฉพาะนโยบายรัฐบาลที่มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 8-17 บาทเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มที่รัฐบาลจะปรับเพิ่มค่าแรงอีกเร็วๆนี้ ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกภาระต้นทุน อีกทั้งราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นล่วนกระทบต่อราคาวัตถุดิบในการผลิตสินค้า
***เชื่อยังมีเงินซื้อเสียงอยู่
นายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการส.อ.ท.กล่าวว่า การยุบสภานับเป็นการสร้างความเชื่อมั่นตามระบอบประชาธิปไตยจึงมั่นใจว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นและระยะสั้นจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมโดยคาดว่าจะมีเงินสะพัดจากการหาเสียงในหลากหลายรูปแบบทั้งการโฆษณาและสิ่งที่ควรจับตาคือยังเชื่อว่าการซื้อสิทธิขายเสียงยังคงมีอยู่ในสังคมไทยที่จะเป็นการกระตุ้นแรงซื้อได้ระดับหนึ่ง
“ การขายเสียงของจริงมันมีอยู่แล้วอย่าหลอกลวงตัวเองกันแต่ทำอย่างไรที่รัฐจะให้มันอยู่ในกระบวนการที่เหมาะสมมากที่สุดเท่านั้นคือพี่น้องคนไทยรับไปต้องไม่มีการขุ่มขู่ให้เลือกเบอร์นั้นซึ่งอยากเห็นการเลือกตั้งที่ทำอย่างไรให้ประชาชนและผู้ลงสมัครมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินด้วยและหลังเลือกตั้งควรจะยอมรับกันและนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตยซึ่งไม่ว่ารัฐบาลไหนมีเรื่องเดียวที่ยังห่วงคือการทุจริตคอร์รัปชั่น”นายสมมาตกล่าว.