มีนักสังเกตการณ์ทางการเมืองคาดหมายว่า หลังการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งจะมีขึ้นปลายเดือนมิถุนายน หรือไม่ก็เดือนกรกฎาคมนี้บ้านเมืองของเราก็จะไม่สงบ โดยให้เหตุผลว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้ง คนเสื้อแดงก็จะออกมาคัดค้าน จะเกิดเหตุการณ์คล้ายวันสงกรานต์ปี 2552 และปี 2553 และหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง เสื้อเหลืองก็จะออกมา
นั่นเป็นการตั้งข้อสังกตหรือประเมินสถานการณ์ที่ออกจะตื้นเขินอยู่สักหน่อย
หลังการรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549 มีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ และจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 พรรคพลังประชาชนซึ่งสืบทอดมาจากพรรคไทยรักไทยที่ถูกยุบชนะการเลือกตั้ง จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศมี นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ใครก็รู้ว่าพรรคพลังประชาชนเป็นของทักษิณ ชินวัตร ใครก็รู้ว่า สมัคร สุนทรเวช รับใช้ทักษิณ แต่เมื่อชนะเลือกตั้ง ผู้คนทั้งหลายต่างก็สงบนิ่งยอมรับกติกา คือ รัฐธรรมนูญ ใครที่ได้เสียงข้างมาก หรือรวบรวมเสียงข้างมากได้ก็บริหารประเทศไป
แม้นายสมัครจะเอาอสรกุ๊ยมาร่วมคณะรัฐมนตรี เอาคนที่มีคดีฮุบที่ดินรถไฟมาเป็นประธานสภา ประชาชนก็อดทน นายสมัครบริหารประเทศให้ข้าวของแพงสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนทุกหย่อมหญ้า ประชาชนก็ไม่ปริปาก
ประชาชนออกมาคัดค้านรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อย่างเอาเป็นเอาตายก็ต่อเมื่อหางนายสมัครเริ่มโผล่ออกมาด้วยการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของ ทักษิณ ชินวัตร และบรรดากรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ยุติบทบาททางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
อย่าลืมว่า เมื่อรัฐบาลนายสมัครเข้ามาบริหารประเทศนั้น นายสมัครเร่งเปลี่ยนตัวอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ปรับเปลี่ยนข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข ประชาชนก็ได้แต่เพียงนิ่งดูสถานการณ์
รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ไม่ได้แตกต่างจากรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช
มาวันนี้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี ประชาชนก็ไม่ได้ละเว้นให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ละเว้นให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อนายอภิสิทธิ์พูดไม่อยู่กับร่องกับรอย นายอภิสิทธิ์ซึ่งเมื่อเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจนายสมัคร ยกเอาที่ดิน 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหารว่าเป็นของไทย ทำไมปล่อยให้กัมพูชาเข้ามายึดครอง ครั้นนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ก็ไม่ได้จัดการอย่างใดกับพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรที่นายอภิสิทธิ์เคยเล่นงานนายสมัคร
นายอภิสิทธิ์ที่กระทืบซ้ำนายวีระ นางสาวราตรี ที่เปิดทำเนียบฯ ให้ชาวบ้านที่ไหนก็ไม่รู้มาบอกว่าบ้านหนองจาน โคกสูง สระแก้ว ที่ 7 คนไทยถูกจับเป็นของกัมพูชา ก่อนหน้าที่ศาลกัมพูชาจะตัดสินลงโทษจำคุกนายวีระ และนางสาวราตรี 8 ปี 6 ปีตามลำดับ แล้วต่อมานายอภิสิทธิ์พูดกลางสภาว่า ยกเว้นไม่เก็บภาษีที่ดินให้ชาวบ้านหนองจานที่ไม่สามารถเข้าไปทำกินในที่ดินของตนได้
ที่ยกเว้นภาษีให้ก็เพราะที่ดินตรงนั้นเป็นของไทย
เมื่อนายอภิสิทธิ์ตระหนักและยอมรับว่าที่ดินตรงนั้นเป็นของไทย นายอภิสิทธิ์ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรียอมให้กัมพูชามาจับคนไทย 7 คนในแผ่นดินของคนไทยได้อย่างไร ปล่อยให้คนไทยถูกดำเนินคดีได้อย่างไรในเมื่อเอ็มโอยู 2543 ที่นายอภิสิทธิ์กอดแน่นบอกว่า ประชาชนสองประเทศไปมาระหว่างชายแดน หากมีปัญหาให้ส่งกลับ
และวันนี้ วันที่นายอภิสิทธิ์ยอมรับว่าที่ที่คนไทยถูกจับเป็นของไทย นายอภิสิทธิ์ยังใจดำอำมหิตปล่อย 2 คนไทยในคุกกัมพูชาอยู่อีกหรือ?
อีกหลายต่อหลายเหตุผลที่ประชาชนไม่เอานายอภิสิทธิ์ ไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์
แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะเอาบ้านเผาเมืองก่อความวุ่นวาย นอกจากกดดันให้รัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลใดก็ตามบริหารประเทศให้ถูกทำนองคลองธรรม
พรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งก็บริหารประเทศไป ประชาชนจะออกมาก็ต่อเมื่อรัฐบาลบริหารประเทศผิดทำนองคลองธรรม มีคอร์รัปชันอย่างหนักหนาสาหัส ใช้อำนาจเพื่อตนและพวกพ้อง ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงก็ออกมาคัดค้านเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมดา
และยิ่งหากรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่งมุ่งเข้ามาเพื่อให้ได้อำนาจรัฐเพื่อคนคนเดียว คือ ทักษิณ ชินวัตร มุ่งที่จะนำเขากลับประเทศโดยปราศจากมลทิน ไม่ต้องติดคุกติดตะราง การณ์ก็จะเป็นเช่นเดียวกับเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายน 2552 และ 2553 อาจจะมีผู้คนออกมาเคลื่อนไหวมากน้อยขึ้นอยู่กับเงินของทักษิณ แต่ก็ไม่มีทางสำเร็จอาจจะเผาบ้านเผาเมืองได้อีก ศาลากลางอาจจะวอดอีกสัก 3-4 แห่ง แต่ก็จะไม่มีทางช่วย ทักษิณ ชินวัตร ได้
การเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้น มีกระแสโหวตโนกระหึ่มขึ้นมา เพราะประชาชนเบื่อหน่ายการเมืองเก่า การเมืองที่ล้มเหลว การเมืองของนักเลือกตั้งที่นักเลือกตั้งมองเห็นว่า การเอาชนะการเลือกตั้ง คือ การสร้างฐานะ การเลื่อนวิทยฐานะทางสังคมจากหลงจู๊ ผู้รับเหมา นักเคลื่อนไหวมาเป็นท่านรัฐมนตรี ท่านรองนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งเป็น ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี มีอำนาจทางการเมือง มีอำนาจทางเศรษฐกิจ เปลี่ยนสถานะของครอบครัวให้มั่งคั่งมั่นคง เป็นผู้บริหาร เป็นผู้ปกครองทั้งตัวเอง ลูก ผัว เมีย น้องผัว น้องตัว น้องเมีย หรือสรุปรวมว่า ทั้งโคตรของมัน
หรือกระทั่งเมียน้อยก็หนุนให้มันเป็นรัฐมนตรีได้ (ดูรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เป็นตัวอย่าง)
คราวนี้ใครมาเป็นรัฐบาลก็จะลำบาก ต้องระมัดระวังตัวแจ ออกนอกลู่นอกทางเมื่อใดเป็นโดน
นั่นเป็นการตั้งข้อสังกตหรือประเมินสถานการณ์ที่ออกจะตื้นเขินอยู่สักหน่อย
หลังการรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549 มีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ และจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 พรรคพลังประชาชนซึ่งสืบทอดมาจากพรรคไทยรักไทยที่ถูกยุบชนะการเลือกตั้ง จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศมี นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ใครก็รู้ว่าพรรคพลังประชาชนเป็นของทักษิณ ชินวัตร ใครก็รู้ว่า สมัคร สุนทรเวช รับใช้ทักษิณ แต่เมื่อชนะเลือกตั้ง ผู้คนทั้งหลายต่างก็สงบนิ่งยอมรับกติกา คือ รัฐธรรมนูญ ใครที่ได้เสียงข้างมาก หรือรวบรวมเสียงข้างมากได้ก็บริหารประเทศไป
แม้นายสมัครจะเอาอสรกุ๊ยมาร่วมคณะรัฐมนตรี เอาคนที่มีคดีฮุบที่ดินรถไฟมาเป็นประธานสภา ประชาชนก็อดทน นายสมัครบริหารประเทศให้ข้าวของแพงสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนทุกหย่อมหญ้า ประชาชนก็ไม่ปริปาก
ประชาชนออกมาคัดค้านรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อย่างเอาเป็นเอาตายก็ต่อเมื่อหางนายสมัครเริ่มโผล่ออกมาด้วยการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของ ทักษิณ ชินวัตร และบรรดากรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ยุติบทบาททางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
อย่าลืมว่า เมื่อรัฐบาลนายสมัครเข้ามาบริหารประเทศนั้น นายสมัครเร่งเปลี่ยนตัวอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ปรับเปลี่ยนข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข ประชาชนก็ได้แต่เพียงนิ่งดูสถานการณ์
รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ไม่ได้แตกต่างจากรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช
มาวันนี้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี ประชาชนก็ไม่ได้ละเว้นให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ละเว้นให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อนายอภิสิทธิ์พูดไม่อยู่กับร่องกับรอย นายอภิสิทธิ์ซึ่งเมื่อเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจนายสมัคร ยกเอาที่ดิน 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหารว่าเป็นของไทย ทำไมปล่อยให้กัมพูชาเข้ามายึดครอง ครั้นนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ก็ไม่ได้จัดการอย่างใดกับพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรที่นายอภิสิทธิ์เคยเล่นงานนายสมัคร
นายอภิสิทธิ์ที่กระทืบซ้ำนายวีระ นางสาวราตรี ที่เปิดทำเนียบฯ ให้ชาวบ้านที่ไหนก็ไม่รู้มาบอกว่าบ้านหนองจาน โคกสูง สระแก้ว ที่ 7 คนไทยถูกจับเป็นของกัมพูชา ก่อนหน้าที่ศาลกัมพูชาจะตัดสินลงโทษจำคุกนายวีระ และนางสาวราตรี 8 ปี 6 ปีตามลำดับ แล้วต่อมานายอภิสิทธิ์พูดกลางสภาว่า ยกเว้นไม่เก็บภาษีที่ดินให้ชาวบ้านหนองจานที่ไม่สามารถเข้าไปทำกินในที่ดินของตนได้
ที่ยกเว้นภาษีให้ก็เพราะที่ดินตรงนั้นเป็นของไทย
เมื่อนายอภิสิทธิ์ตระหนักและยอมรับว่าที่ดินตรงนั้นเป็นของไทย นายอภิสิทธิ์ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรียอมให้กัมพูชามาจับคนไทย 7 คนในแผ่นดินของคนไทยได้อย่างไร ปล่อยให้คนไทยถูกดำเนินคดีได้อย่างไรในเมื่อเอ็มโอยู 2543 ที่นายอภิสิทธิ์กอดแน่นบอกว่า ประชาชนสองประเทศไปมาระหว่างชายแดน หากมีปัญหาให้ส่งกลับ
และวันนี้ วันที่นายอภิสิทธิ์ยอมรับว่าที่ที่คนไทยถูกจับเป็นของไทย นายอภิสิทธิ์ยังใจดำอำมหิตปล่อย 2 คนไทยในคุกกัมพูชาอยู่อีกหรือ?
อีกหลายต่อหลายเหตุผลที่ประชาชนไม่เอานายอภิสิทธิ์ ไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์
แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะเอาบ้านเผาเมืองก่อความวุ่นวาย นอกจากกดดันให้รัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลใดก็ตามบริหารประเทศให้ถูกทำนองคลองธรรม
พรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งก็บริหารประเทศไป ประชาชนจะออกมาก็ต่อเมื่อรัฐบาลบริหารประเทศผิดทำนองคลองธรรม มีคอร์รัปชันอย่างหนักหนาสาหัส ใช้อำนาจเพื่อตนและพวกพ้อง ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงก็ออกมาคัดค้านเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมดา
และยิ่งหากรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่งมุ่งเข้ามาเพื่อให้ได้อำนาจรัฐเพื่อคนคนเดียว คือ ทักษิณ ชินวัตร มุ่งที่จะนำเขากลับประเทศโดยปราศจากมลทิน ไม่ต้องติดคุกติดตะราง การณ์ก็จะเป็นเช่นเดียวกับเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายน 2552 และ 2553 อาจจะมีผู้คนออกมาเคลื่อนไหวมากน้อยขึ้นอยู่กับเงินของทักษิณ แต่ก็ไม่มีทางสำเร็จอาจจะเผาบ้านเผาเมืองได้อีก ศาลากลางอาจจะวอดอีกสัก 3-4 แห่ง แต่ก็จะไม่มีทางช่วย ทักษิณ ชินวัตร ได้
การเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้น มีกระแสโหวตโนกระหึ่มขึ้นมา เพราะประชาชนเบื่อหน่ายการเมืองเก่า การเมืองที่ล้มเหลว การเมืองของนักเลือกตั้งที่นักเลือกตั้งมองเห็นว่า การเอาชนะการเลือกตั้ง คือ การสร้างฐานะ การเลื่อนวิทยฐานะทางสังคมจากหลงจู๊ ผู้รับเหมา นักเคลื่อนไหวมาเป็นท่านรัฐมนตรี ท่านรองนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งเป็น ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี มีอำนาจทางการเมือง มีอำนาจทางเศรษฐกิจ เปลี่ยนสถานะของครอบครัวให้มั่งคั่งมั่นคง เป็นผู้บริหาร เป็นผู้ปกครองทั้งตัวเอง ลูก ผัว เมีย น้องผัว น้องตัว น้องเมีย หรือสรุปรวมว่า ทั้งโคตรของมัน
หรือกระทั่งเมียน้อยก็หนุนให้มันเป็นรัฐมนตรีได้ (ดูรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เป็นตัวอย่าง)
คราวนี้ใครมาเป็นรัฐบาลก็จะลำบาก ต้องระมัดระวังตัวแจ ออกนอกลู่นอกทางเมื่อใดเป็นโดน