xs
xsm
sm
md
lg

รอวันแห่งการสมน้ำหน้า!

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์

เกิดเป็นคนบนแผ่นดินนี้ เป็นคนไทยหรือสัญชาติอื่น จะเรียกว่าโชคดีก็ได้ โชคร้ายก็ไม่ผิด ถ้ามองในแง่ดีจะเห็นว่าแผ่นดินนี้เรามีคนขายชาติตัวเป็นๆ เกือบทุกอาชีพ นำโดยนักการเมือง ทหาร ข้าราชการ พ่อค้า ชาวบ้าน หวังผลประโยชน์ส่วนตน

ชั่วช้าเลวทรามสุดขั้ว หน้าสุดด้าน แต่ยังยิ้มทำหน้าระรื่น ไม่แยแสเสียงท้วงติง วิพากษ์วิจารณ์ จนถึงเสียงประณามการโกงกินมูมมาม ใจดำอำมหิต ไร้จิตสำนึก

ขณะเดียวกัน แผ่นดินนี้มีคนดี ใจกว้าง เมตตา ยอมให้ขบวนการกังฉินขายชาติทำมาหากินตามใจชอบ อยู่ดีมีสุข มือใครยาว สาวได้สาวเอา ปลาใหญ่ กินปลาเล็ก ไม่กลัวโทษในกระบวนการยุติธรรม นอกจากเป็นพวกไม่มีปากเสียง ยากจน โง่ ไร้เส้นสาย

ยุค “มาร์ค โพเดียมเลี่ยมทอง” เป็นผู้นำรัฐบาล อะไรที่เรานึกว่าจะไม่ได้เห็น ก็ได้เห็น! เหลือเชื่อว่าคนไทยยอมให้นักการเมืองปล้นบ้านชิงเมือง ไม่ยอมต่อต้าน!

นายกฯ มาร์ค กำหนดจะยุบสภาอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ทั้งๆ ที่ชาวบ้านยังไม่เข้าใจเหตุผลของผู้นำรัฐบาลว่าจะยุบสภาไปหาพระแสงหอกดาบง้าวอะไร เมื่อยังมีเวลาเหลือจนถึงสิ้นปี! เลือกตั้งแล้วส่วนใหญ่ก็จะกลับมาเหมือนเดิม

หรือหาเหตุผลให้คณะกรรมการการเลือกตั้งใช้งบเกือบ 4 พันล้านบาท เลี้ยงดูเครือข่ายในงานเลือกตั้ง เปิดช่องให้นักการเมืองผ่องถ่ายเงินโกงสะสมมาเพื่อซื้อเสียง นึกว่าการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ช่วยลดแรงกดดันจากประชาชน และกลุ่มคนหนีคุก

ในใจ ส.ส.ไม่อยากมีเลือกตั้ง ถ้ายังมีเวลาเหลือ เพราะเป็นความเสี่ยงสอบตก ไหนจะต้องใช้เงินซื้อเสียง เดินฉีกยิ้มกว้าง ยกมือไหว้ชาวบ้านที่ขวางหน้ารอบทิศ ไม่เว้นแม้แต่เสียงหมาเกาขี้เรื้อน เป็นฤดูกาลของการโกหกซึ่งหน้า ตาไม่กะพริบ

รัฐบาลจำยอมยุบสภา โดยมั่นใจว่าขบวนการอำนาจจะบีบให้พรรคร่วมรับประทานจับมือตั้งรัฐบาลอีกรอบ แบ่งกระทรวง โครงการใหญ่โกงกินต่อไป

มีงบประมาณก้อนใหม่รออยู่! พรรคนายกฯ มาร์ค เชื่อว่าพรรคร่วมรับประทานชอบที่จะอยู่กับกลุ่มเดิม เพราะได้เขมือบไม่มีก้างขวางคอ เป็นระบบต่างคนต่างกิน มีหัวคิวบ้างสำหรับขาใหญ่รับบทผู้จัดการพรรคร่วมรับประทานดูแลงานป้องกันความขัดแย้ง

ต่างจากระบบ “ทักษิณ คนหนีคุก” ซึ่งกำหนดระบบกินรวบ พรรคร่วมรับประทานได้เพียงเศษเนื้อข้างเขียง กล้ำกลืนฝืนทน เสี่ยงต่อการโดนคัดออก ถ้าไม่ยอมสยบ

การเลือกตั้งครั้งต่อไป...ถ้ามี...จะแตกต่างกว่าครั้งก่อน เมื่อพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รณรงค์ต่อเนื่องให้ประชาชนใช้สิทธิ “ไม่เลือกใคร”

กลุ่มนิยมนอนหลับทับสิทธิ จัดอยู่ในกลุ่มคะแนนตกหล่น นักการเมืองไม่เหมือนผู้ไปใช้สิทธิ “ไม่เลือกใคร” ที่ผ่านมากลุ่มนอนหลับทับสิทธิ ส่วนใหญ่คือคนชั้นกลางในเมือง ไม่สนใจ เมื่อเห็นสารรูปพวกเสนอหน้ามาให้เลือกแล้ว อัปลักษณ์สุดทน

ครั้งนี้มีเหตุผล แรงจูงใจ อยากไปคูหากาเบอร์ แสดงจุดยืน “ข้าไม่เลือกพวกเอ็ง”

เป็นโอกาสทองที่จะปฏิเสธการเสนอตัวของผู้สมัครรับเลือกตั้งเข้าสภาฯ

มองอีกมุมคือ “ผู้สมัครรับเลือกตั้ง” คือ “พวกเอาตัวมาเสนอขาย” ให้คนมีสิทธิลงคะแนนนั่นเอง! ย่อมไม่ผิดที่จะเรียกพวกนี้ว่า “นักขายตัว” ไม่ต่างจากกลุ่มโสเภณียืนซุ่มในเงามืดริมถนน โคนต้นไม้ เสนอตัวให้ผู้เต็มใจซื้อเยียวยาตัณหาหน้ามืด

ถ้าโพลผ่านอินเทอร์เน็ตของ MSN แม่นยำ สะท้อนแนวคิด มุมมองของประชาชนเป็นวงกว้าง นักการเมืองหวาดผวา กลัวหน้าแหกแน่! เมื่อเสียง “ไม่เลือกใคร” มากเกินครึ่ง ทิ้งพวกเลือกพรรคเพื่อคนหนีคุกและพรรคมาร์คแบบไม่เห็นฝุ่น

มีเสียงท้วงเชิงเยาะจากกลุ่มผู้สงสัย หรือแอบจิตพรรคการเมืองว่า “ไม่เลือกใคร” แล้วจะได้อะไร? ตอบได้เลยว่า “ก็จะได้คนแบบพวกคุณเอ็ง” นั่นแหละ! ทำให้การเมืองต้องจมอยู่ในวงจรอุบาทว์ น้ำเน่า ยอมให้กังฉินโกงบ้านกินเมืองมาหลายสิบปีแล้ว

การไปใช้สิทธิ “ไม่เลือกใคร” ย่อมดีกว่ากลุ่มนอนหลับทับสิทธิ!

ถ้าผู้ใช้สิทธิ “ไม่เลือกใคร” มีมากถึง 10-20 เปอร์เซ็นต์ หรือสูงกว่า จะสร้างแนวคิดและกระแสใหม่ในการตบหน้านักการเมืองให้รู้ว่าพวกที่เสนอหน้ามากับป้ายหาเสียงเกลื่อนถนนนั้นจัดอยู่ในกลุ่ม “ผู้ไม่พึงปรารถนา” น่ารังเกียจในสังคมคนดี

ทุกวันนี้เราเห็นนักขายตัวหน้าเดิมๆ ขึ้นป้ายโฆษณาตัวเอง ทำมาตั้งแต่หนุ่มสาวจนแก่เฒ่าวัยเข้าโลง แต่ยังไม่มีจิตสำนึก ยางอาย คิดแต่จะโกงกินเป็นมรดกบาปให้ลูก

นักการเมืองจะต้าน หรือลดทอนกระแส “ไม่เลือกใคร” ได้อย่างไร? มองแล้วคงยาก แม้จะคิดเกม เปลี่ยนเงื่อนไข หรือบัตรลงคะแนนอย่างไร! ถ้าโชว์เล่ห์ จะยิ่งตอกย้ำให้เห็นความชั่วร้ายของนักการเมือง ใครเสนอหน้าให้เลือกต้องด้านหนากว่าเดิม

ถ้านายกฯ มาร์ค ยุบสภาตามกำหนด ยังมีเวลา 2 เดือนก่อนถึงวันกาเบอร์ กว่าจะถึงวันนั้น นักขายตัวต้องเร่ตระเวนหาเสียง ซื้อเสียง แข่งกับความร้อนแรงของพลังกระแสไม่เลือกใคร พร้อมกับคิดเกม ลูกเล่นใหม่โจมตีกลุ่มรณรงค์ “โหวตโน”

ถึงจุดนั้น สื่ออื่นๆ ต้องสนใจ เพิกเฉยต่อไปไม่ได้อีก เท่ากับเป็นการกระพือข่าวการรณรงค์ ทำให้กลุ่มผู้ไม่ตัดสินใจเลือกใคร มีทางเลือกให้ “โหวตโน”

นักซื้อเสียงคงต้องเพิ่มงบ เดิมพันสูง! ทั้งพรรคมารเก่า มารใหม่ จะได้บทเรียนเจ็บปวดว่าเส้นทางการเมืองน้ำเน่าแบบเก่าๆ ไม่ง่าย การขายตัวต้องหน้าด้านกว่าเดิม

ลงทุนไปจะเหมือนความพยายามขโมยไก่ นอกจากไม่ได้ ยังเสียข้าวสารไปเปล่าๆ ให้ชาวบ้านรอสมน้ำหน้าอีกด้วยนิ! อิอิอิ!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น