"สมเด็จพระบรมฯ”โปรดเกล้าฯมอบถุงพระราชทาน ทหาร-ปชช.ประสบภัยสู้รบสุรินทร์ “มาร์ค”โผล่เยี่ยม ปชช.ทหารบาดเจ็บ ยังเชื่อการเจรจาจะเกิดขึ้นฝ่ายเขมรต้องหยุดยิงก่อน แฉเขมรจงใจยิง BM21 ถล่มพลเรือนไทย เผยเขมถล่มบ้านพลเรือนพังอื้อ สธ.สั่งปิดรพ. 9 แห่งหวั่นบึ้ม "กษิต"แนะสภาทำหนังสือถึงประชาคมอาเซียนกดดันเขมรเจรจา "ฮุนเซน" กร้าวสั่งเลิกซื้อสินค้าไทยหากปิดพรมแดน "ฮุน มาเนต"ระดมอาวุธหนักประชิดชายแดน หวังเปิดศึกอีก
วานนี้ (27 เม.ย.) เวลา 10.00 น.สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.ร.ต.ทศนุ เชียงทอง รองหัวหน้าสำนักงานโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว เป็นผู้แทนพระองค์เดินทางมามอบเครื่องอุปโภคบริโภคพระราชทาน 2,000 ชุด ให้แก่ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนและเสียชีวิตจากเหตุการณ์การสู้รบชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ ที่บริเวณหน้าศูนย์อพยพชั่วคราวนิคมสร้างตนเอง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ และตามโรงพยาบาลต่าง ๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะกับทหารกัมพูชา โดยนายเสริม ชัยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นตัวแทนรับมอบ
พล.ร.ต.ทศนุ เชียงทอง กล่าวว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ทรงประธานความห่วงใยแก่ทหารหารทุกนายที่เสียสละชีวิตและร่างกายเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย ทั้ง 2 พระองค์จะเป็นกำลังใจให้ทหารที่บาดเจ็บทุกนายได้หายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ววัน
โฆษก มท.2 ย้ำเขมรยิงไทยก่อน
พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 2(ทภ.2) แถลงข่าวสรุปสถานการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ว่า เป็นที่ทราบดีว่าฝ่ายกัมพูชาพยายามออกข่าวทำลายชื่อเสียงว่าฝ่ายไทยได้เริ่มโจมตี แต่ข้อเท็จจริงขอชี้แจงตั้งแต่เกิดการปะทะกันเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยมีหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายเขมรโจมตีไทยก่อนและรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย
วันแรกที่เริ่มปะทะกำลังของเราไปตรวจการณ์ และพบกำลังของฝ่ายเขมรบางส่วนได้เคลื่อนเข้ามาในลักษณะเตรียมตั้งฐานปฏิบัติการบริเวณใกล้ปราสาทตาควายทั้งที่เป็นพื้นที่ที่ตกลงกันว่า จะไม่มีกำลังทหารอยู่ ทำให้กำลังฝ่ายเราได้ไปชี้แจงและเตือนขอให้ทหารกัมพูชากลับลงไป แต่หลังจากชี้แจงแล้วเมื่อกำลังฝ่ายเรากลับมากลายเป็นทหารกัมพูชาโจมตีเราเลย ตรงนี้เป็นชนวนเหตุหลักที่เกิดการปะทะกัน
ยันมีหลักฐานมัด"เขมร"เล่นไม่ซื่อ
นอกจากนี้ ในการปฏิบัติของฝ่ายกัมพูชาเรามีหลักฐานที่ชัดเจน โดยเมื่อวันที่ 24 เม.ย.เวลา 14.00 น. มีทหารกัมพูชาเข้ามาโจมตีฝ่ายเราอีกที่บริเวณปราสาทตาควาย เราจำเป็นต้องให้กำลังของเราผลักดันทหารกัมพูชาออกไป และหลังผลักดันแล้วได้เข้าไปตรวจพื้นที่ที่มีการปะทะ ทำให้สามารถยึดอาวุธยุทโธปกรณ์หลายรายการ ทั้งเครื่องยิงลูกระเบิด อาร์พีจี และกระสุนอีกจำนวนมาก และพื้นที่ปะทะเป็นที่ชัดเจนว่าอยู่ในฝั่งประเทศไทย
"ตรงนี้เป็นข้อพิจารณาได้ว่า ฝ่ายกัมพูชาได้เริ่มโจมตีเราทั้งการใช้กำลัง การใช้อาวุธก่อน และประการสำคัญ คือ ในช่วงวันที่ 23 เม.ย.ก่อนมีการปะทะบริเวณปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธมนั้น มีทหารของกัมพูชาประสานพูดคุยกับทหารของเราที่อยู่ด้านเขาพระวิหารว่า ทางด้านปราสาทตาเมือนธม จะมีการปะทะหรือไม่ เราตอบไปว่าไม่มี แต่หลังจากพูดคุยกันได้ประมาณ 10 นาทีเศษก็มีการปะทะที่บริเวณปราสาทตาควาย และตาเมือนธม อันนี้เราพิสูจน์ได้ว่าการปฏิบัติของทหารกัมพูชาในแต่ละครั้งมีความตั้งใจและจงใจที่จะปฏิบัติต่อฝ่ายเราก่อนทุกครั้ง เรามีหลักฐานยืนยันแน่นอน
แนวสู้รบลุกลามถึง"กาบเชิง"
สำหรับสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชาล่าสุด พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า เรามีปัญหากันตั้งแต่ 18.00 น.เมื่อวันที่ 26 เม.ย.และเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการใช้กำลังของฝ่ายกัมพูชา ทั้งอาวุธยิงสนับสนุน โดยเฉพาะจรวด BM21 ที่กัมพูชานำมาใช้ในพื้นที่นี้ แล้วทำให้เกิดความสูญเสียและจะเห็นว่าข่าวการสูญเสียของเรา โดยเฉพาะประชาชนนั้น ลุกลามไปถึงบริเวณด้านช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ อันนี้ถึงแม้ว่ายังไม่มีการปะทะกันในแนวหน้า แต่ผลกระทบของประชาชนลามมาถึงช่องจอม อ.กาบเชิง แล้ว
“ในขณะที่ฝ่ายทหารไทยทุกระดับให้นโยบายว่า จะพยายามจำกัดขอบเขตในการปะทะหรือต่อสู้กันให้อยู่ในวงแคบ โดยให้อยู่เฉพาะด้านปราสาทตาควาย และ ตาเมือนธมเท่านั้น นโยบายของผู้บังคับบัญชาและทางรัฐบาลก็ยังเป็นเช่นนั้น เรายังยึดเช่นนั้นอยู่ ไม่เข้าใจว่าทางฝ่ายกัมพูชาพยายามจะขยายแนวไปทางด้านช่องจอม อ.กาบเชิง หรือไม่ เพราะขณะนี้ในทางปฏิบัติที่ผ่านมาก็ขยายไปแล้ว"
ยันไทยมีกำลังพอตลอดแนวชายแดน
พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า การปะทะในพื้นที่ปัจจุบันยังอยู่ในพื้นที่ของปราสาทตาควาย และตาเมือนอยู่ และหลังจากที่การปะทะได้สงบไปประมาณ 22.00 น.เมื่อคืนวันที่ 26 เม.ย.ก็มีการปะทะกันอีกในช่วง 05.15 น.วานนี้(27)และสงบลงคลี่คลายจนถึง 06.00 น.ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร ทหารเรายังตรึงกำลังประจำแนวกันอยู่
อย่างไรก็ตาม เราให้ความมั่นใจมาโดยตลอดต่อประชาชนและสื่อว่า ในภารกิจป้องกันชายแดนของเราในประจำปี รวมถึงปัจจุบันเรายังคงใช้กำลังป้องกันชายแดนตั้งแต่ จ.อุบลราชธานี ไปตลอดถึงพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ซึ่งพื้นที่หลักไม่ว่าจะเป็นด้านเขาพระวิหาร ช่องจอม ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ที่เกิดเหตุอยู่นี้ทั้งหมดเรามีกำลังทหารเพียงพอ ยังไม่จำเป็นต้องโยกย้ายกำลังจากที่อื่นมาสมทบเพิ่ม และยืนยันว่ายังไม่มีการเสริมกำลังพล ปัจจุบันยังคงใช้กำลังป้องกันชายแดนประจำปีอยู่แล้ว และมั่นใจว่าด้วยกำลังที่เรามีอยู่นี้เราสามารถที่จะรักษาอธิปไตยของไทยได้อย่างแน่นอน
ลั่นทหารไทยพร้อมลุยเต็มที่-ชนะแน่
ส่วนกรณีสื่อของกัมพูชาเสนอข่าวว่าไทยยอมแพ้แล้ว โดยขอเจรจากับฝ่ายเขมรนั้น พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า ได้ทราบข่าวและรับฟังมาเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ขอเรียนไปยังประชาชนว่าทหารไทยเราพร้อมปกป้องอธิปไตยไว้ให้คงอยู่ทุกตารางนิ้ว เราไม่ยอมแพ้แน่นอน และทุกระดับหน่วย ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นในพื้นที่ก็มีความมั่นใจ และขอให้ได้รับสัญญาณจากผู้บังคับบัญชาลงมา หากผู้บังคับบัญชาสั่งให้ปฏิบัติอย่างไรก็พร้อมปฏิบัติอย่างเต็มที่ และทหารเราใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ในการยึดนโยบายของผู้บังคับบัญชา ยึดนโยบายของรัฐบาลที่จะไม่พยายามให้การปะทะขยายขอบเขตออกไป
“แต่ทหารของเรา พร้อมเต็มที่ สั่งลุยเราก็พร้อมลุยเต็มพิกัด ขณะนี้อาวุธยุทโธปกรณ์ของเราที่มีอยู่ในพื้นที่รับมือกับฝ่ายกัมพูชาได้สบาย ยังไม่จำเป็นที่จะนำอาวุธอื่นๆ ที่เรามีอีกมากออกไปใช้”
พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า ในอดีตเมื่อครั้งปะทะกันที่ปราสาทพระวิหาร ส่วนใหญ่แล้วการหยุดยิงจะเกิดจากการพูดคุยกันว่าให้หยุดยิง แต่ในครั้งนี้การหยุดยิงแต่ละครั้งช่วงหลังไม่มีการพูดคุย หากเขายิงเข้ามาเราก็ตอบโต้ ถ้าฝ่ายเขาหยุดยิงเราก็หยุดเช่นกัน ซึ่งผู้บังคับบัญชา มีคำสั่งว่าหลังจากนี้ขอให้ตอบโต้อย่างสมเหตุสมผล และเน้นย้ำว่าเป้าหมายของการโจมตีหลักให้เป็นเป้าหมายทางทหารเท่านั้นเราไม่ไปแตะต้องเป้าหมายที่เป็นพลเรือน เพราะไม่อยากให้ประชาชนชาวกัมพูชาเดือดร้อน
ชัดเขมรชั่วยิงBM21ถล่มพลเรือน
ส่วนการใช้จรวด BM21 ของฝ่ายกัมพูชา ขนาด 40 ลำกล้องแต่ไม่มีนำวิถีการยิงนั้นเราไม่ทราบว่าเป็นความจงใจของกัมพูชาหรือไม่ที่พยายามโจมตรีที่หมายทางด้านพลเรือนของฝ่ายไทย ทำให้เราเสียหายมาก ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.จนถึงเมื่อเช้าวานนี้(27 เม.ย.)ในหลายหมู่บ้านได้รับความเสียหาย
ที่เสียหายมากที่สุดบริเวณบ้านโคกกระชาย อ.บ้านกรวด มีลูกจรวด BM21 เข้าตกกว่า 20 ลูกไม่ระเบิด 3 ลูกทำให้บ้านเรือนราษฎรเสียหาย 6 หลังไร่มันสำปะหลัง ไร่อ้อย สวนยางเสียหายจำนวนหนึ่ง ประชาชนบาดเจ็บ 4-5 คนขึ้นไป วัวตาย 1 ตัว
"พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอีกแห่งคือบ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก ลูกจรวดลงไปกว่า 10 ลูกประชาชนบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ขณะนี้มีประชาชนเสียชีวิต 1 คนคือนายวีรยุทธ บัวบาน อายุ 25 ปีชาวศรีสะเกษ ที่บ้านน้อยร่วมเย็น ต.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ขณะมารับจ้างเกี่ยวข้าวที่บ้านน้อยร่มเย็นเสียชีวิตด้วยจรวด BM21 ซึ่งเป็นความสูญเสียของฝ่ายเรา"
รบ5วันทหารไทยเจ็บ 69 ดับ 5 ชาวบ้านตาย 1
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเหตุการณ์ปะทะกันอย่างรุนแรงต่อเนื่องระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาติดต่อกัน 5 วันตั้งแต่วันที่ 22-26 เม.ย.ที่ผ่านมา มีรายงานสรุปทหารไทยได้รับบาดเจ็บรวม 69 นายเสียชีวิตรวม 5 นาย ในจำนวนนี้ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะอย่างดุเดือดล่าสุดตลอดทั้งวันและต่อเนื่องถึงคืนวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา 12 นาย
ส่วนประชาชนชาว จ.สุรินทร์ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย จากการที่ทหารกัมพูชายิงกระจรวด BM21 ถล่มเข้าใส่หมู่บ้านชายแดนไทยทั้งด้าน อ.พนมดังรัก และ อ.กาบเชิง เป็นจำนวนมากตั้งแต่ช่วงบ่ายต่อเนื่องถึงกลางคืนวันที่ 26 เม.ย.โดยผู้ได้รับบาด ประกอบด้วย 1.นายอัมพร วงศ์ชาดา ชาวบ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก และ 2.น.ส.จีระนันท์ จงกรต อายุ 16 ปี ลูกสาวของนายพรชัย จงกรต ผู้ใหญ่บ้านน้อยร่มเย็น ม.8 ต.กาบเชิง ถูกสะเก็ดกระสุนลูกจรวด ได้รับบาดเจ็บที่ข้อศอก
สำหรับผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายวีระยุทธ คำบาน อายุ 25 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ เสียชีวิตขณะเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.สุรินทร์ เมื่อคืนวันที่ 26 เม.ย.หลังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุลูกจรวด BM21 ของทหารกัมพูชาตกใส่บ้านพักของผู้ใหญ่บ้านน้อยร่มเย็น
ส่วนทหารกัมพูชา มีรายงานว่าพบมีการขนศพทหารเขมรที่เสียชีวิตจากการปะทะจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 50 นายไปกองไว้ภายในวัดบ้านซุบโกกี ต.ทมอดวน อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย ชายแดนฝั่งประเทศกัมพูชาตรงข้ามชายแดนฝั่งไทยบริเวณช่องกร่างบ้านรุน ต.บักได อ.พนมดังรัก
เขมรถล่มBM21บ้านคนไทยพังยับ
ต่อมาเช้าวานนี้ (27) เจ้าหน้าที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคงได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากเหตุทหารกัมพูชายิงจรวด BM21 ขนาด 40 ลำกล้องเข้ามาตกในหมู่บ้านชายแดนไทยหลายแห่ง เช่น บ้านเขื่อนแก้ว บ้านน้อยรมเย็น ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เบื้องต้นพบบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายอย่างน้อย 3 หลังโดยเฉพาะบ้านไม้ขนาด 2 ชั้นของนายพรชัย จงกรต ผู้ใหญ่บ้านน้อยร่มเย็น ต.กาบเชิง ถูกลูกจรวด BM21 ตกลงกลางบ้านเสียหายยับเยินทั้งหลัง ซึ่งเป็นผลให้ น.ส.จีระนันท์ จงกรต อายุ 16 ปีลูกสาวบาดเจ็บ และพบหัวจรวด BM21 ตกใกล้กับบ้านพักที่ยังไม่ระเบิดอีก 1 ลูก ส่วนบ้านเช่าที่นายวีระยุทธ คำบาน ผู้เสียชีวิตอาศัยอยู่เสียหายบางส่วน
นอกจากนี้ ยังมีบ้านพักราชการของเจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาสังคม หน่วยที่ 67 ต.กาบเชิง เสียหาย 1 หลัง บ้านพักของประชาชนที่อยู่ติดกันเสียหาย 1 หลัง ตู้โทรศัพท์สาธารณะ 1 ตู้ และสัตว์เลี้ยงวัว ตาย 1 ตัว บาดเจ็บขาหัก 2 ตัว
ปืนใหญ่เขมรถล่มบ้านชาวไทยพังยับ
ส่วนทางด้าน จ.บุรีรัมย์ ผลจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ตลอดช่วงบ่ายวันที่ 25 เม.ย.ต่อเนื่องคืนวันที่ 26 เม.ย.ทหารกัมพูชาได้ระดมยิงจรวด BM21 เข้ามาตกในหมู่บ้านโคกกระชาย ม.13 ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด ห่างจาก สภ.โคกกระชายไม่ถึง 500 เมตรหลายสิบลูก ทำให้ชาวบ้านถูกสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บ 3 ราย คือ นายสนั่น เติมประโคนชัย อายุ 60 ปี นายสนม เติมประโคน อายุ 58 ปี และนายธนาศิลป์ เสาเปรีย อายุ 40 ปี นอกจากนี้ยังมีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียอีก 2 หลัง และวัวชาวบ้านถูกสะเก็ดระเบิดตาย 1 ตัว
หลังเกิดเหตุชาวบ้านภายในหมู่บ้านโคกกระชาย ได้พากันอพยพออกจากหมู่บ้านไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์ที่ว่าการอำเภอบ้านกรวด เพิ่มอีก 200 คนจากเดิมมียอดผู้อพยพ 600 คน รวมเป็น 800 คนและบางส่วนได้อพยพไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์วัดตลาดนิคม เพิ่มขึ้นอีก 100 คน จากเดิมมีอยู่ร่วม 200 คน ส่วนภายในหมู่บ้านในช่วงกลางคืนได้มี ชรบ.เฝ้าดูแลรักษาความปลอดภัย และติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
สธ.ปิดโรงพยาบาล 9 แห่ง
วานนี้ (27 เมษายน) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ขณะนี้มีโรงพยาบาลที่จำเป็นต้องปิดให้บริการทั้งหมด 9 แห่ง เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 7 แห่งที่จังหวัดสุรินทร์ 6 แห่ง บุรีรัมย์ 1 แห่ง และเป็นโรงพยาบาลชุมชน 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรัก ที่จะเปิดให้บริการเฉพาะอุบัติเหตุฉุกเฉินและห้องผ่าตัด พร้อมทั้งได้ย้ายเจ้าหน้าที่ไปเปิดให้บริการเป็นโรงพยาบาลสนามที่โรงเรียนมหาราช 4 ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 8 กิโลเมตรแทน และโรงพยาบาลกาบเชิง ซึ่งได้ย้ายผู้ป่วยทั้งหมด 27 คน ออกจากโรงพยาบาลไปที่โรงพยาบาลปราสาท 9 คน โรงพยาบาลลำดวน 9 คน โรงพยาบาลสุรินทร์ 2 คน และโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน 1 คน ส่วนที่เหลือผู้ป่วยขอกลับบ้าน
“มาร์ค”ลงเยี่ยมผู้อพยพสุรินทร์
วันเดียวกัน เวลา 10.40 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน จ.สุรินทร์ โดยเข้าเยี่ยมทหาร และประชาชนผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลสุรินทร์ อ.เมืองสุรินทร์ และเข้ารับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ล่าสุดจาก พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2(มทภ.2)
นายกรัฐมนตรีได้มอบกระเช้าให้กำลังใจและเงินช่วยเหลือแก่ น.ส.จีระนันท์ จงกรต อายุ 16 ปีที่ได้รับบาดเจ็บจากลูกจรวด BM21 และเยี่ยมอาการนายอัมพร วงศ์ชาดา ที่ได้รับบาดเจ็บที่แขน พร้อมกับได้สอบถามถึงอาการชาวบ้านและอาการของทหารที่ได้รับบาดเจ็บจาก นพ.ธงชัย ตรีวิบูรณ์วณิชย์ ผอ.โรงพยาบาลสุรินทร์ ซึ่งรายงานว่าทุกคนปลอดภัยแล้ว
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ไปยังตึกอาคารเก็บศพของ รพ.สุรินทร์ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวชาวบ้านที่เสียชีวิต คือ นายวีระยุทธ คำบาน ซึ่งครอบครัวของนายวีระยุทธ ถึงกับร้องไห้เมื่อเห็นนายกฯ เดินทางมาให้กำลังใจ และมอบเงินช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมได้กำชับให้ทางจังหวัดดูแลครอบครัวผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ต่อไป ขณะที่นายกฯ มีสีหน้าที่เคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลาและรีบเดินทางออกจากโรงพยาบาลไป
ย้ำเขมรต้องหยุดยิงก่อนเจรจา
เวลา 11.30 น.นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจแก่ประชาชนผู้ประสบภัยจากการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาที่ศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนบ้านโคกกลาง ต.โคกยาง อ.พนมดงรัก ซึ่งผู้อพยพอยู่กว่า 5,000 คน โดยนายกฯพบปะให้กำลังใจและสอบถามประชาชนผู้อพยพอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเองสร้างความประทับใจแก่ผู้อพยพไม่น้อย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ฝ่ายกัมพูชาเริ่มมีความพยายามที่จะติดต่อเพื่อเจรจาหยุดยิงนับเป็นสัญญาณที่ดี เพราะฝ่ายไทยพร้อมพูดคุยอยู่ตลอดเวลาและในวันนี้ยังรอการติดต่อจากกัมพูชาอยู่ แต่ทั้งนี้ทางกัมพูชาก็ต้องหยุดยิงอาวุธเข้ามาฝั่งไทยเสียก่อน โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ได้ยิงเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้านที่มีประชาชนอาศัยอยู่จนได้รับความเสียหายมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
การที่กัมพูชาทำเช่นนี้อาจต้องการยกระดับความขัดแย้งขึ้นสู่ระดับนานาชาติ จึงใช้วิธีการนี้โจมตีฝ่ายไทย ซึ่งเชื่อว่าไม่ได้ผลเพราะนานาชาติก็เข้าใจได้ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ ไม่เช่นนั้นก็จะทำแบบนี้กันหมดและยืนยันว่าฝ่ายไทยไม่ต้องการไปรุกรานใคร ไม่อยากให้มีการยิงสู้รบกัน แต่หากยังไม่หยุดยิงไทยก็จำเป็นต้องตอบโต้เพื่อรักษาดินแดนอธิปไตยของไทยอย่างเต็มที่
"ป๋าเปรม"ชมทหารไทยเข้มแข็งสู้ศึกเขมร
วันเดียวกันที่สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ รุ่นที่ 15 ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ด้วยสีหน้าที่ เรียบเฉยว่า พวกเราคนไทยทุกคน ควรส่งกำลังใจให้กับทหารที่ทำงานในพื้นที่
เมื่อถามว่าปัญหาชายแดนวันนี้ กองทัพทำดีที่สุดหรือยัง พล.อ.เปรม กล่าวว่า กองทัพดีที่สุดเสมอ เมื่อถามต่อว่า มาตรการตอบโต้ของทหารไทย ถือว่าสมน้ำสมเนื้อหรือยัง พล.อ.เปรม กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่าจะให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ที่ชายแดนอย่างไร พล.อ.เปรม กล่าวว่า ให้ทุกวัน ทหารไทยเข้มแข็งอยู่แล้ว พวกเราควรได้แต่สนับสนุนเขา ขอบใจทุกคน
"ประวิตร"เผยรออีก2วันคุย"เตีย บันห์"
วันเดียวกันนี้ เวลา 09.30 น.ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีนว่า เป็นไปตามคำเชิญของ รมว.กลาโหมจีน ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ มีกำหนดการมานานแล้ว ซึ่งจะไม่มีการหารือถึงปัญหาที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ส่วนกรณีที่มีสื่อกัมพูชาเสนอข่าวว่า การที่ไทยจะเดินทางไปเจรจากับกัมพูชา เพราะเรายอมรับความพ่ายแพ้ในการปะทะที่เกิดขึ้น พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวว่า ให้รออีก 2 วัน หลังกลับจากภารกิจค่อยว่ากัน คงไม่มีปัญหาอะไร
ด้าน พล.อ.นพดล อินทปัญญา เลขานุการ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร ไม่เดินทางไปเจรจากับ พล.อ.เตีย บันห์ รมว.กลาโหม กัมพูชา เพื่อคลี่คลายปัญหาเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดน ว่า รมว.กลาโหมจีน ได้เชิญ พล.อ.ประวิตร ไปประเทศจีนเพื่อศึกษางาน เมื่อครั้งที่มาเยือนไทย ซึ่งพล.อ.ประวิตร ได้ตอบตกลงไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องเดินทางไป เพราะรับปากไปแล้ว กำหนดการเลื่อนไม่ได้ แต่หากมีเรื่องร้ายแรง ท่านก็พร้อมจะบินกลับมาไทยทันที
ส่วนกรณีที่ พล.อ.เตีย บันห์ จะนัดเจรจากับ พล.อ.ประวิตร ในวันที่ 27 เม.ย.นั้นอาจเป็นเพราะ พล.อ.เตีย บันห์ ไม่ทราบกำหนดการของ พล.อ.ประวิตร ว่าจะ เดินทางไปจีน ทั้งนี้ หากมีการเจรจาถือเป็นเรื่องดีที่สุด สถานการณ์จะได้ยุติและสงบ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ก็อยากให้มีการเจรจา แต่เผอิญต้องเดินทางไปจีน โดยได้บอกก่อนไปว่า หากกลับมาจากจีนแล้วเหตุการณ์สงบจะเดินทางไปหารือกับทาง พล.อ.เตีย บันห์ ที่ประเทศกัมพูชา
เมื่อถามว่ากองทัพบกระบุ สื่อกัมพูชาเสนอข่าวว่า ไทยยอมแพ้ ทำให้ พล.อ.ประวิตร ไม่พอใจ จึงไม่เดินทางไปเจรจา พล.อ.นพดล กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่า กองทัพบกชี้แจงเรื่องนี้อย่างไร แต่เท่าที่คุยกับ พล.อ.ประวิตร ท่านต้องไปจีน ระดับ รมว.กลาโหม ตกลงรับปากกันแล้ว จะไม่ไปได้อย่างไร โดยมีกำหนดเดินทางกลับไทย ในวันที่ 30 เม.ย.นี้
"มาร์ค"ปัดข่าวล้มเจรจากับเขมร
ขณะที่เมื่อเช้าวานนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวก่อนขึ้นเครื่องบินเพื่อไปเยี่ยมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปะทะกับบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ศูนย์อพยพ จ.สุรินทร์ ถึงกรณีการยกเลิกการเจรจากับทางกัมพูชาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมว่า สาเหตุของการยกเลิก เป็นเพราะ รมว.กลาโหม ติดภาระกิจเดินทางเยือนประเทศจีน จึงไม่ได้มีการล้มการเจรจา อย่างที่รัฐมนตรีกลาโหมของกัมพูชา กล่าวอ้าง ทั้งนี้ต้องรอทางกัมพูชานัดหมายเพื่อเจรจาอีกครั้ง
"กษิต"ยันไทยไม่เคยรุกรานใครก่อน
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศได้ชี้แจงปัญหาไทย-กัมพูชาผ่านทางทวิตเตอร์ @kasitpirom โดยมีข้อความว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามของฝ่ายกัมพูชา ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ เพื่อนำไปสู่ประชาคมโลก ผมมั่นใจไทยไม่ได้เป็นคนรุกราน และไม่มีเหตุผลที่จะรุกรานกัมพูชา เนื่องจากไทยได้ให้ความช่วยเหลือกัมพูชามาโดยตลอด
"กษิต"แจงสถานการณ์ทูตสหรัฐฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้เชิญนางคริสตี้ เคนนี่ย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาการปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชา
ภายหลังการชี้แจง น.ส.อาจารี ศรีรัตนบัลล์ ผู้อำนวยการกองประมวล และวิเคราะห์ข่าว เปิดเผยว่า นายกษิต ได้ย้ำท่าทีไทยว่าไม่ได้เป็นฝ่ายโจมตีก่อน เพราะไม่มีเหตุผลต้องทำ ที่ผ่านมาไทยได้ให้ความช่วยเหลือกัมพูชาโดยเฉพาะความร่วมมือส่งเสริมการค้า ที่สำคัญการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม ว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (เจบีซี)ไทย-กัมพูชา ล่าสุดที่ประเทศอินโดนีเซีย เป็นไปได้ด้วยดี ในส่วนของผู้สังเกตการณ์ ก็มีประเด็นคืบหน้า และไทยไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำให้กระบวนการพูดจากับกัมพูชาล่าช้า จึงขอให้สหรัฐฯ ช่วยโน้มน้าวให้ฝ่ายกัมพูชา เจรจาพูดคุยกับฝ่ายไทย ขณะที่แถลงของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไทยเห็นด้วยที่เรียกร้องให้ทั้งสองประเทศ พูดคุยกันตามกลไกที่มีอยู่
น.ส.อาจารี กล่าวว่า เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา แสดงความเข้าใจและรับว่าจะแจ้งเรื่องนี้ให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้รับทราบ ซึ่งทางสหรัฐได้เชิญเอกอัครราชทูตไทย ณ วอชิงตัน ไปชี้แจงเช่นกัน
"ซึ่งในช่วงเย็นวันนี้ (27) เวลา 17.00 น.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญเอคอัครราชทูตอินโดนีเซีย นิวซีแลนด์ ออสเตเลีย และอุปทูตแคนาดา มารับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย"
กษิตเสนออาเซียนบีบฮุนเซนเจรจา
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ (27) ที่มีการพิจารณาญัตติด่วน เกี่ยวกับปัญหาไทย-กัมพูชา นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากฝ่ายเขมรได้รุกล้ำอธิปไตยของไทย บริเวณปราสาทตาเหมือนธม และปราสาทตาควาย โดยเป็นความพยายามที่ต้องการขยายผล จากเหตุการณ์ปะทะเมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยไม่มีเหตุผลที่จะเป็นฝ่ายรุกล้ำเขมรก่อน เพราะไทยอยู่ในฐานะผู้ลงทุนและให้ความช่วยเหลือกัมพูชา ทั้งนี้ เหตุการณ์ปะทะตลอด 4-5 วันที่ผ่านมา ทางฝ่ายไทยได้พยายามติดต่อขอเจรจากับทางเขมรมาโดยตลอดเพื่อลดความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่สู้รบ แต่ก็ได้รับการปฎิเสธ ดังนั้น อยากขอเสนอให้รัฐสภาของไทยทำหนังสือไปยังรัฐสภากัมพูชาและรัฐสภาของประชาคมอาเซียนเพื่อเป็นตัวแทนในนามของปวงชนชาวไทย ในการส่งเสียงให้ประชาคมโลก โน้มน้าวให้ฮุนเซน กลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา เพราะทุกอย่างมีกระบวนการแก้ไข
"ยืนยันว่าไทยพร้อมปกป้องอธิปไตยไม่มีการบิดเบือน ทำอย่างตรงไปตรงมา และขอให้เชื่อมั่นในรัฐบาลและกองทัพ เพราะยังไงถ้าสู้กันจริงๆ เขมรก็ไม่มีทางชนะ ที่ผ่านมาเราได้ทำทุกทางแล้ว เพื่อให้มีการเจรจา โดยเฉพาะการพุดคุยกับทางอินโดนีเซีย เพื่อขอให้เขมรกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา เช่นเดียวกับการแสวงหามิตรประเทศ เพื่อให้เกิดสันติภาพในแนวชายแดน"รมว.ต่างประเทศ กล่าว
"ฮุนเซน"คุยโว"มดก็ล้มช้างได้"
นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวในระหว่างการประชุมของสมาคมสตรีกัมพูชาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา ว่า ความขัดแย้งบริเวณพรมแดนที่ปราสาทตาเมือน และปราสาทตาควาย นั้น สามารถเจรจากันในระดับทวิภาคีได้
ขณะที่ปราสาทพระวิหาร ได้ถูกนำเสนอต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และอาเซียนแล้ว ดังนั้นต้องเคารพบทบาทของอาเซียน การเจรจาทั้งหมดเกี่ยวกับพรมแดนที่ตกเป็นข้อพิพาทใกล้กับปราสาทพระวิหาร จะต้องให้บุคคลที่ 3 เข้ามามีส่วนร่วมด้วย
นายฮุนเซน อ้างว่ากัมพูชาไม่ต้องการให้เหตุขัดแย้งลุกลาม และเรียกร้องให้ไทยหยุดยิง พร้อมระบุด้วยว่า กัมพูชาเป็นประเทศเล็ก ยากจน และมีกองกำลังติดอาวุธขนาดเล็ก แต่ต้องไม่ลืมว่า มดก็สามารถทำร้ายช้างได้
"กัมพูชาจะนำเรื่องนี้เสนอที่ประชุมสุดยอดอาเซียนซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในเดือน พ.ค.เพื่อจะได้มีการเจรจาระหว่างกัมพูชา และไทย และถึงแม้ว่าประเด็นชายแดนกัมพูชา-ไทย จะไม่ได้รับการบรรจุในวาระการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ก็จะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาหารือกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน" นายฮุนเซน กล่าว
สั่งเลิกซื้อสินค้าไทยหากปิดพรมแดน
สื่อกัมพูชา เปิดเผยว่า สมเด็จฮุน เซน ได้แถลงในที่ประชุมของสมาคมสตรีเพื่อสันติภาพและการพัฒนาในกรุงพนมเปญ โดยได้เรียกร้องให้ประชาชนยุติการใช้สินค้าไทย ถ้าหากว่ามีการปิดพรมแดนเหมือนที่เป็นข่าว และพร้อมที่จะไปใช้สินค้าของ จีน และเวียดนามแทน
นอกจากนี้ นายรัฐมนตรีกัมพูชา ได้กล่าวว่า ทางกัมพูชา ได้หยุดความช่วยเหลือจากทางการไทยในปีที่ผ่านมา หลังจากที่มีปัญหาพิพาทมาโดยตลอด
เขมรระดมกำลัง แค้นผบ.พัน-ทหารตายอื้อ
แหล่งข่าวด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า พล.ท.ฮุน มาเนต รอง ผบ.ทบ.กองทัพกัมพูชา ได้มีคำสั่งเรียกตัวทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษ รพศ.911 และกองพลรักษาความปลอดภัย รปภ.70 ที่ประจำอยู่ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ รวม 700 นายไปสนับสนุนแนวรบด้าน จ.สุรินทร์ หลังจากได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการเปิดฉากปะทะกับไทยมาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.54 โดยมียอดทหารกัมพูชาเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 300 นายจากการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ และ 1 ในนั้นมีนายทหารที่มีตำแหน่งเป็นถึง ผบ.พันน้อยสนับสนุนที่ 4 ซึ่งเป็นน้องชายของ พล.ท.ซุม โซซิ๊ด โฆษกกระทรวงกลาโหม กัมพูชา เป็นเหตุให้ต้องออกมาแถลงข่าวทั้งน้ำตา เมื่อช่วงแรกของการปะทะที่ จ.สุรินทร์
แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า นอกจาก รพศ.911 กับ รปภ.70 จากเขาพระวิหารแล้ว เมื่อวานนี้ยังได้มีคำสั่งให้ทหารประจำจังหวัด (ปทจ.)ปรีเวง ที่ขึ้นตรงกับกองทัพภูมิภาคที่ 5 จำนวน 1 กองพันเข้าไปเสริมภารกิจที่ จ.สุรินทร์ ด้วยเช่นเดียวกัน
วานนี้ (27 เม.ย.) เวลา 10.00 น.สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.ร.ต.ทศนุ เชียงทอง รองหัวหน้าสำนักงานโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว เป็นผู้แทนพระองค์เดินทางมามอบเครื่องอุปโภคบริโภคพระราชทาน 2,000 ชุด ให้แก่ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนและเสียชีวิตจากเหตุการณ์การสู้รบชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ ที่บริเวณหน้าศูนย์อพยพชั่วคราวนิคมสร้างตนเอง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ และตามโรงพยาบาลต่าง ๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะกับทหารกัมพูชา โดยนายเสริม ชัยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นตัวแทนรับมอบ
พล.ร.ต.ทศนุ เชียงทอง กล่าวว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ทรงประธานความห่วงใยแก่ทหารหารทุกนายที่เสียสละชีวิตและร่างกายเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย ทั้ง 2 พระองค์จะเป็นกำลังใจให้ทหารที่บาดเจ็บทุกนายได้หายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ววัน
โฆษก มท.2 ย้ำเขมรยิงไทยก่อน
พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 2(ทภ.2) แถลงข่าวสรุปสถานการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ว่า เป็นที่ทราบดีว่าฝ่ายกัมพูชาพยายามออกข่าวทำลายชื่อเสียงว่าฝ่ายไทยได้เริ่มโจมตี แต่ข้อเท็จจริงขอชี้แจงตั้งแต่เกิดการปะทะกันเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยมีหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายเขมรโจมตีไทยก่อนและรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย
วันแรกที่เริ่มปะทะกำลังของเราไปตรวจการณ์ และพบกำลังของฝ่ายเขมรบางส่วนได้เคลื่อนเข้ามาในลักษณะเตรียมตั้งฐานปฏิบัติการบริเวณใกล้ปราสาทตาควายทั้งที่เป็นพื้นที่ที่ตกลงกันว่า จะไม่มีกำลังทหารอยู่ ทำให้กำลังฝ่ายเราได้ไปชี้แจงและเตือนขอให้ทหารกัมพูชากลับลงไป แต่หลังจากชี้แจงแล้วเมื่อกำลังฝ่ายเรากลับมากลายเป็นทหารกัมพูชาโจมตีเราเลย ตรงนี้เป็นชนวนเหตุหลักที่เกิดการปะทะกัน
ยันมีหลักฐานมัด"เขมร"เล่นไม่ซื่อ
นอกจากนี้ ในการปฏิบัติของฝ่ายกัมพูชาเรามีหลักฐานที่ชัดเจน โดยเมื่อวันที่ 24 เม.ย.เวลา 14.00 น. มีทหารกัมพูชาเข้ามาโจมตีฝ่ายเราอีกที่บริเวณปราสาทตาควาย เราจำเป็นต้องให้กำลังของเราผลักดันทหารกัมพูชาออกไป และหลังผลักดันแล้วได้เข้าไปตรวจพื้นที่ที่มีการปะทะ ทำให้สามารถยึดอาวุธยุทโธปกรณ์หลายรายการ ทั้งเครื่องยิงลูกระเบิด อาร์พีจี และกระสุนอีกจำนวนมาก และพื้นที่ปะทะเป็นที่ชัดเจนว่าอยู่ในฝั่งประเทศไทย
"ตรงนี้เป็นข้อพิจารณาได้ว่า ฝ่ายกัมพูชาได้เริ่มโจมตีเราทั้งการใช้กำลัง การใช้อาวุธก่อน และประการสำคัญ คือ ในช่วงวันที่ 23 เม.ย.ก่อนมีการปะทะบริเวณปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธมนั้น มีทหารของกัมพูชาประสานพูดคุยกับทหารของเราที่อยู่ด้านเขาพระวิหารว่า ทางด้านปราสาทตาเมือนธม จะมีการปะทะหรือไม่ เราตอบไปว่าไม่มี แต่หลังจากพูดคุยกันได้ประมาณ 10 นาทีเศษก็มีการปะทะที่บริเวณปราสาทตาควาย และตาเมือนธม อันนี้เราพิสูจน์ได้ว่าการปฏิบัติของทหารกัมพูชาในแต่ละครั้งมีความตั้งใจและจงใจที่จะปฏิบัติต่อฝ่ายเราก่อนทุกครั้ง เรามีหลักฐานยืนยันแน่นอน
แนวสู้รบลุกลามถึง"กาบเชิง"
สำหรับสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชาล่าสุด พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า เรามีปัญหากันตั้งแต่ 18.00 น.เมื่อวันที่ 26 เม.ย.และเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการใช้กำลังของฝ่ายกัมพูชา ทั้งอาวุธยิงสนับสนุน โดยเฉพาะจรวด BM21 ที่กัมพูชานำมาใช้ในพื้นที่นี้ แล้วทำให้เกิดความสูญเสียและจะเห็นว่าข่าวการสูญเสียของเรา โดยเฉพาะประชาชนนั้น ลุกลามไปถึงบริเวณด้านช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ อันนี้ถึงแม้ว่ายังไม่มีการปะทะกันในแนวหน้า แต่ผลกระทบของประชาชนลามมาถึงช่องจอม อ.กาบเชิง แล้ว
“ในขณะที่ฝ่ายทหารไทยทุกระดับให้นโยบายว่า จะพยายามจำกัดขอบเขตในการปะทะหรือต่อสู้กันให้อยู่ในวงแคบ โดยให้อยู่เฉพาะด้านปราสาทตาควาย และ ตาเมือนธมเท่านั้น นโยบายของผู้บังคับบัญชาและทางรัฐบาลก็ยังเป็นเช่นนั้น เรายังยึดเช่นนั้นอยู่ ไม่เข้าใจว่าทางฝ่ายกัมพูชาพยายามจะขยายแนวไปทางด้านช่องจอม อ.กาบเชิง หรือไม่ เพราะขณะนี้ในทางปฏิบัติที่ผ่านมาก็ขยายไปแล้ว"
ยันไทยมีกำลังพอตลอดแนวชายแดน
พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า การปะทะในพื้นที่ปัจจุบันยังอยู่ในพื้นที่ของปราสาทตาควาย และตาเมือนอยู่ และหลังจากที่การปะทะได้สงบไปประมาณ 22.00 น.เมื่อคืนวันที่ 26 เม.ย.ก็มีการปะทะกันอีกในช่วง 05.15 น.วานนี้(27)และสงบลงคลี่คลายจนถึง 06.00 น.ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร ทหารเรายังตรึงกำลังประจำแนวกันอยู่
อย่างไรก็ตาม เราให้ความมั่นใจมาโดยตลอดต่อประชาชนและสื่อว่า ในภารกิจป้องกันชายแดนของเราในประจำปี รวมถึงปัจจุบันเรายังคงใช้กำลังป้องกันชายแดนตั้งแต่ จ.อุบลราชธานี ไปตลอดถึงพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ซึ่งพื้นที่หลักไม่ว่าจะเป็นด้านเขาพระวิหาร ช่องจอม ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ที่เกิดเหตุอยู่นี้ทั้งหมดเรามีกำลังทหารเพียงพอ ยังไม่จำเป็นต้องโยกย้ายกำลังจากที่อื่นมาสมทบเพิ่ม และยืนยันว่ายังไม่มีการเสริมกำลังพล ปัจจุบันยังคงใช้กำลังป้องกันชายแดนประจำปีอยู่แล้ว และมั่นใจว่าด้วยกำลังที่เรามีอยู่นี้เราสามารถที่จะรักษาอธิปไตยของไทยได้อย่างแน่นอน
ลั่นทหารไทยพร้อมลุยเต็มที่-ชนะแน่
ส่วนกรณีสื่อของกัมพูชาเสนอข่าวว่าไทยยอมแพ้แล้ว โดยขอเจรจากับฝ่ายเขมรนั้น พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า ได้ทราบข่าวและรับฟังมาเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ขอเรียนไปยังประชาชนว่าทหารไทยเราพร้อมปกป้องอธิปไตยไว้ให้คงอยู่ทุกตารางนิ้ว เราไม่ยอมแพ้แน่นอน และทุกระดับหน่วย ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นในพื้นที่ก็มีความมั่นใจ และขอให้ได้รับสัญญาณจากผู้บังคับบัญชาลงมา หากผู้บังคับบัญชาสั่งให้ปฏิบัติอย่างไรก็พร้อมปฏิบัติอย่างเต็มที่ และทหารเราใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ในการยึดนโยบายของผู้บังคับบัญชา ยึดนโยบายของรัฐบาลที่จะไม่พยายามให้การปะทะขยายขอบเขตออกไป
“แต่ทหารของเรา พร้อมเต็มที่ สั่งลุยเราก็พร้อมลุยเต็มพิกัด ขณะนี้อาวุธยุทโธปกรณ์ของเราที่มีอยู่ในพื้นที่รับมือกับฝ่ายกัมพูชาได้สบาย ยังไม่จำเป็นที่จะนำอาวุธอื่นๆ ที่เรามีอีกมากออกไปใช้”
พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า ในอดีตเมื่อครั้งปะทะกันที่ปราสาทพระวิหาร ส่วนใหญ่แล้วการหยุดยิงจะเกิดจากการพูดคุยกันว่าให้หยุดยิง แต่ในครั้งนี้การหยุดยิงแต่ละครั้งช่วงหลังไม่มีการพูดคุย หากเขายิงเข้ามาเราก็ตอบโต้ ถ้าฝ่ายเขาหยุดยิงเราก็หยุดเช่นกัน ซึ่งผู้บังคับบัญชา มีคำสั่งว่าหลังจากนี้ขอให้ตอบโต้อย่างสมเหตุสมผล และเน้นย้ำว่าเป้าหมายของการโจมตีหลักให้เป็นเป้าหมายทางทหารเท่านั้นเราไม่ไปแตะต้องเป้าหมายที่เป็นพลเรือน เพราะไม่อยากให้ประชาชนชาวกัมพูชาเดือดร้อน
ชัดเขมรชั่วยิงBM21ถล่มพลเรือน
ส่วนการใช้จรวด BM21 ของฝ่ายกัมพูชา ขนาด 40 ลำกล้องแต่ไม่มีนำวิถีการยิงนั้นเราไม่ทราบว่าเป็นความจงใจของกัมพูชาหรือไม่ที่พยายามโจมตรีที่หมายทางด้านพลเรือนของฝ่ายไทย ทำให้เราเสียหายมาก ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.จนถึงเมื่อเช้าวานนี้(27 เม.ย.)ในหลายหมู่บ้านได้รับความเสียหาย
ที่เสียหายมากที่สุดบริเวณบ้านโคกกระชาย อ.บ้านกรวด มีลูกจรวด BM21 เข้าตกกว่า 20 ลูกไม่ระเบิด 3 ลูกทำให้บ้านเรือนราษฎรเสียหาย 6 หลังไร่มันสำปะหลัง ไร่อ้อย สวนยางเสียหายจำนวนหนึ่ง ประชาชนบาดเจ็บ 4-5 คนขึ้นไป วัวตาย 1 ตัว
"พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอีกแห่งคือบ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก ลูกจรวดลงไปกว่า 10 ลูกประชาชนบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ขณะนี้มีประชาชนเสียชีวิต 1 คนคือนายวีรยุทธ บัวบาน อายุ 25 ปีชาวศรีสะเกษ ที่บ้านน้อยร่วมเย็น ต.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ขณะมารับจ้างเกี่ยวข้าวที่บ้านน้อยร่มเย็นเสียชีวิตด้วยจรวด BM21 ซึ่งเป็นความสูญเสียของฝ่ายเรา"
รบ5วันทหารไทยเจ็บ 69 ดับ 5 ชาวบ้านตาย 1
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเหตุการณ์ปะทะกันอย่างรุนแรงต่อเนื่องระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาติดต่อกัน 5 วันตั้งแต่วันที่ 22-26 เม.ย.ที่ผ่านมา มีรายงานสรุปทหารไทยได้รับบาดเจ็บรวม 69 นายเสียชีวิตรวม 5 นาย ในจำนวนนี้ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะอย่างดุเดือดล่าสุดตลอดทั้งวันและต่อเนื่องถึงคืนวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา 12 นาย
ส่วนประชาชนชาว จ.สุรินทร์ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย จากการที่ทหารกัมพูชายิงกระจรวด BM21 ถล่มเข้าใส่หมู่บ้านชายแดนไทยทั้งด้าน อ.พนมดังรัก และ อ.กาบเชิง เป็นจำนวนมากตั้งแต่ช่วงบ่ายต่อเนื่องถึงกลางคืนวันที่ 26 เม.ย.โดยผู้ได้รับบาด ประกอบด้วย 1.นายอัมพร วงศ์ชาดา ชาวบ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก และ 2.น.ส.จีระนันท์ จงกรต อายุ 16 ปี ลูกสาวของนายพรชัย จงกรต ผู้ใหญ่บ้านน้อยร่มเย็น ม.8 ต.กาบเชิง ถูกสะเก็ดกระสุนลูกจรวด ได้รับบาดเจ็บที่ข้อศอก
สำหรับผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายวีระยุทธ คำบาน อายุ 25 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ เสียชีวิตขณะเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.สุรินทร์ เมื่อคืนวันที่ 26 เม.ย.หลังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุลูกจรวด BM21 ของทหารกัมพูชาตกใส่บ้านพักของผู้ใหญ่บ้านน้อยร่มเย็น
ส่วนทหารกัมพูชา มีรายงานว่าพบมีการขนศพทหารเขมรที่เสียชีวิตจากการปะทะจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 50 นายไปกองไว้ภายในวัดบ้านซุบโกกี ต.ทมอดวน อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย ชายแดนฝั่งประเทศกัมพูชาตรงข้ามชายแดนฝั่งไทยบริเวณช่องกร่างบ้านรุน ต.บักได อ.พนมดังรัก
เขมรถล่มBM21บ้านคนไทยพังยับ
ต่อมาเช้าวานนี้ (27) เจ้าหน้าที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคงได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากเหตุทหารกัมพูชายิงจรวด BM21 ขนาด 40 ลำกล้องเข้ามาตกในหมู่บ้านชายแดนไทยหลายแห่ง เช่น บ้านเขื่อนแก้ว บ้านน้อยรมเย็น ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เบื้องต้นพบบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายอย่างน้อย 3 หลังโดยเฉพาะบ้านไม้ขนาด 2 ชั้นของนายพรชัย จงกรต ผู้ใหญ่บ้านน้อยร่มเย็น ต.กาบเชิง ถูกลูกจรวด BM21 ตกลงกลางบ้านเสียหายยับเยินทั้งหลัง ซึ่งเป็นผลให้ น.ส.จีระนันท์ จงกรต อายุ 16 ปีลูกสาวบาดเจ็บ และพบหัวจรวด BM21 ตกใกล้กับบ้านพักที่ยังไม่ระเบิดอีก 1 ลูก ส่วนบ้านเช่าที่นายวีระยุทธ คำบาน ผู้เสียชีวิตอาศัยอยู่เสียหายบางส่วน
นอกจากนี้ ยังมีบ้านพักราชการของเจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาสังคม หน่วยที่ 67 ต.กาบเชิง เสียหาย 1 หลัง บ้านพักของประชาชนที่อยู่ติดกันเสียหาย 1 หลัง ตู้โทรศัพท์สาธารณะ 1 ตู้ และสัตว์เลี้ยงวัว ตาย 1 ตัว บาดเจ็บขาหัก 2 ตัว
ปืนใหญ่เขมรถล่มบ้านชาวไทยพังยับ
ส่วนทางด้าน จ.บุรีรัมย์ ผลจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ตลอดช่วงบ่ายวันที่ 25 เม.ย.ต่อเนื่องคืนวันที่ 26 เม.ย.ทหารกัมพูชาได้ระดมยิงจรวด BM21 เข้ามาตกในหมู่บ้านโคกกระชาย ม.13 ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด ห่างจาก สภ.โคกกระชายไม่ถึง 500 เมตรหลายสิบลูก ทำให้ชาวบ้านถูกสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บ 3 ราย คือ นายสนั่น เติมประโคนชัย อายุ 60 ปี นายสนม เติมประโคน อายุ 58 ปี และนายธนาศิลป์ เสาเปรีย อายุ 40 ปี นอกจากนี้ยังมีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียอีก 2 หลัง และวัวชาวบ้านถูกสะเก็ดระเบิดตาย 1 ตัว
หลังเกิดเหตุชาวบ้านภายในหมู่บ้านโคกกระชาย ได้พากันอพยพออกจากหมู่บ้านไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์ที่ว่าการอำเภอบ้านกรวด เพิ่มอีก 200 คนจากเดิมมียอดผู้อพยพ 600 คน รวมเป็น 800 คนและบางส่วนได้อพยพไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์วัดตลาดนิคม เพิ่มขึ้นอีก 100 คน จากเดิมมีอยู่ร่วม 200 คน ส่วนภายในหมู่บ้านในช่วงกลางคืนได้มี ชรบ.เฝ้าดูแลรักษาความปลอดภัย และติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
สธ.ปิดโรงพยาบาล 9 แห่ง
วานนี้ (27 เมษายน) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ขณะนี้มีโรงพยาบาลที่จำเป็นต้องปิดให้บริการทั้งหมด 9 แห่ง เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 7 แห่งที่จังหวัดสุรินทร์ 6 แห่ง บุรีรัมย์ 1 แห่ง และเป็นโรงพยาบาลชุมชน 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรัก ที่จะเปิดให้บริการเฉพาะอุบัติเหตุฉุกเฉินและห้องผ่าตัด พร้อมทั้งได้ย้ายเจ้าหน้าที่ไปเปิดให้บริการเป็นโรงพยาบาลสนามที่โรงเรียนมหาราช 4 ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 8 กิโลเมตรแทน และโรงพยาบาลกาบเชิง ซึ่งได้ย้ายผู้ป่วยทั้งหมด 27 คน ออกจากโรงพยาบาลไปที่โรงพยาบาลปราสาท 9 คน โรงพยาบาลลำดวน 9 คน โรงพยาบาลสุรินทร์ 2 คน และโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน 1 คน ส่วนที่เหลือผู้ป่วยขอกลับบ้าน
“มาร์ค”ลงเยี่ยมผู้อพยพสุรินทร์
วันเดียวกัน เวลา 10.40 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน จ.สุรินทร์ โดยเข้าเยี่ยมทหาร และประชาชนผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลสุรินทร์ อ.เมืองสุรินทร์ และเข้ารับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ล่าสุดจาก พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2(มทภ.2)
นายกรัฐมนตรีได้มอบกระเช้าให้กำลังใจและเงินช่วยเหลือแก่ น.ส.จีระนันท์ จงกรต อายุ 16 ปีที่ได้รับบาดเจ็บจากลูกจรวด BM21 และเยี่ยมอาการนายอัมพร วงศ์ชาดา ที่ได้รับบาดเจ็บที่แขน พร้อมกับได้สอบถามถึงอาการชาวบ้านและอาการของทหารที่ได้รับบาดเจ็บจาก นพ.ธงชัย ตรีวิบูรณ์วณิชย์ ผอ.โรงพยาบาลสุรินทร์ ซึ่งรายงานว่าทุกคนปลอดภัยแล้ว
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ไปยังตึกอาคารเก็บศพของ รพ.สุรินทร์ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวชาวบ้านที่เสียชีวิต คือ นายวีระยุทธ คำบาน ซึ่งครอบครัวของนายวีระยุทธ ถึงกับร้องไห้เมื่อเห็นนายกฯ เดินทางมาให้กำลังใจ และมอบเงินช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมได้กำชับให้ทางจังหวัดดูแลครอบครัวผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ต่อไป ขณะที่นายกฯ มีสีหน้าที่เคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลาและรีบเดินทางออกจากโรงพยาบาลไป
ย้ำเขมรต้องหยุดยิงก่อนเจรจา
เวลา 11.30 น.นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจแก่ประชาชนผู้ประสบภัยจากการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาที่ศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนบ้านโคกกลาง ต.โคกยาง อ.พนมดงรัก ซึ่งผู้อพยพอยู่กว่า 5,000 คน โดยนายกฯพบปะให้กำลังใจและสอบถามประชาชนผู้อพยพอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเองสร้างความประทับใจแก่ผู้อพยพไม่น้อย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ฝ่ายกัมพูชาเริ่มมีความพยายามที่จะติดต่อเพื่อเจรจาหยุดยิงนับเป็นสัญญาณที่ดี เพราะฝ่ายไทยพร้อมพูดคุยอยู่ตลอดเวลาและในวันนี้ยังรอการติดต่อจากกัมพูชาอยู่ แต่ทั้งนี้ทางกัมพูชาก็ต้องหยุดยิงอาวุธเข้ามาฝั่งไทยเสียก่อน โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ได้ยิงเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้านที่มีประชาชนอาศัยอยู่จนได้รับความเสียหายมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
การที่กัมพูชาทำเช่นนี้อาจต้องการยกระดับความขัดแย้งขึ้นสู่ระดับนานาชาติ จึงใช้วิธีการนี้โจมตีฝ่ายไทย ซึ่งเชื่อว่าไม่ได้ผลเพราะนานาชาติก็เข้าใจได้ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ ไม่เช่นนั้นก็จะทำแบบนี้กันหมดและยืนยันว่าฝ่ายไทยไม่ต้องการไปรุกรานใคร ไม่อยากให้มีการยิงสู้รบกัน แต่หากยังไม่หยุดยิงไทยก็จำเป็นต้องตอบโต้เพื่อรักษาดินแดนอธิปไตยของไทยอย่างเต็มที่
"ป๋าเปรม"ชมทหารไทยเข้มแข็งสู้ศึกเขมร
วันเดียวกันที่สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ รุ่นที่ 15 ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ด้วยสีหน้าที่ เรียบเฉยว่า พวกเราคนไทยทุกคน ควรส่งกำลังใจให้กับทหารที่ทำงานในพื้นที่
เมื่อถามว่าปัญหาชายแดนวันนี้ กองทัพทำดีที่สุดหรือยัง พล.อ.เปรม กล่าวว่า กองทัพดีที่สุดเสมอ เมื่อถามต่อว่า มาตรการตอบโต้ของทหารไทย ถือว่าสมน้ำสมเนื้อหรือยัง พล.อ.เปรม กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่าจะให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ที่ชายแดนอย่างไร พล.อ.เปรม กล่าวว่า ให้ทุกวัน ทหารไทยเข้มแข็งอยู่แล้ว พวกเราควรได้แต่สนับสนุนเขา ขอบใจทุกคน
"ประวิตร"เผยรออีก2วันคุย"เตีย บันห์"
วันเดียวกันนี้ เวลา 09.30 น.ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีนว่า เป็นไปตามคำเชิญของ รมว.กลาโหมจีน ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ มีกำหนดการมานานแล้ว ซึ่งจะไม่มีการหารือถึงปัญหาที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ส่วนกรณีที่มีสื่อกัมพูชาเสนอข่าวว่า การที่ไทยจะเดินทางไปเจรจากับกัมพูชา เพราะเรายอมรับความพ่ายแพ้ในการปะทะที่เกิดขึ้น พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวว่า ให้รออีก 2 วัน หลังกลับจากภารกิจค่อยว่ากัน คงไม่มีปัญหาอะไร
ด้าน พล.อ.นพดล อินทปัญญา เลขานุการ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร ไม่เดินทางไปเจรจากับ พล.อ.เตีย บันห์ รมว.กลาโหม กัมพูชา เพื่อคลี่คลายปัญหาเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดน ว่า รมว.กลาโหมจีน ได้เชิญ พล.อ.ประวิตร ไปประเทศจีนเพื่อศึกษางาน เมื่อครั้งที่มาเยือนไทย ซึ่งพล.อ.ประวิตร ได้ตอบตกลงไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องเดินทางไป เพราะรับปากไปแล้ว กำหนดการเลื่อนไม่ได้ แต่หากมีเรื่องร้ายแรง ท่านก็พร้อมจะบินกลับมาไทยทันที
ส่วนกรณีที่ พล.อ.เตีย บันห์ จะนัดเจรจากับ พล.อ.ประวิตร ในวันที่ 27 เม.ย.นั้นอาจเป็นเพราะ พล.อ.เตีย บันห์ ไม่ทราบกำหนดการของ พล.อ.ประวิตร ว่าจะ เดินทางไปจีน ทั้งนี้ หากมีการเจรจาถือเป็นเรื่องดีที่สุด สถานการณ์จะได้ยุติและสงบ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ก็อยากให้มีการเจรจา แต่เผอิญต้องเดินทางไปจีน โดยได้บอกก่อนไปว่า หากกลับมาจากจีนแล้วเหตุการณ์สงบจะเดินทางไปหารือกับทาง พล.อ.เตีย บันห์ ที่ประเทศกัมพูชา
เมื่อถามว่ากองทัพบกระบุ สื่อกัมพูชาเสนอข่าวว่า ไทยยอมแพ้ ทำให้ พล.อ.ประวิตร ไม่พอใจ จึงไม่เดินทางไปเจรจา พล.อ.นพดล กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่า กองทัพบกชี้แจงเรื่องนี้อย่างไร แต่เท่าที่คุยกับ พล.อ.ประวิตร ท่านต้องไปจีน ระดับ รมว.กลาโหม ตกลงรับปากกันแล้ว จะไม่ไปได้อย่างไร โดยมีกำหนดเดินทางกลับไทย ในวันที่ 30 เม.ย.นี้
"มาร์ค"ปัดข่าวล้มเจรจากับเขมร
ขณะที่เมื่อเช้าวานนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวก่อนขึ้นเครื่องบินเพื่อไปเยี่ยมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปะทะกับบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ศูนย์อพยพ จ.สุรินทร์ ถึงกรณีการยกเลิกการเจรจากับทางกัมพูชาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมว่า สาเหตุของการยกเลิก เป็นเพราะ รมว.กลาโหม ติดภาระกิจเดินทางเยือนประเทศจีน จึงไม่ได้มีการล้มการเจรจา อย่างที่รัฐมนตรีกลาโหมของกัมพูชา กล่าวอ้าง ทั้งนี้ต้องรอทางกัมพูชานัดหมายเพื่อเจรจาอีกครั้ง
"กษิต"ยันไทยไม่เคยรุกรานใครก่อน
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศได้ชี้แจงปัญหาไทย-กัมพูชาผ่านทางทวิตเตอร์ @kasitpirom โดยมีข้อความว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามของฝ่ายกัมพูชา ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ เพื่อนำไปสู่ประชาคมโลก ผมมั่นใจไทยไม่ได้เป็นคนรุกราน และไม่มีเหตุผลที่จะรุกรานกัมพูชา เนื่องจากไทยได้ให้ความช่วยเหลือกัมพูชามาโดยตลอด
"กษิต"แจงสถานการณ์ทูตสหรัฐฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้เชิญนางคริสตี้ เคนนี่ย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาการปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชา
ภายหลังการชี้แจง น.ส.อาจารี ศรีรัตนบัลล์ ผู้อำนวยการกองประมวล และวิเคราะห์ข่าว เปิดเผยว่า นายกษิต ได้ย้ำท่าทีไทยว่าไม่ได้เป็นฝ่ายโจมตีก่อน เพราะไม่มีเหตุผลต้องทำ ที่ผ่านมาไทยได้ให้ความช่วยเหลือกัมพูชาโดยเฉพาะความร่วมมือส่งเสริมการค้า ที่สำคัญการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม ว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (เจบีซี)ไทย-กัมพูชา ล่าสุดที่ประเทศอินโดนีเซีย เป็นไปได้ด้วยดี ในส่วนของผู้สังเกตการณ์ ก็มีประเด็นคืบหน้า และไทยไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำให้กระบวนการพูดจากับกัมพูชาล่าช้า จึงขอให้สหรัฐฯ ช่วยโน้มน้าวให้ฝ่ายกัมพูชา เจรจาพูดคุยกับฝ่ายไทย ขณะที่แถลงของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไทยเห็นด้วยที่เรียกร้องให้ทั้งสองประเทศ พูดคุยกันตามกลไกที่มีอยู่
น.ส.อาจารี กล่าวว่า เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา แสดงความเข้าใจและรับว่าจะแจ้งเรื่องนี้ให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้รับทราบ ซึ่งทางสหรัฐได้เชิญเอกอัครราชทูตไทย ณ วอชิงตัน ไปชี้แจงเช่นกัน
"ซึ่งในช่วงเย็นวันนี้ (27) เวลา 17.00 น.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญเอคอัครราชทูตอินโดนีเซีย นิวซีแลนด์ ออสเตเลีย และอุปทูตแคนาดา มารับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย"
กษิตเสนออาเซียนบีบฮุนเซนเจรจา
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ (27) ที่มีการพิจารณาญัตติด่วน เกี่ยวกับปัญหาไทย-กัมพูชา นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากฝ่ายเขมรได้รุกล้ำอธิปไตยของไทย บริเวณปราสาทตาเหมือนธม และปราสาทตาควาย โดยเป็นความพยายามที่ต้องการขยายผล จากเหตุการณ์ปะทะเมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยไม่มีเหตุผลที่จะเป็นฝ่ายรุกล้ำเขมรก่อน เพราะไทยอยู่ในฐานะผู้ลงทุนและให้ความช่วยเหลือกัมพูชา ทั้งนี้ เหตุการณ์ปะทะตลอด 4-5 วันที่ผ่านมา ทางฝ่ายไทยได้พยายามติดต่อขอเจรจากับทางเขมรมาโดยตลอดเพื่อลดความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่สู้รบ แต่ก็ได้รับการปฎิเสธ ดังนั้น อยากขอเสนอให้รัฐสภาของไทยทำหนังสือไปยังรัฐสภากัมพูชาและรัฐสภาของประชาคมอาเซียนเพื่อเป็นตัวแทนในนามของปวงชนชาวไทย ในการส่งเสียงให้ประชาคมโลก โน้มน้าวให้ฮุนเซน กลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา เพราะทุกอย่างมีกระบวนการแก้ไข
"ยืนยันว่าไทยพร้อมปกป้องอธิปไตยไม่มีการบิดเบือน ทำอย่างตรงไปตรงมา และขอให้เชื่อมั่นในรัฐบาลและกองทัพ เพราะยังไงถ้าสู้กันจริงๆ เขมรก็ไม่มีทางชนะ ที่ผ่านมาเราได้ทำทุกทางแล้ว เพื่อให้มีการเจรจา โดยเฉพาะการพุดคุยกับทางอินโดนีเซีย เพื่อขอให้เขมรกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา เช่นเดียวกับการแสวงหามิตรประเทศ เพื่อให้เกิดสันติภาพในแนวชายแดน"รมว.ต่างประเทศ กล่าว
"ฮุนเซน"คุยโว"มดก็ล้มช้างได้"
นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวในระหว่างการประชุมของสมาคมสตรีกัมพูชาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา ว่า ความขัดแย้งบริเวณพรมแดนที่ปราสาทตาเมือน และปราสาทตาควาย นั้น สามารถเจรจากันในระดับทวิภาคีได้
ขณะที่ปราสาทพระวิหาร ได้ถูกนำเสนอต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และอาเซียนแล้ว ดังนั้นต้องเคารพบทบาทของอาเซียน การเจรจาทั้งหมดเกี่ยวกับพรมแดนที่ตกเป็นข้อพิพาทใกล้กับปราสาทพระวิหาร จะต้องให้บุคคลที่ 3 เข้ามามีส่วนร่วมด้วย
นายฮุนเซน อ้างว่ากัมพูชาไม่ต้องการให้เหตุขัดแย้งลุกลาม และเรียกร้องให้ไทยหยุดยิง พร้อมระบุด้วยว่า กัมพูชาเป็นประเทศเล็ก ยากจน และมีกองกำลังติดอาวุธขนาดเล็ก แต่ต้องไม่ลืมว่า มดก็สามารถทำร้ายช้างได้
"กัมพูชาจะนำเรื่องนี้เสนอที่ประชุมสุดยอดอาเซียนซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในเดือน พ.ค.เพื่อจะได้มีการเจรจาระหว่างกัมพูชา และไทย และถึงแม้ว่าประเด็นชายแดนกัมพูชา-ไทย จะไม่ได้รับการบรรจุในวาระการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ก็จะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาหารือกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน" นายฮุนเซน กล่าว
สั่งเลิกซื้อสินค้าไทยหากปิดพรมแดน
สื่อกัมพูชา เปิดเผยว่า สมเด็จฮุน เซน ได้แถลงในที่ประชุมของสมาคมสตรีเพื่อสันติภาพและการพัฒนาในกรุงพนมเปญ โดยได้เรียกร้องให้ประชาชนยุติการใช้สินค้าไทย ถ้าหากว่ามีการปิดพรมแดนเหมือนที่เป็นข่าว และพร้อมที่จะไปใช้สินค้าของ จีน และเวียดนามแทน
นอกจากนี้ นายรัฐมนตรีกัมพูชา ได้กล่าวว่า ทางกัมพูชา ได้หยุดความช่วยเหลือจากทางการไทยในปีที่ผ่านมา หลังจากที่มีปัญหาพิพาทมาโดยตลอด
เขมรระดมกำลัง แค้นผบ.พัน-ทหารตายอื้อ
แหล่งข่าวด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า พล.ท.ฮุน มาเนต รอง ผบ.ทบ.กองทัพกัมพูชา ได้มีคำสั่งเรียกตัวทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษ รพศ.911 และกองพลรักษาความปลอดภัย รปภ.70 ที่ประจำอยู่ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ รวม 700 นายไปสนับสนุนแนวรบด้าน จ.สุรินทร์ หลังจากได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการเปิดฉากปะทะกับไทยมาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.54 โดยมียอดทหารกัมพูชาเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 300 นายจากการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ และ 1 ในนั้นมีนายทหารที่มีตำแหน่งเป็นถึง ผบ.พันน้อยสนับสนุนที่ 4 ซึ่งเป็นน้องชายของ พล.ท.ซุม โซซิ๊ด โฆษกกระทรวงกลาโหม กัมพูชา เป็นเหตุให้ต้องออกมาแถลงข่าวทั้งน้ำตา เมื่อช่วงแรกของการปะทะที่ จ.สุรินทร์
แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า นอกจาก รพศ.911 กับ รปภ.70 จากเขาพระวิหารแล้ว เมื่อวานนี้ยังได้มีคำสั่งให้ทหารประจำจังหวัด (ปทจ.)ปรีเวง ที่ขึ้นตรงกับกองทัพภูมิภาคที่ 5 จำนวน 1 กองพันเข้าไปเสริมภารกิจที่ จ.สุรินทร์ ด้วยเช่นเดียวกัน