xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เดอะอ้วน เด็จพี่ และ“สมศักดิ์ โกศัยสุข”กับปริศนาทำไมอยากลงเลือกตั้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - แม้จะเป็นที่รับรู้กันในเบื้องต้นว่า การกระเหี้ยนกระหือรือของ “สมศักดิ์ โกศัยสุข” ที่จะดันทุรังส่งผู้สมัครจากพรรคการเมืองใหม่ลงเลือกตั้งโดยมิได้สนใจทั้งมติของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นผลมาจาก “ความอยาก” ที่จะเข้าไปเป็น “ผู้ทรงเกียรติในสภา”

แต่โดยเบื้องลึกแล้ว หลายคนก็ยังคงมีข้อสงสัยที่ค้างคาใจว่า ไม่น่าจะใช่เหตุผลที่แท้จริงของคนชื่อสมศักดิ์ โกศัยสุข รวมทั้งน่าจะมีอะไรลึกซึ้ง หรือมีเดิมพันที่ “ใหญ่” กว่านั้นอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่ดิ้นทุรนทุรายราวกับไส้เดือนโดนขี้เถ้าเมื่อเป้าหมายถูกขัดขวาง

กระทั่งในที่สุด เมื่อวันเวลาผ่านไปและข้อมูลหลั่งไหลเข้ามาเป็นลำดับ เค้าลางของความจริงก็เริ่มปรากฏให้เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่า มีที่มาที่ไปจากอะไร

จุดเริ่มต้นของการแกะรอยปริศนาอันดำมืดนี้เริ่มกระจ่างขึ้น เมื่อมีข้อมูลเล็ดลอดออกมาว่า เบื้องหลังของดีลครั้งนี้มี 2 บุคคลที่เป็นตัวการสำคัญที่เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยหนึ่งบุคคลนั้นเป็นหัวขบวนของกลุ่มซ้ายจัดแห่งพรรคเผาไทย ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อของ “เดอะอ้วน” ส่วนอีกคนหนึ่งรู้จักกันในชื่อของ “เด็จพี่”

เจอกับเด็จพี่ที่บ้านก่อนที่จะไปพบกับเดอะอ้วน

ถามว่า ทั้ง 3 คนเวียนมาบรรจบกันได้อย่างไร

คำตอบก็คือ มาบรรจบกันเพราะการเลือกตั้งเป็นประเด็นสำคัญ

ทันทีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะมีความชัดเจนว่าจะประกาศยุบสภาก่อนครบวาระการดำรงตำแหน่ง ฝ่ายการเมืองต่างก็เริ่มวางยุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการช่วงชิงชัยชนะกันอย่างจ้าละหวั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคเผาไทยที่มีเดิมพันสำคัญอยู่ที่การกลับมาของ นช.ทักษิณ ชินวัตร

ทั้งนี้ ทฤษฎีสำคัญของกลุ่มนักคิดซ้ายจัดผู้ปฏิเสธสถาบันแห่งพรรคเผาไทยนำโดย “เดอะอ้วน” เพื่อสนองตอบตัณหาของนายใหญ่ในการกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้งก็คือ ทำทุกวิถีทางเพื่อสกัดคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

และแล้วแผนการอันแยบคายก็เกิดขึ้น

แนวคิดของนักทฤษฎีซ้ายจัดผู้นี้ก็คือ ต้องการตัดคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จนได้จำนวน ส.ส.มาเป็นอันดับหนึ่งหรือได้มากกว่าครึ่งเพื่อเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

และเมื่อคิดสะระตะดูแล้วก็เห็นว่า ฐานคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์นั้นเป็นฐานคะแนนเสียงเดียวกับพรรคการเมืองใหม่ เพราะฉะนั้น ถ้าทำให้พรรคการเมืองใหม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็ย่อมจะทำให้คะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ลดน้อยถอยลงไปด้วย ทั้งคะแนนของ ส.ส.ระบบเขต และโดยเฉพาะ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อที่พรรคประชาธิปัตย์ลงทุนลงแรงอุตส่าห์แก้กฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ

ขณะที่ในฟากของนายสมศักดิ์เอง หากย้อนกลับไปในอดีตก็จะพบความจริงประการหนึ่งว่า เขาใฝ่ฝันที่จะก้าวลงสู่สนามการเมืองมาโดยตลอด และประกาศปวารณาตัวที่จะลงสนามเลือกตั้งมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวัตถุประสงค์ร่วมกัน ฝ่ายหนึ่งต้องการเป็นนักการเมือง ฝ่ายหนึ่งต้องการทำเพื่อนายใหญ่ ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่นายสมศักดิ์จะไม่สนใจพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่มีมติเอกฉันท์ไม่ให้ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งและเดินหน้ารณรงค์ Vote No พร้อมเดินหน้าท้าชนโดยไม่ฟังเสียงของมวลมหาประชาชนด้วยการหน้าทนตั้งโต๊ะแถลงข่าวเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมเปิดตัวนโยบายพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ทั้งแบบสัดส่วนและแบบแบ่งเขต ณ ที่ทำการพรรคการเมืองใหม่ ถ.พระสุเมรุ โดยอ้างเจตนารมณ์ของการตั้งพรรคการเมืองตามมาตรา 4 ที่กำหนดไว้ว่า การตั้งพรรคการเมืองต้องมุ่งมีเจตนาที่จะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง

เรียกว่าเป็นการอ้างข้างๆ คูๆ อ้างกฎหมายพรรคการเมือง โดยที่มิได้สนใจว่า กำเนิดของพรรคการเมืองใหม่นั้นมาจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

แถมยังบิดเบือนอีกว่า การรณรงค์โหวตโนของพันธมิตรฯ เป็นเพราะไม่ต้องการให้มีเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นการโกหกอย่างร้ายกาจ เนื่องจากการโหวตโนเป็นการใช้สิทธิของประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ก่อนที่ในเวลาไล่เลี่ยกันสมาชิกพรรคในนามกลุ่มรักการเมืองใหม่ราว 30 คนที่รู้ทันแผนการครั้งนี้จะเดินทางไปยังบริเวณหน้าที่ทำการพรรคเพื่ออ่านแถลงการณ์ขับไล่นายสมศักดิ์ โดยเตรียมตั้งโต๊ะล่ารายชื่อสมาชิกพรรคการเมืองใหม่เพื่อยื่นถอดถอนนายสมศักดิ์อีกด้วย

นอกจากนี้ ก่อนที่นายสมศักดิ์จะขนสมาชิกสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์(สรส.) มายึดพรรคการเมืองใหม่ นายสมศักดิ์ก็ลุแก่อำนาจอาศัยความเป็นหัวหน้าพรรคสั่งพักงานเจ้าหน้าที่พรรคการเมืองใหม่ที่ไปโพสต์แสดงความเห็นด้วยกับการ Vote No อีกต่างหาก

รายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคการเมืองใหม่แจ้งว่า นายสมชาย มีเหม็ง ผู้อำนวยการพรรคการเมืองใหม่ ได้ออกคำสั่งพักงานเจ้าหน้าที่พรรคจำนวน 7 ราย โดยให้เหตุผลว่า มีส่วนทำให้เอกสารสำคัญของพรรคสูญหาย จึงสั่งให้พักงาน 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-19 พ.ค.54 โดยก่อนหน้านี้ราว 3 เดือน เจ้าหน้าที่ทั้ง 7 รายดังกล่าวได้เคยส่งหนังสือร้องเรียนการทำหน้าที่ของนายสมชาย รวมทั้งผู้ช่วยของนายสมชาย ไปที่นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ เรื่องการบริหารงานภายในสำนักงานที่ล้มเหลว และมีพฤติกรรมคุกคามความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และยังมีพฤติกรรมยึดโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ด้วย แต่นายสมศักดิ์กลับเรียกสอบเฉพาะผู้ยื่นคำร้อง ขณะที่ไม่ได้ดำเนินการกับผู้ที่ถูกร้องแต่ประการใด ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าการเข้ามาทำหน้าที่ผู้อำนวยการพรรคของนายสมชายนั้น แม้จะได้รับการแต่งตั้งโดยที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคก็ตาม แต่ก็มาจากการผลักดันของนายสมศักดิ์ต่อที่ประชุม ภายหลังจากที่นายสมศักดิ์ได้รับเลือกมาเป็นหัวหน้าพรรคได้ไม่นาน

ที่สำคัญคือ การพักงานเจ้าหน้าที่ทั้ง 7 ราย ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่ทั้ง 7 คนดังกล่าว มีจุดยืนที่ชัดเจนในการสนับสนุนแนวทางของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งแต่กาในช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนน หรือ โหวตโน และสนับสนุนมติเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมาที่ไม่ต้องการให้พรรคส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง โดยได้ร่วมรณรงค์ผ่านสื่อออนไลน์ส่วนตัวผ่านเฟซบุ๊คอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขัดกับแนวทางของกรรมการบริหารพรรคบางส่วนที่มีความต้องการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.

“หลังจากทราบว่าถูกพักงาน เจ้าหน้าที่ทั้ง 7 คน ได้เดินทางไปที่ที่ทำการพรรค เพื่อเข้าไปเก็บสิ่งของส่วนตัว แต่กลับถูกการ์ดซึ่งเป็นคนจากสหภาพแรงงานรถไฟแห่งประเทศไทย เข้าตรวจค้นอย่างละเอียด รวมทั้งยังทำหารค้นรถยนต์ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ในกลุ่มอีกด้วย แต่ปรากฏว่าไม่ได้พบเอกสารอะไรที่เป็นสาระสำคัญตามที่พยายามกล่าวอ้าง” แหล่งข่าว ระบุ

ร้ายไปกว่านั้นคือ หลังจากการประชุมกรรมการบริหารพรรค เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ซึ่งนายสมศักดิ์สั่งเลื่อนการลงมติว่าจะส่งหรือไม่ส่งผู้สมัครเลือกตั้ง โดยอ้างว่าเกิดเหตุวุ่นวายภายนอกห้องประชุมนั้น จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีการเรียกประชุมกรรมการบริหารครั้งใหม่ ทั้งที่รับปากว่าจะนักประชุมภายใน 7 วัน จนเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมากลับมีการนัดกรรมการบริหารพรรคบางส่วนไปประชุมที่ จ.เพชรบุรี โดยหวังว่าจะลงมติให้พรรคส่งผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งการกระทำเช่นนั้นเข้าข่ายขัดระเบียบข้อบังคับของพรรค และขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญชัดเจน ทำให้ผู้ที่จะไปสมัครเลือกตั้งในนามพรรคการเมืองใหม่ในอีกไม่กี่วันข้าง อาจต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย เพราะไปสมัครโดยไม่มีมติกรรมการบริหารพรรคสนับสนุนอย่างถูกต้อง

“การประชุมเมื่อวันที่ 6 พ.ค.นั้นมีการนัดหมายโดย ผอ.พรรคอย่างลุกลี้ลุกลน รวมทั้งสั่งให้เจ้าหน้าที่ของพรรคหยุดงานในวันดังกล่าว เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าที่ทำการพรรคได้ ทั้งยังมีพฤติกรรมคุกคามข่มขู่ไม่ให้ผู้ใดเข้ามาในที่ทำการ และมีการล็อกประตูโดยโซ่จากด้านในอีกต่างหาก แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่บางส่วนที่อยู่อีกฝ่าย และบุตรสาวของนายสมศักดิ์ สามารถเข้ามาในที่ทำการพรรคได้” แหล่งข่าว กล่าวในที่สุด

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ได้เขียนข้อความผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊กโดยระบุว่า “พรรคการเมืองใหม่แถลงเตรียมส่งผู้สมัคร ส.ส.เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของคุณสมศักดิ์ และ กก.บห.บางคน เพราะ กก.บห.เสียงข้างมากยังยืนยันไม่เคยมีมติส่งผู้สมัคร และก็ไม่เคยมีการประชุม กก.คัดเลือกผู้สมัคร ตามมาตรา 37 และ 38 พรบ.พรรคการเมือง ผมและ กก.บห.เสียงข้างมากจะทำหนังสือถึง กกต.เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง ใครไปยื่นสมัครในนามพรรคก็ถือว่าโมฆะครับ”.

ไม่มีใครรู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เฒ่าเคราแพะกับเดอะอ้วนแนบแน่นแค่ไหน และมีการรับงานอะไรมาหรือไม่ แต่ที่นายสมศักดิ์ดึงดันเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลเหนือธรรมดา

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีข่าวที่นั่งยัน นอนยันและยืนยันได้ว่า เดอะอ้วนกับผู้เฒ่าเคราแพะเคยพบกันเพื่อเจรจาต้าอ่วยถึงยุทธศาสตร์ลับสุดยอดครั้งนี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ก่อนที่ดีลจะจบด้วยกระเป๋าใบโตที่ถูกส่งผ่านจาก “เด็จพี่” มาสู่ผู้เฒ่าเคราแพะ

ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ในกระเป๋าใบนั้น แต่ด้วยขนาดของกระเป๋า ก็ทำให้คาดเดาว่า สิ่งที่อยู่ในนั้นน่าจะมีปริมาณที่ไม่น้อยทีเดียว

ดังนั้น ข้อปริวิตกของใครหลายคนที่อดตั้งข้อสงสัยไม่ได้ว่า เมื่อพรรคการเมืองใหม่ไม่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสนับสนุนแล้วจะหาทุนจากไหนมาส่งผู้สมัครมากถึง 21 เขตเลือกตั้ง ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็ต้องใช้ทุนจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ก็คงจะหมดสิ้นข้อสงสัยไปถนัดใจเมื่อพรรคการเมืองใหม่ไม่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสนับสนุนแล้วจะหาเงินทุนจากไหนมาส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม กรณีของผู้เฒ่าเคราแพะกับเดอะอ้วนไม่น่าจะใช่นิยายปรัมปราที่หาความจริงไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีกรณีศึกษาที่ใกล้เคียงกันจนน่าจะนำมาเทียบเคียงได้

กรณีศึกษาที่ว่านั้นคือ กรณีของหนึ่งในคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ ที่เผชิญกับเหตุการณ์ในท่วงทำนองเดียวกัน

กล่าวคือ มีการยื่นกระสุนดินดำก้อนโต ที่ว่ากันว่า สูงถึงกว่า 50 เม็ดเพื่อแลกกับการให้กรรมการบริหารพรรครายนี้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่จังหวัดใหญ่จังหวัดหนึ่งในพื้นที่ภาคใต้ ทว่า แผนการชั่วร้ายดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ เพราะกรรมการบริหารพรรครายนี้ใจไม่ด้านพอที่จะทรยศกับประชาชนได้

และนี่กระมังที่เป็นเหตุผลที่ทำให้บรรดานักเลือกตั้งที่แฝงตัวกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและพรรคการเมืองใหม่หันรีหันขวางโดยไม่สนใจมติของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่จะไม่ส่งผู้สมัครลงรับสมัครเลือกตั้งและรณรงค์ Vote No เพื่อสั่งสอนนักการเมืองเลวๆ ให้รู้สำนึกว่า บ้านเมืองไทยเป็นบ้านเมืองที่ศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าที่จะให้คนริยำเข้ามาแสวงหาประโยชน์จากการเล่นการเมืองได้
กำลังโหลดความคิดเห็น