xs
xsm
sm
md
lg

ไหนคลั่งชาติ กระหายสงครามยังไง?

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

เมื่อแรกที่มีการเคลื่อนไหวของประชาชนเรียกร้องให้รัฐบาล ตั้งแต่รัฐบาล สมัคร สมชาย เรื่อยมาจนกระทั่งรัฐบาลอภิสิทธิ์ให้ระมัดระวังประเทศไทยของเราเสี่ยงต่อการที่จะสูญเสียดินแดน อันเริ่มจากแผ่นดินบริเวณรอบปราสาทพระวิหาร เรื่อยมาตามตะเข็บชายแดนจากศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว เรื่อยมาจนกระทั่งถึงจังหวัดตาก คนไทยกลุ่มหนึ่งหัวเราะเยาะว่า นั่นเป็นการเคลื่อนไหวแบบคลั่งชาติ เป็นพวกกระหายสงคราม

หรือเมื่อพูดถึงชายแดนไทย-กัมพูชา พวกเขาก็จะบอกว่า โลกทุกวันนี้เป็นโลกไร้พรมแดนแล้ว มีแต่พวกหัวเก่า หัวโบราณ หรือพวกกระหายสงครามเท่านั้นที่เป็นห่วง เป็นกังวล หรือสนใจปัญหาชายแดน

แต่เมื่อคนไทยกลุ่มหนึ่ง 7 คนเดินทางไปชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เพราะมีประชาชนชาวบ้านหนองจานมาร้องเรียนว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าไปทำกินในที่ไร่นาของพวกเขาได้ ถูกทางการกัมพูชาจับไปขึ้นศาล ถูกปล่อยมา 5 คน และอีก 2 คนยังอยู่ในคุกกัมพูชา

คนที่เคยบอกว่า เรื่องดินแดนไม่ต้องพูดถึงอีกแล้ว เพราะโลกนี้ไร้พรมแดน ประชาชนไปมาหาสู่กันได้ทั้งโลก ปิดปากเงียบ ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ว่าเขาจะเดินทางไปไหนก็ต้องใช้หนังสือผ่านทาง และต้องขออนุญาตเข้าประเทศนั้นๆ เสียก่อน (ยกเว้นประเทศที่มีข้อตกลง มีสนธิสัญญาต่อกันว่าไม่ต้องขออนุญาต) บางคนบอกว่าทะลึ่งเข้าไปเอง น่าจะขออนุญาตเขาก่อน

ส่วนทางการไทยนั้นรีบบอกเลยว่า นั่นเป็นที่ดินของกัมพูชา แม้นายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์จะบอกว่า ที่นั่นเป็นของไทย รัฐบาลไทยเยียวยาให้ประชาชนที่มีเอกสารสิทธิโดยไม่เก็บภาษี

แต่ไม่ทำการอันใดอันเป็นการเยียวยาให้นายวีระและนางสาวราตรี ที่ติดคุกอยู่ในกัมพูชา ทั้งที่วันนี้นายอภิสิทธิ์ตระหนักดีแล้วว่าที่ตรงนั้น ตรงที่นายวีระและพวกถูกจับเป็นของไทย

ถามว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีประสาอะไร (วะ)?

เอาละกลับมาสู่ปัญหากระหายสงคราม ปัญหาคลั่งชาติอย่างที่คนไทยกลุ่มหนึ่งพูดกัน เมื่อเห็นคนไทยอีกกลุ่มหนึ่งมาชุมนุมประท้วงให้รัฐบาลยกเลิกบันทึกความเข้าใจฯ 2543 ว่าเสี่ยงต่อการที่จะเสียดินแดน ให้ลาออกจากมรดกโลก ฯลฯ พวกเขา รวมทั้งรัฐบาลบอกอีกแล้วว่า พวกนี้คลั่งชาติ กระหายสงคราม เป็นคนกลุ่มน้อยที่เสียงดัง แต่แล้วเหตุไม่สงบก็เกิดขึ้นจริงๆ ระลอกแรกเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ปะทะกันใกล้กับบริเวณปราสาทพระวิหาร ชาวบ้านภูมิซรอล กันทรลักษ์ต้องอพยพเป็นหมื่นๆ คน เป็นครั้งแรกที่เห็นคนไทยอพยพหนีภัยกัมพูชา ครั้งที่สอง เกิดการปะทะกันที่ชายแดนจังหวัดสุรินทร์ ใกล้ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย เมื่อปลายเดือนเมษายน จนถึงขณะนี้เริ่มเดือนพฤษภาคมแล้ว เหตุการณ์ก็ยังไม่สงบ

ทั้งสองเหตุการณ์ ไทยก็บอกว่า กัมพูชาเริ่มก่อน ฝ่ายกัมพูชา ก็บอกว่า ฝ่ายไทยเริ่มก่อน

แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ฝ่ายไทยซึ่งกัมพูชาบอกว่า เป็นฝ่ายเริ่มก่อนนั้น ชาวบ้านต้องอพยพเป็นพันเป็นหมื่นเช่นเดียวกับที่เคยปะทะครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ กองทัพไทย หรือกองกำลังของไทยจะไม่บอกกล่าวให้ประชาชนคนไทยบริเวณชายแดนรู้ตัวล่วงหน้าเพื่อที่จะได้เตรียมพร้อมเลยหรือ ถ้าหากกองกำลังฝ่ายไทยเปิดฉากก่อน ทำไมจึงได้ถูกตำหนิจากคนไทยกลุ่มที่ถูกมองว่าเป็นพวกกระหายสงครามว่า ทำไมไม่สู้รบอย่างเอาจริงเอาจัง ทำไมไม่ผลักดันให้กัมพูชาออกไปให้พ้นจากผืนแผ่นดินของเรา ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร หรือบริเวณชายแดนอื่นๆ เช่นที่บ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ทั้งๆ ที่ศักยภาพในการสู้รบ กำลังพล ประสิทธิภาพอาวุธยุทโธปกรณ์ เราเหนือกว่ากัมพูชา

ทำไมเราจึงต้องคอยแต่ตอบโต้ เขาใช้อาวุธเล็กยิงมาเราก็ใช้อาวุธเล็กยิงโต้ ใช้ปืนใหญ่มา เราจึงค่อยใช้ปืนใหญ่ เขาใช้จรวด เราก็ค่อยใช้จรวด

ทำไมเราต้องเป็นสุภาพบุรุษ เป็นผู้ดีขนาดนั้น หรือนี่เป็นนโยบายตามแบบฉบับผู้ดีของนายอภิสิทธิ์

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้สะท้อนให้เห็นว่า คำเตือนให้ระมัดระวังว่า ระวังประเทศไทยกำลังจะสูญเสียดินแดนเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ไม่เช่นนั้นจะเกิดการปะทะระหว่างกองกำลังทั้งสองฝ่ายได้อย่างไร ผู้บังคับบัญชาฝ่ายไทยเสียด้วยซ้ำตำหนิประชาชนที่เคลื่อนไหวให้รัฐบาลระมัดระวังเรื่องที่จะเสียดินแดนว่า เป็นพวกที่ก่อความวุ่นวาย ไปรบเองไหม การรบย่อมทำให้เกิดความสูญเสีย ถ้าหากตาย บาดเจ็บ ใครจะรับผิดชอบ อันสะท้อนให้เห็นว่า กองทัพไทย หรือฝ่ายที่กุมกำลังของเราไม่ต้องการรบเลยแม้สักนิดเดียว (เว้นเสียแต่จะเจ้าเล่ห์เพทุบายจนจับไม่ได้ไล่ไม่ทันจริงๆ)

ฝ่ายกัมพูชาดูจะสมประสงค์ สมประโยชน์ เพราะสามารถนำเรื่องดังกล่าวนี้ขึ้นสู่ศาลโลกให้ช่วยตีความคำพิพากษาเสียใหม่ว่าที่ดินรอบปราสาทพระวิหารนั้นเป็นของใครกันแน่ ของไทย หรือของกัมพูชา

รัฐบาลไทยโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กระโดดงับทันที พูดทำนองว่า เตรียมทนายไว้แล้ว

รู้ทั้งรู้และเห็นมาแล้วว่า ศาลโลกเป็นศาลการเมือง สันปันน้ำแบ่งชัดเจนอยู่แล้วว่า ปราสาทอยู่ทางไหนของสันปันน้ำมันยังหลับหูหลับตาพิพากษาให้เป็นของกัมพูชาได้

วันนี้ยังจะยอมไปขึ้นศาลกับกัมพูชาอีกหรือ?

ทางที่ดีก็คือ ผลักดันกัมพูชาที่รุกล้ำแผ่นดินของเราออกไป

ขณะเดียวกัน ก็อย่าล้ำแผ่นดินของเขา อย่าเอาของเขาแม้สักนิดเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น