ที่พรรคเพื่อไทย วานนี้(10 พ.ค.) มีการแถลงถึง 9 ภาระประเทศที่รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทิ้งไว้ให้กับประชาชน โดย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ทุกคนตื่นเต้นที่ไม่มีรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ โดยเฉพาะคำแถลงยุบสภาผสมกับผลงานของรัฐบาลนั้น ฟังดูแล้วเคลิ้ม เพราะไม่ทำอะไรเลย พอกันทีสำหรับ 2 ปีที่มืดมน หดหู เสียหายทางเศรษฐกิจ เดือนร้อนและวุ่นวาย เพราะพรรคเพื่อไทยเห็นเศรษฐกิจเสียหายพังยับเยิน ประชาชนประสบปัญหาข้าวยากหมาดแพง สังคมแบ่งแยก ขาดความยุติธรรม ทุจริตคอรัปชั่น กินไม่เลือก ไร้ยางอาย ละเมิดสิทธิมนุษยชน ยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง หนี้สินของประเทศเกิดขึ้นมากมายจนประเทศใกล้ล้มละลายแล้วหรือไม่ รัฐบาลคิดอะไรไม่ค่อยเป็นนอกจากกู้เงินมาใช้
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าในขณะนี้ได้มีหนี้สาธารณะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นแล้วทำให้ประชาชนรู้สึกดี ก็คงไม่เป็นไร แต่รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ทำให้ประชาชนรู้สึกดีขึ้นแต่อย่างใด
นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ตรวจสอบ การประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งสุดท้ายที่ผ่านมา พบว่ารัฐบาลทิ้งทวนงบประมาณแบบไร้การพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งงบประมาณที่นำมากระทำเช่นนี้คืองบประมาณกลาง และในตอนนี้งบประมาณกลางก็หมดไปแล้ว พรรคเพื่อไทยจึงอยากจะตั้งคำถามว่าในช่วงเวลาตอนนี้หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินและต้องนำเงินจากงบประมาณกลางมาช่วยเหลือประชาชน รัฐบาลจะทำเช่นไร
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรณีปัญหาน้ำมันปาล์มที่ผ่านมา เป็นภาระที่รัฐบาลชุดนี้ได้สร้างค่าครองชีพขึ้นมา ทั้ง ๆ น้ำมันปาล์มนั้นประเทศไทยเป็นผู้ผลิตเองด้วยซ้ำไป และปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาก็คือปัญหาราคาไข่ไก่ และปัญหาราคาเนื้อหมู ปัญหาเหล่านี้มีการแก้ไขปัญหาที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งทำให้ประชาชนต้องแบกรับปัญหาอยู่ฝ่ายเดียว
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้บริหารงานแบบไม่มีความโปร่งใส และมีการทุจริตคอร์รัปชั่นอยู่ตลอด เช่น งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีการเบิกจ่ายเงินไปแบบไม่โปร่งใส และก็มีการยอมรับกันในที่ประชุมของรัฐสภา แต่กระนั้นแล้วก็ยังไม่มีผู้ใดในทีมของรัฐบาลออกมารับผิดชอบ และก็มีเรื่องหนึ่งที่ตนให้ความสำคัญก็คือการประชุมของคณะรัฐมนตรีครั้งสุดท้าย ที่มีการถลุงเงินงบประมาณมากขนาดนี้ และก็ไม่มีรัฐบาลชุดไหนกล้าทำมาก่อน ทั้งนี้ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะกลับเข้ามาอยู่ในสถานะใดภายหลังการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยก็จะติดตามและตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไปอย่างแน่นอน
นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลบริหารประเทศแบบมีการเข้าไปแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน และทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข้อเท็จจริงได้อยากลำบาก มีการปิดหูปิดตาประชาชนอย่างแท้จริง
ด้าน นายภาวิช ทองโรจน์ รองประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือ กกอ. สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ภาระด้านการศึกษา โดยเฉพาะนโยบายเรียนฟรี 15 ปีของรัฐบาลนั้น เป็นนโยบายที่แอบอ้าง เพราะในความเป็นจริงนั้นเรื่องนี้เป็นบทบัญญัติในกฎหมายรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ที่ระบุว่ารัฐจะต้องส่งเสริมให้เยาวชนเรียนพรี 12 ปี และนโยบายนี้ก็เป็นแค่นโยบายต่อเนื่องของรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ อีกทั้งการเรียนฟรีของรัฐบาลชุดนี้ก็ทำให้มาตรฐานการเรียนของเยาวชนไทยก็ต่ำลงด้วย
ในช่วงท้าย นายปลอดประสพ ได้กล่าวอีกว่า เมื่อคืนนี้นายกฯพูดว่าได้ทำไปเยอะ แต่ที่ทำไม่สำเร็จก็เยอะ แต่อยากบอกว่าที่ทำมาเยอะไม่ถูกสักเรื่อง ซึ่งเชื่อมั่นว่าประชาชนคงไม่อนุญาตให้ทำต่อ ดังนั้น ขอทบทวน ว่าเมื่อมาไม่ถูกต้องและประชาชนไม่เคยเลือกมาเป็นรัฐบาล กลับไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหารซึ่งเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง จึงอยากบอกว่า คุณควรจากไป โดยไม่มีใครมีเยื่อใย คงจะดีใจที่ได้พ้นๆไปเสียที คุณจากไปรู้ไหม ได้ทิ้งมรดกบาปให้ประชาชนและทิ้งปัญหาให้คนอื่นเข้ามาแก้ไข คุณรู้ไหมทิ้งภาระให้ประชาชนไว้มากมายอย่างยิ่ง
**ยก “มาร์ค”สร้าง10นวัตกรรมการเมือง
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าช่วงที่นายอภิสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้สร้างนวัตกรรมทางการเมืองที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน 10 ข้อ ประกอบไปด้วย 1. การประกาศยุบสภาล่วงหน้า 2. การตั้งโต๊ะเจรจากับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) 3. การตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ 3 ฝ่าย หลังเหตุการณ์การชุมนุม 4.การตั้งคณะกรรมการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ 5. การประกันรายได้เกษตรกร แทนจำนำผลผลิต 6. การจัดเบี้ยสวัสดิการผู้สูงอายุ 500 บาทต่อเดือน 7. การจัดสรรเงินตอบแทนอาสาสมัครสาธารณสุข 600 บาทต่อคนต่อเดือน 8. การปรับโครงสร้างอุดหนุนผู้ใช้ไฟฟ้าน้อยให้ใช้ไฟฟรี 9. การให้ความสำคัญต่อฝ่ายนิติบัญญัติ โดยลงมติในการประชุมสภากว่า 81 % และ 10. ความมุ่งมั่นในการทำงาน
**เทพไท เย้ย “แม้ว”ลอกนโยบายปชป.
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีระบุผ่านเวทีกลุ่มนปช.ว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะดำเนินการให้สินเชื่อกับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหลังแรกในอัตราดอกเบี้ย0% เป็นเวลา5ปี รวมถึงการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 25% ว่า เห็นได้ชัดว่าเป็นการนำนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ไปต่อยอด เพราะนโยบายที่พ.ต.ท.ทักษิณ บอกนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้ดำเนินการมาแล้ว อย่างไรก็ตามพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีนโยบายลดภาษีให้กับผู้ที่ซื้อรถคันแรกตามแนวทางของพ.ต.ท.ทักษิณ แน่นอน เพราะพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าการซื้อรถนั้น แม้จะจำเป็นแต่คือความฟุ่มเฟือย ซึ่งแตกต่างจากการซื้อบ้านที่เป็นปัจจัย4 อีกทั้งการระบุถึงแนวทางลดภาษีซื้อรถตามที่พ.ต.ท.ทักษิณบอกนี้ ถือเป็นการไม่คำนึงถึงสภาพความเป็นจริงของเศรษฐกิจประเทศ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าในขณะนี้ได้มีหนี้สาธารณะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นแล้วทำให้ประชาชนรู้สึกดี ก็คงไม่เป็นไร แต่รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ทำให้ประชาชนรู้สึกดีขึ้นแต่อย่างใด
นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ตรวจสอบ การประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งสุดท้ายที่ผ่านมา พบว่ารัฐบาลทิ้งทวนงบประมาณแบบไร้การพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งงบประมาณที่นำมากระทำเช่นนี้คืองบประมาณกลาง และในตอนนี้งบประมาณกลางก็หมดไปแล้ว พรรคเพื่อไทยจึงอยากจะตั้งคำถามว่าในช่วงเวลาตอนนี้หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินและต้องนำเงินจากงบประมาณกลางมาช่วยเหลือประชาชน รัฐบาลจะทำเช่นไร
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรณีปัญหาน้ำมันปาล์มที่ผ่านมา เป็นภาระที่รัฐบาลชุดนี้ได้สร้างค่าครองชีพขึ้นมา ทั้ง ๆ น้ำมันปาล์มนั้นประเทศไทยเป็นผู้ผลิตเองด้วยซ้ำไป และปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาก็คือปัญหาราคาไข่ไก่ และปัญหาราคาเนื้อหมู ปัญหาเหล่านี้มีการแก้ไขปัญหาที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งทำให้ประชาชนต้องแบกรับปัญหาอยู่ฝ่ายเดียว
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้บริหารงานแบบไม่มีความโปร่งใส และมีการทุจริตคอร์รัปชั่นอยู่ตลอด เช่น งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีการเบิกจ่ายเงินไปแบบไม่โปร่งใส และก็มีการยอมรับกันในที่ประชุมของรัฐสภา แต่กระนั้นแล้วก็ยังไม่มีผู้ใดในทีมของรัฐบาลออกมารับผิดชอบ และก็มีเรื่องหนึ่งที่ตนให้ความสำคัญก็คือการประชุมของคณะรัฐมนตรีครั้งสุดท้าย ที่มีการถลุงเงินงบประมาณมากขนาดนี้ และก็ไม่มีรัฐบาลชุดไหนกล้าทำมาก่อน ทั้งนี้ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะกลับเข้ามาอยู่ในสถานะใดภายหลังการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยก็จะติดตามและตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไปอย่างแน่นอน
นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลบริหารประเทศแบบมีการเข้าไปแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน และทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข้อเท็จจริงได้อยากลำบาก มีการปิดหูปิดตาประชาชนอย่างแท้จริง
ด้าน นายภาวิช ทองโรจน์ รองประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือ กกอ. สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ภาระด้านการศึกษา โดยเฉพาะนโยบายเรียนฟรี 15 ปีของรัฐบาลนั้น เป็นนโยบายที่แอบอ้าง เพราะในความเป็นจริงนั้นเรื่องนี้เป็นบทบัญญัติในกฎหมายรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ที่ระบุว่ารัฐจะต้องส่งเสริมให้เยาวชนเรียนพรี 12 ปี และนโยบายนี้ก็เป็นแค่นโยบายต่อเนื่องของรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ อีกทั้งการเรียนฟรีของรัฐบาลชุดนี้ก็ทำให้มาตรฐานการเรียนของเยาวชนไทยก็ต่ำลงด้วย
ในช่วงท้าย นายปลอดประสพ ได้กล่าวอีกว่า เมื่อคืนนี้นายกฯพูดว่าได้ทำไปเยอะ แต่ที่ทำไม่สำเร็จก็เยอะ แต่อยากบอกว่าที่ทำมาเยอะไม่ถูกสักเรื่อง ซึ่งเชื่อมั่นว่าประชาชนคงไม่อนุญาตให้ทำต่อ ดังนั้น ขอทบทวน ว่าเมื่อมาไม่ถูกต้องและประชาชนไม่เคยเลือกมาเป็นรัฐบาล กลับไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหารซึ่งเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง จึงอยากบอกว่า คุณควรจากไป โดยไม่มีใครมีเยื่อใย คงจะดีใจที่ได้พ้นๆไปเสียที คุณจากไปรู้ไหม ได้ทิ้งมรดกบาปให้ประชาชนและทิ้งปัญหาให้คนอื่นเข้ามาแก้ไข คุณรู้ไหมทิ้งภาระให้ประชาชนไว้มากมายอย่างยิ่ง
**ยก “มาร์ค”สร้าง10นวัตกรรมการเมือง
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าช่วงที่นายอภิสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้สร้างนวัตกรรมทางการเมืองที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน 10 ข้อ ประกอบไปด้วย 1. การประกาศยุบสภาล่วงหน้า 2. การตั้งโต๊ะเจรจากับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) 3. การตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ 3 ฝ่าย หลังเหตุการณ์การชุมนุม 4.การตั้งคณะกรรมการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ 5. การประกันรายได้เกษตรกร แทนจำนำผลผลิต 6. การจัดเบี้ยสวัสดิการผู้สูงอายุ 500 บาทต่อเดือน 7. การจัดสรรเงินตอบแทนอาสาสมัครสาธารณสุข 600 บาทต่อคนต่อเดือน 8. การปรับโครงสร้างอุดหนุนผู้ใช้ไฟฟ้าน้อยให้ใช้ไฟฟรี 9. การให้ความสำคัญต่อฝ่ายนิติบัญญัติ โดยลงมติในการประชุมสภากว่า 81 % และ 10. ความมุ่งมั่นในการทำงาน
**เทพไท เย้ย “แม้ว”ลอกนโยบายปชป.
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีระบุผ่านเวทีกลุ่มนปช.ว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะดำเนินการให้สินเชื่อกับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหลังแรกในอัตราดอกเบี้ย0% เป็นเวลา5ปี รวมถึงการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 25% ว่า เห็นได้ชัดว่าเป็นการนำนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ไปต่อยอด เพราะนโยบายที่พ.ต.ท.ทักษิณ บอกนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้ดำเนินการมาแล้ว อย่างไรก็ตามพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีนโยบายลดภาษีให้กับผู้ที่ซื้อรถคันแรกตามแนวทางของพ.ต.ท.ทักษิณ แน่นอน เพราะพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าการซื้อรถนั้น แม้จะจำเป็นแต่คือความฟุ่มเฟือย ซึ่งแตกต่างจากการซื้อบ้านที่เป็นปัจจัย4 อีกทั้งการระบุถึงแนวทางลดภาษีซื้อรถตามที่พ.ต.ท.ทักษิณบอกนี้ ถือเป็นการไม่คำนึงถึงสภาพความเป็นจริงของเศรษฐกิจประเทศ