ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ชายแดนไทยเขมรด้านสุรินทร์และบุรีรัมย์ไม่เลิกปะทะ ทหารเขมรเลี้ยงแกะ เมินข้อตกลงหยุดยิงเปิดฉากยิงทั้งคืนทหารไทยพลีชีพอีก 1 เจ็บ 5 นาย ซัด "มทภ.2" เจรจาผู้นำทหารเขมรบัญชาการรบผิดตัว "โฆษก ทภ.2" อัดเขมรแสบบุกยิงไทยแล้วโทร.ขอโทษ อ้างไม่ตั้งใจโจมตี พันธมิตรฯ เตรียมนำคณะมอบสิ่งของในพื้นที่วันนี้
วานนี้ (29 เม.ย.) เวลา 11.30 น.ที่ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ ภายในนิคมสร้างตนเอง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงโปรด ให้นายอภัย จันทนจุลกะ ผู้แทนพระองค์ มูลนิธิเพื่อนอาสาพึ่งภายามยาก เป็นผู้แทนพระองค์ เดินทางมามอบเงินช่วยเหลือ ทหารและประชาชนที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งประชาชนที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ การสู้รบ บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.พนมดงรัก และ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ 17 รายรายละ 10,000 บาท เพื่อเป็นการปลอบขวัญกำลังใจในเบื้องต้น
จากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ ช่วยเหลือทหาร ที่ได้รับบาดเจ็บ จากการปะทะ ตามแนวชายแดนไทย ตั้งแต่วันที่ 22-29 เม.ย.ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจังหวัดสุรินทร์ และโรงพยาบาลค่ายวีวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งมีทหารได้รับบาดเจ็บ 84 รายเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ทหารทุกนาย ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาอธิปไตย
นายอภัย กล่าวว่า พระองค์ทรงทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยและทหารไทยในขณะนี้ จึงมีพระราชประสงค์ที่จะให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วน ทั้งเพื่อช่วยบรรเทาความทุกข์ร้อนของประชาชนในเบื้องต้นและสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยและทหารไทยให้มีจิตใจเข้มแข็งต่อไป
ต่อมาเวลา15.00 น.ที่ห้องรับรองพนมรุ้ง ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้มอบหมายให้นายอภัย จันทนะจุลกะ เป็นผู้แทนพระองค์ เดินทางมามอบเงินประทานความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยจากการสู้รบระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์จำนวน 2 แสนบาทโดยมีนายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นผู้รับมอบ
นอกจากนี้ ยังได้มอบเงินประทานช่วยเหลือราษฎร บ.โคกกระชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด ที่บ้านเรือนพังเสียหายหลังจากถูกกระสุนปืนใหญ่จากฝั่งกัมพูชาตกใส่ อีก 2 รายๆ ละ 5,000 บาทด้วย
**ตกลงหยุดยิงไร้ผล-ปะทะเดือดทั้งคืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 ได้เจรจากับ พล.เจีย มอญ ผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา ที่โอร์เสม็ด ต.โอร์เสม็ด อ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชาตรงข้ามชายแดนไทยด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ได้ข้อตกลงร่วมกันให้ทหารทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิงตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 เม.ย.นั้น
ปรากฎว่า เมื่อเวลา 22.00 น.คืนวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมาทหารทั้งสองฝ่ายได้เปิดฉากยิงปะทะกันอย่างดุเดือดอีก โดยนายสี พาเชื้อ ผู้ใหญ่บ้านหนองดันนา ม.5 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พื้นที่ชายแดนใกล้ปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก แนวปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา เปิดเผยว่า ได้ยินเสียงปืน ค.ดังขึ้นทิ้งช่วงห่างกันเป็นระยะที่บริเวณปราสาทตาควาย แต่ไม่พบมีการยิงด้วยกระสุนปืนใหญ่และเสียงปืน ค.ยังคงดังต่อเนื่อง สลับกับการปะทะกันประปรายด้วยปืนเล็กทั้งเอเค 47 เอ็ม 16 และปืนกล สลับกันไปมาจนถึงเวลา 06.00 น.ของเช้าวันที่ 29 เม.ย.เสียงปืนจึงได้เงียบลง
**ทหารไทยพลีชีพอีก1นาย-บาดอีก5
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยในพื้นที่คาดว่า การปะทะดังกล่าวจุดเริ่มต้นอาจเป็นเพราะทหารกัมพูชาบางนายอยู่ในอาการมึนเมาและใช้อาวุธปืน ค.ปืนประจำกายยิงด้วยความขาดสติ ไม่น่าจะเกิดจากการสั่งการให้ยิงจากของผู้บังคับบัญชาหลังการเจรจาหยุดยิงของทั้ง 2 ฝ่ายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เนื่องจากนายทหารกัมพูชาไม่สามารถควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองได้ทั้งหมดและอาจมีบางนายเกิดความโกรธแค้นจึงยิงเข้ามา ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับกำลังพลของประเทศที่ยังไม่พัฒนา อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์หลังการเจรจาว่ากัมพูชาจะยุติการยิงปะทะตามที่ได้ตกลงกันอย่างไม่เป็นทางการไว้หรือไม่ต่อไป
มีรายงานว่า จากการปะทะกันเมื่อคืนวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมาและตอนช่วงเวลา 05.00-06.00 น.ของวานนี้ (29 เม.ย.) มีทหารพรานไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 นายที่บริเวณจุดปะทะปราสาทตาควาย ต.บักได คือ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) กึ้ง พลสงคราม สังกัดกรมทหารพรานที่ 26 ค่ายปักธงชัย จ.นครราชสีมา โดยถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณหน้าอก สะโพก แขน ขา และมีทหารได้รับบาดเจ็บอีก 4-5 นาย ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณแขนและขา ทั้งหมดถูกลำเลียงออกมาจากแนวปะทะส่งเข้ารักษาพยาบาลเบื้องต้นที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อ.พนมดงรัก ก่อนส่งต่อไปรักษายังโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์
**ชี้เหตุ"มทภ.2"เจรจาบิ๊กเขมรผิดตัว
อย่างไรก็ตาม สาเหตุการเกิดปะทะกันขึ้นอีกครั้งนี้ทั้งที่ได้มีข้อตกลงหยุดยิงร่วมกันระหว่าง แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยกับผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชาแล้วนั้น แหล่งข่าวทางทหารระบุว่า พล.ท.เจีย มอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชาไม่มีอำนาจในการบังคับบัญชาทหารหน่วยรบประจำแนวชายแดนที่จุดปะทะทั้งพื้นที่ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก อย่างแท้จริง เพราะผู้ที่ควบคุมหน่วยรบของเขมรประจำพื้นที่แนวชายแดนด้านนี้ คือ พล.อ.ชิม จันปัว รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการสมรภูมิรบที่ 3 ซึ่งจุดปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม เป็นพื้นที่ควบคุม ของ พล.อ.ชิม จันปัว ผู้บัญชาการสมรภูมิรบที่ 3 การที่แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยไปเจรจากับ พล.ท.เจีย มอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา อาจเป็นการเจรจาผิดตัวมากกว่า
**แฉเขมรรุกคืบเข้าใกล้ชายแดนไทย
ขณะที่ พ.อ.ปรีดา บุตราช ผู้อำนวยการกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 2 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 (ส่วนหน้า) แถลงถึงเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเมื่อคืนวันที่ 28 เม.ย.ว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 28 เม.ย.ทหารกัมพูชาได้ยิงปืนเล็กเข้าใส่ทหารไทยประปรายที่บริเวณปราสาทตาควาย แต่ทหารไทยไม่ได้ตอบโต้
ต่อมาเวลาประมาณ 01.00 น.ของวันที่ 29 เม.ย.ทหารกัมพูชารุกคืบเข้ามาใกล้ปราสาทตาควายและใช้อาวุธปืนเล็กพร้อมระเบิดมือขว้างใส่ทหารไทย ทำให้ทหารไทยตัดสินใจตอบโต้ด้วยอาวุธประจำกาย จนเกิดการปะทะกันขึ้น โดยไม่ได้ตอบโต้ด้วยอาวุธหนักแต่อย่างใด จากนั้นได้มีการปะทะกันขึ้นอีกในเวลา 05.00 น.ก่อนเสียงปืนจะสงบลงเมื่อเวลา 06.00 น.ของเช้าวันที่ 29 เม.ย.ซึ่งมีอาสาสมัครทหารพรานเสียชีวิต 1 นาย รวมจนถึงขณะนี้มีทหารไทยเสียชีวิตจากเหตุการ์ปะทะแล้วทั้งหมด 7 นาย
**แฉทหารเขมรแสบยิงแล้วขอโทษ
เวลา 12.00 น.ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดแถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ กรณีเกิดการปะทะกันหลังมีข้อตกลงหยุดยิง ของผู้นำทหารในระดับพื้นที่ทั้ง 2 ฝ่ายว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเวลาประมาณ 20.55 น.มีการปะทะกันประปรายราว 1 ชั่วโมงทางตะวันออกของปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เล็กน้อย แต่สถานการณ์ไม่รุนแรงอะไร หลังจากนั้นได้หยุดยิงกันแต่มาเกิดเหตุอีกครั้งในช่วงเวลา 02.00 น.และเวลา 04.00-05.00 น.ก่อนยุติในช่วงเวลา 05.30 น.วานนี้ (29เม.ย.)
เหตุการณ์ปะทะครั้งนี้ส่วนใหญ่ใช้อาวุธประจำกาย ซึ่งทำให้อาสาสมัครทหารพรานไทยเสียชีวิต 1 นายบาดเจ็บอีก 4-5 นายสาเหตุของการปะทะอาจเกิดจากการลาดตระเวนเจอกันซึ่งเป็นยุทธการทางทหาร และกำลังทั้งสองฝ่ายวางอยู่ใกล้กันบางจุดแค่ 50 เมตร บางจุด 100 เมตร บางจุด 200 เมตร ทำให้อาจเกิดความหวาดระแวงกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้แสดงว่า การเจรจาตกลงของผู้นำทหารระดับพื้นที่ไม่เป็นผลเพราะฝ่ายกัมพูชาไม่มีอำนาจตัดสินใจใช่หรือไม่ พ.อ.ประวิทย์ ตอบว่า ตรงนี้คิดว่าไม่ถึงขนาดนั้น ตามที่ผู้ใหญ่ได้ไปพูดคุยและไปหารือกันได้ข้อสรุปว่า จะหยุดยิงกันตั้งแต่เวลา 14.00 น.วันที่ 28 เม.ย.และที่สำคัญหากมีเหตุการณ์เกิดการปะทะในแนววางกำลังของทั้ง 2 ฝ่ายให้ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ติดต่อประสานงานทางโทรศัพท์ได้ทันที เพื่อแจ้งการปฏิบัติ
"เมื่อคืนนี้ทันทีที่เกิดเหตุผู้บังคับหน่วยของเรากับผู้บังคับหน่วยของกัมพูชา ก็ได้โทรศัพท์พูดคุยกันว่า มันเกิดเหตุอะไรขึ้น ทั้งที่เราได้คุยกันแล้ว ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้กล่าวขอโทษมาว่า ฝ่ายเขาไม่ได้ตั้งใจโจมตีฝ่ายเรา และรับปากว่าจะไปกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาทางด้านฝ่ายเขา เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก”
ส่วนจะเกิดเหตุปะทะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า ด้านการปฏิบัติครั้งนี้ตามการวิเคราะห์ของพวกเรายังมีความหวังว่าน่าจะไปได้ดี เนื่องจากเหตุที่เกิดอาจเป็นปัญหาในการควบคุมบังคับบัญชาของฝ่ายกัมพูชาเอง อาจมีการแจ้งข่าวสารของฝ่ายกัมพูชาที่ยังไม่ทั่วถึง หรือไม่ก็อาจมีกำลังพลบางส่วนที่เกเรไม่เชื่อฟัง ซึ่งฝ่ายกัมพูชาก็รับปากว่าจะไปกำกับดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ดังนั้น เราคงรอดูสถานการณ์ แต่ก็ไม่ได้ประมาท กำลังพลของเรายังคงเตรียมความพร้อม ณ ที่ตั้งอย่างเต็มที่
“จากนี้ไปเราต้องรอดูสถานการณ์อีกสักระยะหนึ่งว่า เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร และหากเกิดมีการปะทะก็ให้ผู้บังคับหน่วยประสานการปฏิบัติกันโดยทันที เพื่อระงับเหตุการณ์ไม่ให้มันเกิดขึ้นหรือบานปลาย โดยจะเห็นได้ว่าเหตุปะทะกันเมื่อคืนนี้มีการโจมตีกันน้อยกว่าใน 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งมันอาจเป็นอุบัติเหตุตามที่ได้ชี้แจงไป”
**มทภ.2ยันหากเขมรยิงมาก็ตอบโต้
ขณะที่เวลา 14.20 น.พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปรับฟังสถานการณ์เหตุปะทะกันเมื่อคืนวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมาที่หน่วยทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนใกล้กับปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก พร้อมให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ได้ให้ผู้การ ผู้พันทหารพรานที่ควบคุมพื้นของไทย ไปคุยกับผู้นำหน่วยทหารของฝ่ายกัมพูชาเพื่อยุติปัญหาการปะทะกัน คาดว่าวันนี้ (29)สถานการณ์จะดีขึ้นหากทุกคนทำตามข้อตกลงกัน
"แต่ต้องยอมรับว่าหากเขายิงเราก็ต้องยิงกลับไป แต่เราจำเป็นต้องตอบโต้พอสมควร จะพยายามไม่ใช้ของหนัก หากยืนยันว่าจะไม่ตอบโต้มันก็เป็นไปไม่ได้ เขาเจ็บเขาตายมันก็ห้ามกันลำบาก ทหารเราต้องรักษาวินัยให้เพิ่มมากขึ้น กำชับเรื่องการเสริมความแข็งแรงหลุมบังเกอร์ให้มีความปลอดภัย เราต้องการให้สงบโดยเร็วประชาชนที่ต้องออกมาอยู่นอกบ้านกว่า 40,000 คนจะได้เดินทางกลับบ้าน ซึ่งหากเหตุการณ์ดีขึ้นภายในวันสองวัน หากไม่มีการยิงต่อเนื่องก็จะกลับบ้านได้" แม่ทัภาค 2 กล่าว และว่า
“ส่วนการพูดคุยกับทหารกัมพูชา พล.ท.เจีย มอญ ผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 ก็คุยกันทุกวัน คุยผ่านพัน พ.อ.นวล โน มีการประสานงานกันตลอดเวลา”
พล.ท.ธวัชชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนของสื่อมวลชนก็ทำให้มีปัญหา เราพูดอย่างก็ไปเขียนอีกอย่าง สังคมมันเราพอไม่เข้าใจกันก็จะเสียหาย ผู้บังคับบัญชาระดับสูงไม่เข้าใจก็ทำให้เกิดความเสียหาย หากจะให้คิดว่าเราไม่รู้เรื่องเลย เราลงข่าวแบบนี้ไปคนเขาจะตีความอย่างไร แต่ถ้าตีความผิดที่เราต้องการมันก็จะต้องเปลี่ยนข้อความที่ส่งไปข้างบน
**"สุเทพ"เชื่อการสื่อสารเขมรคลาดเคลื่อน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการปะทะกับกัมพูชาที่ยังคงมีในช่วงดึกวันที่ 28 เม.ย.แม้ว่าจะมีการตกลงกันให้หยุดยิงกันแล้วก็ตามว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องการเสียชีวิตแต่ทราบว่ามีการปะทะกันตลอดทั้งคืน แต่เป็นการใช้อาวุธประจำกายในการสู้รบ เช่นปืนเล็กยาว โดยมีเจ้าหน้าที่ของเราได้รับบาดเจ็บ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การหยุดยิงชั่วคราวนี้เป็นการเข้าใจตรงกันในทุกระดับและทั้ง 2 ฝ่ายหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่แน่ จะไปเรียกว่าเข้าใจกันทุกระดับก็ไม่ได้ แต่ฝ่ายไทยเราเข้าใจกันหมดเพราะเมื่อ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ไปเจรจาทุกฝ่ายของเราก็จะได้รับรายงาน และเราก็ดำเนินการตามนั้นอย่างเคร่งครัด ซึ่งเจตนารมณ์ของคนไทยต้องการให้สงบสุขอยู่แล้วเมื่อพูดคุยอะไรก็ปฏิบัติทันที แต่กัมพูชาก็ยังมีปัญหาอยู่ และเราก็ยังให้โอกาส อย่างไรก็ตาม เราก็ยังมองในแง่ดีว่าการติดต่อ การสื่อสาร การสั่งการต่างๆ ของฝ่ายกัมพูชาจะมีปัญหาเพราะเขากระจายตัวกันอยู่ และสายบังคับบัญชาและระบบการสื่อสารอาจจะไม่สมบูรณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเจรจาหยุดยิงกันเมื่อวานนี้ แต่มีการปะทะกันตอนกลางคืนหมายความว่าการเจรจาไม่มีความหมาย ไม่สามารถเชื่อถือได้เลยใช่หรือไม่ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า เราไม่ถือว่าเป็นอย่างนั้น แต่จะติดตามดูสถานการณ์ต่อไป เมื่อคืนแม้ว่าจะมีการใช้อาวุธ แต่ก็เป็นการใช้ปืนเล็กยาวซึ่งเป็นเรื่องที่เบาลงมา แต่ถ้าเขายังขยายขีดการรบ ใช้อาวุธหนักมากขึ้นอย่างนั้นก็ต้องถือว่าที่พูดกันไว้ใช้ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า สรุปว่าการที่เหตุการณ์ยังเกิดขึ้นนั้นมาจากการที่ทางกัมพูชายังไม่สามารถสื่อสารได้ทุกระดับ และคิดว่าหลังจากที่เขาสื่อสารแล้วในเรื่องของการหยุดยิงจะสามารถหยุดได้ในวัน สองวันนี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้ไปยืนยันว่าระบบสื่อสาร หรือการสั่งการของเขามีปัญหา แต่เป็นข้อสันนิษฐาน ตนพยายามมองในแง่ดีด้วยเจตนาที่ต้องการให้เกิดสันติภาพ แต่ที่เน้นคือ ฝ่ายเราต้องติดตามประเมินสถานการณ์จริงตลอดเวลา เราหยุดอยู่แล้ว ถ้าไม่หยุด ปืนใหญ่ก็คงถล่มไปมากแล้วเมื่อคืนนี้
**ปัดนำเรื่องเปิด-ปิดด่านกดดันเขมร
นายสุเทพ กล่าวถึงข้อเรียกร้องของกัมพูชาขณะนี้ที่ต้องการให้ไทยเปิดด่านด้วยว่า ต้องดูสถานการณ์เป็นขั้นเป็นตอนไปก่อน ถ้ามีการยุติการใช้อาวุธกันจริงๆ และเราเห็นว่า มีความปลอดภัยสำหรับประชาชนที่ข้ามไปมาแล้ว ก็ยินดีอยู่แล้ว เพราะเป็นความตั้งใจเดิมของรัฐบาลไทยว่าการดำเนินการใดๆ ก็ระมัดระวังไม่ให้กระทบกระเทือนต่อการใช้ชีวิตปกติของประชาชนในบริเวณนั้น
เมื่อถามว่าเมื่อทางกัมพูชาต้องการเรื่องการเปิดด่านก็แสดงว่าเขากำลังมีปัญหาเรื่องนี้ ทำไมเราไม่ใช้เรื่องของการเปิด-ปิดด่านมากดดัน ให้กัมพูชาลดความรุนแรง รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า เราก็ใช้มาตรการที่เห็นว่ามีความเหมาะสม เมื่อถามว่าเป็นเพราะคนไทยไปมีหุ้นในบ่อนของกัมพูชาหรือไม่ จึงทำให้รัฐบาลไม่กล้าตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงยืนยันว่า ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล เราตัดสินใจทุกอย่างบนพื้นฐานของประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยส่วนรวมเป็นหลัก ไม่เอาอารมณ์ ไม่เอาความรู้สึก ไม่เอากระแสหรือผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
**จำลองสับปล่อยเหตุปะทะวงจรซ้ำซาก
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงสถานการณ์เหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ขณะนี้มีการหยุดยิงชั่วคราว หลังจากที่มีการปะทะกันมาตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งซ้ำรอยเหตุการณ์การปะทะเมื่อวันที่ 4-6 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่มีการปะทะและมีการเจรจาหยุดยิงชั่วคราว จนมาเกิดเหตุอีกครั้งในช่วงนี้ ในความเป็นจริงฝ่ายไทยสามารถทำให้เกิดการหยุดยิงถาวรได้ แต่ก็ไม่ได้ทำ จึงเกิดเป็นวงจรซ้ำแล้วซ้ำเล่า และทำให้มีทหารบาดเจ็บล้มตาย
ประชาชนไทยก็ได้รับความเดือดร้อน ต้องอพยพจากบ้านเรือน เหตุใดรัฐบาลไทยจึงปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ทั้งที่รัฐบาลน่าจะใช้โอกาสนี้ในการยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และทำการผลักดันทหารและชุมชนกัมพูชาออกจากดินแดนไทย ก่อนที่จะให้มีการหยุดยิงถาวรต่อไป
“พันธมิตรฯได้แนะนำมานานแล้ว แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆต่อวิธีการแก้ปัญหา 3 ข้อ คือ 1.ยกเลิกเอ็มโอยู 2543 2.ถอนตัวออกจากการเป็ฯภาคีมรดกโลก และ 3.ผลักดันกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย ส่วนสถานการณ์ตอนนี้ที่มีหลายประเทศให้ความสนใจ และอยากให้มีการหยุดยิงนั้น เชื่อว่าใครก็อยากให้มีการหยุดยิง แต่ต้องเป็นการหยุดยิงบนพื้นฐานของการไม่สูญเสียดินแดนด้วย” พล.ต.กล่าว
**“เทพมนตรี”นำคณะมอบสิ่งของในพื้นที่
ในส่วนกรณีมาตรการการช่วยเหลือทหารและราษฎรตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะของทหาร พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ในวันนี้ (30)จะมีการนำสิ่งของไปช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของคนไทยที่อยู่ในพื้นที่ โดยครั้งนี้เป็นการดำเนินการของกลุ่มย่อย โดยมีนายเทพมนตรี ลิมปพยหม กรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย เป็นผู้ประสานงาน เนื่องจากเมื่อครั้งการปะทะที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา พันธมิตรฯได้ส่งความช่วยเหลือไปแล้วครั้งหนึ่ง
อีกทั้งในครั้งนี้กองทัพได้งบประมาณถึง 1 พันล้านบาทที่ใช้ในการปะทะที่ อ.พนมดงรัก ทำให้เราไม่ได้ประกาศขอความช่วยเหลือจากประชาชนเพิ่มเติม เพราะเห็นว่าการชุมนุม 95 วันที่ผ่านมา ประชาชนได้ให้ความสนับสนุนการชุมนุมมามากแล้ว จึงไม่ต้องการรบกวนเพิ่มเติมอีก อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกที่มีการปะทะครั้งนี้ พันธมิตรฯส่วนกลางก็ได้ประสานให้พันธมิตรฯส่วนท้องถิ่น ที่ อ.กันทรลักษณ์ ที่เป็นพื้นที่ใกล้เคียงนำอาหารและน้ำดื่มไปช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
**"ฮุนเซน"ขอมติสภารบไทย
สถานีวิทยุกระจายเสียงกัมพูชา สามารถรับฟังได้ที่บริเวณ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ รายงานว่าในช่วงเช้าที่ผ่านมา สมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชา ได้มีการเปิดประชุมกรรมาธิการและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อขอมติจากสภาให้สภาสนับสนุน การสู้รบกับไทยและมีการถ่ายทอดเสียงผ่านวิทยุ โดยผู้นำกัมพูชา กล่าวกับ สมาชิกสภานิติบัญญัติว่า การสู้รบกับไทยที่เกิดขึ้น เป็นเพราะทหารไทยยิงทหารกัมพูชาก่อน ไทยรุกล้ำดินแดนเขมร และทหารเขมรก่อน การเจรจากับการสู้รบคนละเรื่องกัน การเจรจาจะเกิดขึ้นได้ไทยต้องเป็นฝ่ายหยุดยิงก่อน และที่มีการบอกว่า ตนเองหายไปไหน หรือว่า ป่วย ตนเองไม่ได้ป่วย ถ้าป่วยจะมาพูดอย่างนี้ได้อย่างใด เขมรต้องยิงเพราะไทยยิงมาก่อน หากจะบริหารพื้นที่มรดกโลกร่วมกัน ทำไมต้องยิงก่อน อย่างนี้กัมพูชาทนไม่ได้
เมื่อวันที่ 28 เม.ย. จึงจัดไป 2-3 ชุด ลูกปืนไปหล่นที่ไหน ไม่รู้ ไม่เข้าใครออกใคร ลงวัดก็ฆ่าพระ ฆ่าสงฆ์ได้ เช่นที่วัดแก้วสิกขาวารี พระพุทธรูปก็พังยับเยิน ไม่ต้องกลัว เพราะมีอาวุธเสริมมาใหม่ สามารถสู้กับไทยได้สบาย
"ที่มีข่าวว่า จะยิงฮุน มาเนต ให้ตายนั้น เพราะว่าหากฆ่า ฮุน มาเนต ได้ชาติตระกูลของ ฮุน เซน ก็สูญสิ้น อย่าหวังว่าจะทำอะไรได้ เพราะฮุน มาเนต นั่งอยู่ในรถหุ้มเกาะตลอดเวลา และขอขอบคุณสภาฯที่สนับสนุนการสู้รบกับทหารไทย"สมเด็จฮุน เซน กล่าว
**สธ.เผยมีผู้ป่วยสะสมกว่า 13,000 คน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการให้บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขบริเวณชายแดนที่เกิดเหตุปะทะไทย-กัมพูชา ว่า รายงานวันนี้ (29 เมษายน 2554) เวลา 11.00 น. มีการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการในศูนย์อพยพ 44 จุด มีผู้มารับบริการสะสมตั้งแต่วันแรก 13,006 คน โรคที่เป็นสาเหตุให้ป่วยมากที่สุดคือ โรคระบบทางเดินหายใจ 3,186 คน รองลงมาโรคระบบทางเดินอาหาร 2,174 คน โรคกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อ 2,009 คน และโรคผิวหนัง 703 คน
นพ.ชาตรี เจริญชีวกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)กล่าวถึงการดำเนินการด้านการแพทย์ฉุกเฉินในเหตุการณ์การปะทะกันที่เขตชายแดนไทย-กัมพูชาที่ จ.สุรินทร์ ว่า ตนได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า วานนี้(28 เม.ย.) ทางพื้นที่จ.สุรินทร์ได้ร้องขอทีมแพทย์ฉุกเฉินจากสถาบันไปประจำการในพื้นที่อีก 6 ทีม เพื่อให้เตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม สพฉ.เองยังคงจะต้องเตรียมความพร้อมเรื่องของทีมแพทย์ฉุกเฉินสำหรับลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเวลาที่ได้รับการร้องขอเพิ่มก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปได้ทันทีทันใด โดยทีมแพทย์ที่ประจำการนั้นก็ทำหน้าที่ตามที่ในส่วนของการดูแลผู้บาดเจ็บ แต่หากป่วยเล็กน้อยก็มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จากกระทรวงสาธารณสุข(สธ) ที่ท่านรัฐมนตรีได้สั่งการไปแล้ว
**ศธ. เตรียมสำรองแผนรับเปิดเทอม
นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ที่ปรึกษานายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) กล่าวว่า ในภาพรวมส่วนใหญ่ของโรงเรียนไม่ค่อยเสียหายมากนัก มีเพียงโรงเรียน 2 แห่งที่เป็นฐานตั้งของทหารได้รับผลกระทบอยู่บ้าง สามารถซ่อมแซมได้ และศธ.มีมาตรการช่วยดูแลโดยทางเขตพื้นที่การศึกษาต้องการหลุมหลบภัยแก่โรงเรียนที่อยู่ใกล้ชายแดน และงบประมาณช่วยค่าน้ำ ค่าไฟ สำหรับสถานศึกษาที่เปิดศูนย์รับผู้อพยพ ทั้งนี้ ตนจะเรียน รมว.ศธ. เพื่อของบฯฉุกเฉินมาช่วย รวมถึงการเตรียมแผนรองรับเปิดเทอมไว้ 2 แผนคือ แผนแรกหากสถานการณ์สงบลงนักเรียนก็จะกลับไปเรียนที่โรงเรียนเดิม แต่ถ้าถึงวันที่ 18 พ.ค.2554 สถานการณ์ยังไม่สงบจะให้นักเรียนที่อพยพตามผู้ปกครองมาพักที่โรงเรียนไหนก็จะให้เรียนโรงเรียนนั้น .
วานนี้ (29 เม.ย.) เวลา 11.30 น.ที่ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ ภายในนิคมสร้างตนเอง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงโปรด ให้นายอภัย จันทนจุลกะ ผู้แทนพระองค์ มูลนิธิเพื่อนอาสาพึ่งภายามยาก เป็นผู้แทนพระองค์ เดินทางมามอบเงินช่วยเหลือ ทหารและประชาชนที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งประชาชนที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ การสู้รบ บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.พนมดงรัก และ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ 17 รายรายละ 10,000 บาท เพื่อเป็นการปลอบขวัญกำลังใจในเบื้องต้น
จากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ ช่วยเหลือทหาร ที่ได้รับบาดเจ็บ จากการปะทะ ตามแนวชายแดนไทย ตั้งแต่วันที่ 22-29 เม.ย.ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจังหวัดสุรินทร์ และโรงพยาบาลค่ายวีวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งมีทหารได้รับบาดเจ็บ 84 รายเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ทหารทุกนาย ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาอธิปไตย
นายอภัย กล่าวว่า พระองค์ทรงทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยและทหารไทยในขณะนี้ จึงมีพระราชประสงค์ที่จะให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วน ทั้งเพื่อช่วยบรรเทาความทุกข์ร้อนของประชาชนในเบื้องต้นและสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยและทหารไทยให้มีจิตใจเข้มแข็งต่อไป
ต่อมาเวลา15.00 น.ที่ห้องรับรองพนมรุ้ง ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้มอบหมายให้นายอภัย จันทนะจุลกะ เป็นผู้แทนพระองค์ เดินทางมามอบเงินประทานความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยจากการสู้รบระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์จำนวน 2 แสนบาทโดยมีนายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นผู้รับมอบ
นอกจากนี้ ยังได้มอบเงินประทานช่วยเหลือราษฎร บ.โคกกระชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด ที่บ้านเรือนพังเสียหายหลังจากถูกกระสุนปืนใหญ่จากฝั่งกัมพูชาตกใส่ อีก 2 รายๆ ละ 5,000 บาทด้วย
**ตกลงหยุดยิงไร้ผล-ปะทะเดือดทั้งคืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 ได้เจรจากับ พล.เจีย มอญ ผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา ที่โอร์เสม็ด ต.โอร์เสม็ด อ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชาตรงข้ามชายแดนไทยด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ได้ข้อตกลงร่วมกันให้ทหารทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิงตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 เม.ย.นั้น
ปรากฎว่า เมื่อเวลา 22.00 น.คืนวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมาทหารทั้งสองฝ่ายได้เปิดฉากยิงปะทะกันอย่างดุเดือดอีก โดยนายสี พาเชื้อ ผู้ใหญ่บ้านหนองดันนา ม.5 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พื้นที่ชายแดนใกล้ปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก แนวปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา เปิดเผยว่า ได้ยินเสียงปืน ค.ดังขึ้นทิ้งช่วงห่างกันเป็นระยะที่บริเวณปราสาทตาควาย แต่ไม่พบมีการยิงด้วยกระสุนปืนใหญ่และเสียงปืน ค.ยังคงดังต่อเนื่อง สลับกับการปะทะกันประปรายด้วยปืนเล็กทั้งเอเค 47 เอ็ม 16 และปืนกล สลับกันไปมาจนถึงเวลา 06.00 น.ของเช้าวันที่ 29 เม.ย.เสียงปืนจึงได้เงียบลง
**ทหารไทยพลีชีพอีก1นาย-บาดอีก5
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยในพื้นที่คาดว่า การปะทะดังกล่าวจุดเริ่มต้นอาจเป็นเพราะทหารกัมพูชาบางนายอยู่ในอาการมึนเมาและใช้อาวุธปืน ค.ปืนประจำกายยิงด้วยความขาดสติ ไม่น่าจะเกิดจากการสั่งการให้ยิงจากของผู้บังคับบัญชาหลังการเจรจาหยุดยิงของทั้ง 2 ฝ่ายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เนื่องจากนายทหารกัมพูชาไม่สามารถควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองได้ทั้งหมดและอาจมีบางนายเกิดความโกรธแค้นจึงยิงเข้ามา ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับกำลังพลของประเทศที่ยังไม่พัฒนา อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์หลังการเจรจาว่ากัมพูชาจะยุติการยิงปะทะตามที่ได้ตกลงกันอย่างไม่เป็นทางการไว้หรือไม่ต่อไป
มีรายงานว่า จากการปะทะกันเมื่อคืนวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมาและตอนช่วงเวลา 05.00-06.00 น.ของวานนี้ (29 เม.ย.) มีทหารพรานไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 นายที่บริเวณจุดปะทะปราสาทตาควาย ต.บักได คือ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) กึ้ง พลสงคราม สังกัดกรมทหารพรานที่ 26 ค่ายปักธงชัย จ.นครราชสีมา โดยถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณหน้าอก สะโพก แขน ขา และมีทหารได้รับบาดเจ็บอีก 4-5 นาย ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณแขนและขา ทั้งหมดถูกลำเลียงออกมาจากแนวปะทะส่งเข้ารักษาพยาบาลเบื้องต้นที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อ.พนมดงรัก ก่อนส่งต่อไปรักษายังโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์
**ชี้เหตุ"มทภ.2"เจรจาบิ๊กเขมรผิดตัว
อย่างไรก็ตาม สาเหตุการเกิดปะทะกันขึ้นอีกครั้งนี้ทั้งที่ได้มีข้อตกลงหยุดยิงร่วมกันระหว่าง แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยกับผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชาแล้วนั้น แหล่งข่าวทางทหารระบุว่า พล.ท.เจีย มอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชาไม่มีอำนาจในการบังคับบัญชาทหารหน่วยรบประจำแนวชายแดนที่จุดปะทะทั้งพื้นที่ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก อย่างแท้จริง เพราะผู้ที่ควบคุมหน่วยรบของเขมรประจำพื้นที่แนวชายแดนด้านนี้ คือ พล.อ.ชิม จันปัว รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการสมรภูมิรบที่ 3 ซึ่งจุดปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม เป็นพื้นที่ควบคุม ของ พล.อ.ชิม จันปัว ผู้บัญชาการสมรภูมิรบที่ 3 การที่แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยไปเจรจากับ พล.ท.เจีย มอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา อาจเป็นการเจรจาผิดตัวมากกว่า
**แฉเขมรรุกคืบเข้าใกล้ชายแดนไทย
ขณะที่ พ.อ.ปรีดา บุตราช ผู้อำนวยการกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 2 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 (ส่วนหน้า) แถลงถึงเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเมื่อคืนวันที่ 28 เม.ย.ว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 28 เม.ย.ทหารกัมพูชาได้ยิงปืนเล็กเข้าใส่ทหารไทยประปรายที่บริเวณปราสาทตาควาย แต่ทหารไทยไม่ได้ตอบโต้
ต่อมาเวลาประมาณ 01.00 น.ของวันที่ 29 เม.ย.ทหารกัมพูชารุกคืบเข้ามาใกล้ปราสาทตาควายและใช้อาวุธปืนเล็กพร้อมระเบิดมือขว้างใส่ทหารไทย ทำให้ทหารไทยตัดสินใจตอบโต้ด้วยอาวุธประจำกาย จนเกิดการปะทะกันขึ้น โดยไม่ได้ตอบโต้ด้วยอาวุธหนักแต่อย่างใด จากนั้นได้มีการปะทะกันขึ้นอีกในเวลา 05.00 น.ก่อนเสียงปืนจะสงบลงเมื่อเวลา 06.00 น.ของเช้าวันที่ 29 เม.ย.ซึ่งมีอาสาสมัครทหารพรานเสียชีวิต 1 นาย รวมจนถึงขณะนี้มีทหารไทยเสียชีวิตจากเหตุการ์ปะทะแล้วทั้งหมด 7 นาย
**แฉทหารเขมรแสบยิงแล้วขอโทษ
เวลา 12.00 น.ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดแถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ กรณีเกิดการปะทะกันหลังมีข้อตกลงหยุดยิง ของผู้นำทหารในระดับพื้นที่ทั้ง 2 ฝ่ายว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเวลาประมาณ 20.55 น.มีการปะทะกันประปรายราว 1 ชั่วโมงทางตะวันออกของปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เล็กน้อย แต่สถานการณ์ไม่รุนแรงอะไร หลังจากนั้นได้หยุดยิงกันแต่มาเกิดเหตุอีกครั้งในช่วงเวลา 02.00 น.และเวลา 04.00-05.00 น.ก่อนยุติในช่วงเวลา 05.30 น.วานนี้ (29เม.ย.)
เหตุการณ์ปะทะครั้งนี้ส่วนใหญ่ใช้อาวุธประจำกาย ซึ่งทำให้อาสาสมัครทหารพรานไทยเสียชีวิต 1 นายบาดเจ็บอีก 4-5 นายสาเหตุของการปะทะอาจเกิดจากการลาดตระเวนเจอกันซึ่งเป็นยุทธการทางทหาร และกำลังทั้งสองฝ่ายวางอยู่ใกล้กันบางจุดแค่ 50 เมตร บางจุด 100 เมตร บางจุด 200 เมตร ทำให้อาจเกิดความหวาดระแวงกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้แสดงว่า การเจรจาตกลงของผู้นำทหารระดับพื้นที่ไม่เป็นผลเพราะฝ่ายกัมพูชาไม่มีอำนาจตัดสินใจใช่หรือไม่ พ.อ.ประวิทย์ ตอบว่า ตรงนี้คิดว่าไม่ถึงขนาดนั้น ตามที่ผู้ใหญ่ได้ไปพูดคุยและไปหารือกันได้ข้อสรุปว่า จะหยุดยิงกันตั้งแต่เวลา 14.00 น.วันที่ 28 เม.ย.และที่สำคัญหากมีเหตุการณ์เกิดการปะทะในแนววางกำลังของทั้ง 2 ฝ่ายให้ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ติดต่อประสานงานทางโทรศัพท์ได้ทันที เพื่อแจ้งการปฏิบัติ
"เมื่อคืนนี้ทันทีที่เกิดเหตุผู้บังคับหน่วยของเรากับผู้บังคับหน่วยของกัมพูชา ก็ได้โทรศัพท์พูดคุยกันว่า มันเกิดเหตุอะไรขึ้น ทั้งที่เราได้คุยกันแล้ว ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้กล่าวขอโทษมาว่า ฝ่ายเขาไม่ได้ตั้งใจโจมตีฝ่ายเรา และรับปากว่าจะไปกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาทางด้านฝ่ายเขา เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก”
ส่วนจะเกิดเหตุปะทะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า ด้านการปฏิบัติครั้งนี้ตามการวิเคราะห์ของพวกเรายังมีความหวังว่าน่าจะไปได้ดี เนื่องจากเหตุที่เกิดอาจเป็นปัญหาในการควบคุมบังคับบัญชาของฝ่ายกัมพูชาเอง อาจมีการแจ้งข่าวสารของฝ่ายกัมพูชาที่ยังไม่ทั่วถึง หรือไม่ก็อาจมีกำลังพลบางส่วนที่เกเรไม่เชื่อฟัง ซึ่งฝ่ายกัมพูชาก็รับปากว่าจะไปกำกับดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ดังนั้น เราคงรอดูสถานการณ์ แต่ก็ไม่ได้ประมาท กำลังพลของเรายังคงเตรียมความพร้อม ณ ที่ตั้งอย่างเต็มที่
“จากนี้ไปเราต้องรอดูสถานการณ์อีกสักระยะหนึ่งว่า เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร และหากเกิดมีการปะทะก็ให้ผู้บังคับหน่วยประสานการปฏิบัติกันโดยทันที เพื่อระงับเหตุการณ์ไม่ให้มันเกิดขึ้นหรือบานปลาย โดยจะเห็นได้ว่าเหตุปะทะกันเมื่อคืนนี้มีการโจมตีกันน้อยกว่าใน 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งมันอาจเป็นอุบัติเหตุตามที่ได้ชี้แจงไป”
**มทภ.2ยันหากเขมรยิงมาก็ตอบโต้
ขณะที่เวลา 14.20 น.พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปรับฟังสถานการณ์เหตุปะทะกันเมื่อคืนวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมาที่หน่วยทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนใกล้กับปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก พร้อมให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ได้ให้ผู้การ ผู้พันทหารพรานที่ควบคุมพื้นของไทย ไปคุยกับผู้นำหน่วยทหารของฝ่ายกัมพูชาเพื่อยุติปัญหาการปะทะกัน คาดว่าวันนี้ (29)สถานการณ์จะดีขึ้นหากทุกคนทำตามข้อตกลงกัน
"แต่ต้องยอมรับว่าหากเขายิงเราก็ต้องยิงกลับไป แต่เราจำเป็นต้องตอบโต้พอสมควร จะพยายามไม่ใช้ของหนัก หากยืนยันว่าจะไม่ตอบโต้มันก็เป็นไปไม่ได้ เขาเจ็บเขาตายมันก็ห้ามกันลำบาก ทหารเราต้องรักษาวินัยให้เพิ่มมากขึ้น กำชับเรื่องการเสริมความแข็งแรงหลุมบังเกอร์ให้มีความปลอดภัย เราต้องการให้สงบโดยเร็วประชาชนที่ต้องออกมาอยู่นอกบ้านกว่า 40,000 คนจะได้เดินทางกลับบ้าน ซึ่งหากเหตุการณ์ดีขึ้นภายในวันสองวัน หากไม่มีการยิงต่อเนื่องก็จะกลับบ้านได้" แม่ทัภาค 2 กล่าว และว่า
“ส่วนการพูดคุยกับทหารกัมพูชา พล.ท.เจีย มอญ ผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 ก็คุยกันทุกวัน คุยผ่านพัน พ.อ.นวล โน มีการประสานงานกันตลอดเวลา”
พล.ท.ธวัชชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนของสื่อมวลชนก็ทำให้มีปัญหา เราพูดอย่างก็ไปเขียนอีกอย่าง สังคมมันเราพอไม่เข้าใจกันก็จะเสียหาย ผู้บังคับบัญชาระดับสูงไม่เข้าใจก็ทำให้เกิดความเสียหาย หากจะให้คิดว่าเราไม่รู้เรื่องเลย เราลงข่าวแบบนี้ไปคนเขาจะตีความอย่างไร แต่ถ้าตีความผิดที่เราต้องการมันก็จะต้องเปลี่ยนข้อความที่ส่งไปข้างบน
**"สุเทพ"เชื่อการสื่อสารเขมรคลาดเคลื่อน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการปะทะกับกัมพูชาที่ยังคงมีในช่วงดึกวันที่ 28 เม.ย.แม้ว่าจะมีการตกลงกันให้หยุดยิงกันแล้วก็ตามว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องการเสียชีวิตแต่ทราบว่ามีการปะทะกันตลอดทั้งคืน แต่เป็นการใช้อาวุธประจำกายในการสู้รบ เช่นปืนเล็กยาว โดยมีเจ้าหน้าที่ของเราได้รับบาดเจ็บ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การหยุดยิงชั่วคราวนี้เป็นการเข้าใจตรงกันในทุกระดับและทั้ง 2 ฝ่ายหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่แน่ จะไปเรียกว่าเข้าใจกันทุกระดับก็ไม่ได้ แต่ฝ่ายไทยเราเข้าใจกันหมดเพราะเมื่อ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ไปเจรจาทุกฝ่ายของเราก็จะได้รับรายงาน และเราก็ดำเนินการตามนั้นอย่างเคร่งครัด ซึ่งเจตนารมณ์ของคนไทยต้องการให้สงบสุขอยู่แล้วเมื่อพูดคุยอะไรก็ปฏิบัติทันที แต่กัมพูชาก็ยังมีปัญหาอยู่ และเราก็ยังให้โอกาส อย่างไรก็ตาม เราก็ยังมองในแง่ดีว่าการติดต่อ การสื่อสาร การสั่งการต่างๆ ของฝ่ายกัมพูชาจะมีปัญหาเพราะเขากระจายตัวกันอยู่ และสายบังคับบัญชาและระบบการสื่อสารอาจจะไม่สมบูรณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเจรจาหยุดยิงกันเมื่อวานนี้ แต่มีการปะทะกันตอนกลางคืนหมายความว่าการเจรจาไม่มีความหมาย ไม่สามารถเชื่อถือได้เลยใช่หรือไม่ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า เราไม่ถือว่าเป็นอย่างนั้น แต่จะติดตามดูสถานการณ์ต่อไป เมื่อคืนแม้ว่าจะมีการใช้อาวุธ แต่ก็เป็นการใช้ปืนเล็กยาวซึ่งเป็นเรื่องที่เบาลงมา แต่ถ้าเขายังขยายขีดการรบ ใช้อาวุธหนักมากขึ้นอย่างนั้นก็ต้องถือว่าที่พูดกันไว้ใช้ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า สรุปว่าการที่เหตุการณ์ยังเกิดขึ้นนั้นมาจากการที่ทางกัมพูชายังไม่สามารถสื่อสารได้ทุกระดับ และคิดว่าหลังจากที่เขาสื่อสารแล้วในเรื่องของการหยุดยิงจะสามารถหยุดได้ในวัน สองวันนี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้ไปยืนยันว่าระบบสื่อสาร หรือการสั่งการของเขามีปัญหา แต่เป็นข้อสันนิษฐาน ตนพยายามมองในแง่ดีด้วยเจตนาที่ต้องการให้เกิดสันติภาพ แต่ที่เน้นคือ ฝ่ายเราต้องติดตามประเมินสถานการณ์จริงตลอดเวลา เราหยุดอยู่แล้ว ถ้าไม่หยุด ปืนใหญ่ก็คงถล่มไปมากแล้วเมื่อคืนนี้
**ปัดนำเรื่องเปิด-ปิดด่านกดดันเขมร
นายสุเทพ กล่าวถึงข้อเรียกร้องของกัมพูชาขณะนี้ที่ต้องการให้ไทยเปิดด่านด้วยว่า ต้องดูสถานการณ์เป็นขั้นเป็นตอนไปก่อน ถ้ามีการยุติการใช้อาวุธกันจริงๆ และเราเห็นว่า มีความปลอดภัยสำหรับประชาชนที่ข้ามไปมาแล้ว ก็ยินดีอยู่แล้ว เพราะเป็นความตั้งใจเดิมของรัฐบาลไทยว่าการดำเนินการใดๆ ก็ระมัดระวังไม่ให้กระทบกระเทือนต่อการใช้ชีวิตปกติของประชาชนในบริเวณนั้น
เมื่อถามว่าเมื่อทางกัมพูชาต้องการเรื่องการเปิดด่านก็แสดงว่าเขากำลังมีปัญหาเรื่องนี้ ทำไมเราไม่ใช้เรื่องของการเปิด-ปิดด่านมากดดัน ให้กัมพูชาลดความรุนแรง รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า เราก็ใช้มาตรการที่เห็นว่ามีความเหมาะสม เมื่อถามว่าเป็นเพราะคนไทยไปมีหุ้นในบ่อนของกัมพูชาหรือไม่ จึงทำให้รัฐบาลไม่กล้าตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงยืนยันว่า ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล เราตัดสินใจทุกอย่างบนพื้นฐานของประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยส่วนรวมเป็นหลัก ไม่เอาอารมณ์ ไม่เอาความรู้สึก ไม่เอากระแสหรือผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
**จำลองสับปล่อยเหตุปะทะวงจรซ้ำซาก
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงสถานการณ์เหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ขณะนี้มีการหยุดยิงชั่วคราว หลังจากที่มีการปะทะกันมาตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งซ้ำรอยเหตุการณ์การปะทะเมื่อวันที่ 4-6 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่มีการปะทะและมีการเจรจาหยุดยิงชั่วคราว จนมาเกิดเหตุอีกครั้งในช่วงนี้ ในความเป็นจริงฝ่ายไทยสามารถทำให้เกิดการหยุดยิงถาวรได้ แต่ก็ไม่ได้ทำ จึงเกิดเป็นวงจรซ้ำแล้วซ้ำเล่า และทำให้มีทหารบาดเจ็บล้มตาย
ประชาชนไทยก็ได้รับความเดือดร้อน ต้องอพยพจากบ้านเรือน เหตุใดรัฐบาลไทยจึงปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ทั้งที่รัฐบาลน่าจะใช้โอกาสนี้ในการยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และทำการผลักดันทหารและชุมชนกัมพูชาออกจากดินแดนไทย ก่อนที่จะให้มีการหยุดยิงถาวรต่อไป
“พันธมิตรฯได้แนะนำมานานแล้ว แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆต่อวิธีการแก้ปัญหา 3 ข้อ คือ 1.ยกเลิกเอ็มโอยู 2543 2.ถอนตัวออกจากการเป็ฯภาคีมรดกโลก และ 3.ผลักดันกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย ส่วนสถานการณ์ตอนนี้ที่มีหลายประเทศให้ความสนใจ และอยากให้มีการหยุดยิงนั้น เชื่อว่าใครก็อยากให้มีการหยุดยิง แต่ต้องเป็นการหยุดยิงบนพื้นฐานของการไม่สูญเสียดินแดนด้วย” พล.ต.กล่าว
**“เทพมนตรี”นำคณะมอบสิ่งของในพื้นที่
ในส่วนกรณีมาตรการการช่วยเหลือทหารและราษฎรตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะของทหาร พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ในวันนี้ (30)จะมีการนำสิ่งของไปช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของคนไทยที่อยู่ในพื้นที่ โดยครั้งนี้เป็นการดำเนินการของกลุ่มย่อย โดยมีนายเทพมนตรี ลิมปพยหม กรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย เป็นผู้ประสานงาน เนื่องจากเมื่อครั้งการปะทะที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา พันธมิตรฯได้ส่งความช่วยเหลือไปแล้วครั้งหนึ่ง
อีกทั้งในครั้งนี้กองทัพได้งบประมาณถึง 1 พันล้านบาทที่ใช้ในการปะทะที่ อ.พนมดงรัก ทำให้เราไม่ได้ประกาศขอความช่วยเหลือจากประชาชนเพิ่มเติม เพราะเห็นว่าการชุมนุม 95 วันที่ผ่านมา ประชาชนได้ให้ความสนับสนุนการชุมนุมมามากแล้ว จึงไม่ต้องการรบกวนเพิ่มเติมอีก อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกที่มีการปะทะครั้งนี้ พันธมิตรฯส่วนกลางก็ได้ประสานให้พันธมิตรฯส่วนท้องถิ่น ที่ อ.กันทรลักษณ์ ที่เป็นพื้นที่ใกล้เคียงนำอาหารและน้ำดื่มไปช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
**"ฮุนเซน"ขอมติสภารบไทย
สถานีวิทยุกระจายเสียงกัมพูชา สามารถรับฟังได้ที่บริเวณ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ รายงานว่าในช่วงเช้าที่ผ่านมา สมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชา ได้มีการเปิดประชุมกรรมาธิการและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อขอมติจากสภาให้สภาสนับสนุน การสู้รบกับไทยและมีการถ่ายทอดเสียงผ่านวิทยุ โดยผู้นำกัมพูชา กล่าวกับ สมาชิกสภานิติบัญญัติว่า การสู้รบกับไทยที่เกิดขึ้น เป็นเพราะทหารไทยยิงทหารกัมพูชาก่อน ไทยรุกล้ำดินแดนเขมร และทหารเขมรก่อน การเจรจากับการสู้รบคนละเรื่องกัน การเจรจาจะเกิดขึ้นได้ไทยต้องเป็นฝ่ายหยุดยิงก่อน และที่มีการบอกว่า ตนเองหายไปไหน หรือว่า ป่วย ตนเองไม่ได้ป่วย ถ้าป่วยจะมาพูดอย่างนี้ได้อย่างใด เขมรต้องยิงเพราะไทยยิงมาก่อน หากจะบริหารพื้นที่มรดกโลกร่วมกัน ทำไมต้องยิงก่อน อย่างนี้กัมพูชาทนไม่ได้
เมื่อวันที่ 28 เม.ย. จึงจัดไป 2-3 ชุด ลูกปืนไปหล่นที่ไหน ไม่รู้ ไม่เข้าใครออกใคร ลงวัดก็ฆ่าพระ ฆ่าสงฆ์ได้ เช่นที่วัดแก้วสิกขาวารี พระพุทธรูปก็พังยับเยิน ไม่ต้องกลัว เพราะมีอาวุธเสริมมาใหม่ สามารถสู้กับไทยได้สบาย
"ที่มีข่าวว่า จะยิงฮุน มาเนต ให้ตายนั้น เพราะว่าหากฆ่า ฮุน มาเนต ได้ชาติตระกูลของ ฮุน เซน ก็สูญสิ้น อย่าหวังว่าจะทำอะไรได้ เพราะฮุน มาเนต นั่งอยู่ในรถหุ้มเกาะตลอดเวลา และขอขอบคุณสภาฯที่สนับสนุนการสู้รบกับทหารไทย"สมเด็จฮุน เซน กล่าว
**สธ.เผยมีผู้ป่วยสะสมกว่า 13,000 คน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการให้บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขบริเวณชายแดนที่เกิดเหตุปะทะไทย-กัมพูชา ว่า รายงานวันนี้ (29 เมษายน 2554) เวลา 11.00 น. มีการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการในศูนย์อพยพ 44 จุด มีผู้มารับบริการสะสมตั้งแต่วันแรก 13,006 คน โรคที่เป็นสาเหตุให้ป่วยมากที่สุดคือ โรคระบบทางเดินหายใจ 3,186 คน รองลงมาโรคระบบทางเดินอาหาร 2,174 คน โรคกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อ 2,009 คน และโรคผิวหนัง 703 คน
นพ.ชาตรี เจริญชีวกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)กล่าวถึงการดำเนินการด้านการแพทย์ฉุกเฉินในเหตุการณ์การปะทะกันที่เขตชายแดนไทย-กัมพูชาที่ จ.สุรินทร์ ว่า ตนได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า วานนี้(28 เม.ย.) ทางพื้นที่จ.สุรินทร์ได้ร้องขอทีมแพทย์ฉุกเฉินจากสถาบันไปประจำการในพื้นที่อีก 6 ทีม เพื่อให้เตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม สพฉ.เองยังคงจะต้องเตรียมความพร้อมเรื่องของทีมแพทย์ฉุกเฉินสำหรับลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเวลาที่ได้รับการร้องขอเพิ่มก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปได้ทันทีทันใด โดยทีมแพทย์ที่ประจำการนั้นก็ทำหน้าที่ตามที่ในส่วนของการดูแลผู้บาดเจ็บ แต่หากป่วยเล็กน้อยก็มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จากกระทรวงสาธารณสุข(สธ) ที่ท่านรัฐมนตรีได้สั่งการไปแล้ว
**ศธ. เตรียมสำรองแผนรับเปิดเทอม
นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ที่ปรึกษานายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) กล่าวว่า ในภาพรวมส่วนใหญ่ของโรงเรียนไม่ค่อยเสียหายมากนัก มีเพียงโรงเรียน 2 แห่งที่เป็นฐานตั้งของทหารได้รับผลกระทบอยู่บ้าง สามารถซ่อมแซมได้ และศธ.มีมาตรการช่วยดูแลโดยทางเขตพื้นที่การศึกษาต้องการหลุมหลบภัยแก่โรงเรียนที่อยู่ใกล้ชายแดน และงบประมาณช่วยค่าน้ำ ค่าไฟ สำหรับสถานศึกษาที่เปิดศูนย์รับผู้อพยพ ทั้งนี้ ตนจะเรียน รมว.ศธ. เพื่อของบฯฉุกเฉินมาช่วย รวมถึงการเตรียมแผนรองรับเปิดเทอมไว้ 2 แผนคือ แผนแรกหากสถานการณ์สงบลงนักเรียนก็จะกลับไปเรียนที่โรงเรียนเดิม แต่ถ้าถึงวันที่ 18 พ.ค.2554 สถานการณ์ยังไม่สงบจะให้นักเรียนที่อพยพตามผู้ปกครองมาพักที่โรงเรียนไหนก็จะให้เรียนโรงเรียนนั้น .