xs
xsm
sm
md
lg

แฉเขมรยิงทำลายระบบสาธารณูปโภคไทย พบกระสุนตกบ้าน ปชช.กว่า 100 ลูก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กองทัพภาค 2 แฉ เขมรเหลี่ยมจัด เน้นทำลายระบบไฟฟ้า-ประปา-เสาโทรศัพท์ ชี้กระสุน BM21 ตกในบ้าน ปชช.ไทยมากกว่า 100 ลูก ย้ำ สื่อมวลชนระวังทำข่าวในพื้นที่กระสุนตก มีสิทธิ์ถูกยิงซ้ำ พร้อมประกาศพื้นที่เสี่ยงห้ามทำข่าว ล่าสุด จับ 3 ชายต้องสงสัยส่งข่าวให้เขมร ศธ.ประสานจังหวัดทำหลุมหลบภัยให้ ร.ร.ชายแดนไทย-เขมร

วันนี้ (28 เม.ย.) พ.อ.ปรีดา บุตราช ผู้อำนวยการกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 2 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 (ส่วนหน้า) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทหารกัมพูชาได้พยายามขยายขอบเขตการสู้รบ ให้เข้าสู่เส้นแนวหลังทีละน้อยโดยพยายามทำลายระบบสาธารณูปโภค เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำประปา และเสาโทรศัพท์ โดยได้ใช้จรวดหลายลำกล้องแบบ BM21 เป็นอาวุธโจมตี แต่ทางกัมพูชาไม่ได้คำนึงถึงความสูญเสียของพลเรือนของไทยแม้แต่เล็กน้อย จากความเสียหายของบ้านเรือนประชาชน และวิถีการโจมตีที่ทหารกัมพูชายิงเข้ามา จะเห็นได้ว่า กระสุน BM21 เข้ามาตกในบ้านเรือนของพลเรือนไทยมากกว่า 100 ลูก

ด้าน พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 2 เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนที่บริเวณศูนย์อพยพบ้านโคกกลาง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์

สำหรับศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองทัพภาคที่ 2 เน้นย้ำให้สื่อมวลชนระมัดระวังการเข้าทำข่าวในพื้นที่ที่มีกระสุนตกเข้ามา เพราะจากข้อมูลของชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD ว่า หากที่ใดมีกระสุนเข้ามาตกแล้ว ก็มีโอกาสสูงที่จะมีการยิงซ้ำมายังพื้นที่เดิม เช่น บ้านหนองคันนา เป็นต้น จึงประกาศให้พื้นที่ดังนี้ เป็นพื้นที่อันตรายสำหรับสื่อมวลชน และไม่อนุญาตให้เข้าทำข่าว จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งจาก ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทภ.2 (ส่วนหน้า) ได้แก่ บ้านแนงมุด บ้านอุโลก ต.บักได บ้านหัวอ่าง ม.5 บ้านพนมดิน บ้านหนองจูบ บ้านละเอาะ ต.จีกแตก บ้านหนองจูบ บ้านโคกกระชาย บ้านหนองคันนา และบ้านสายโทสิบใต้

ขณะที่ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปะทะกันของทหารไทย-กัมพูชา ตามแนวชายแดนด้านปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม ที่ผ่านมาแล้วถึง 7 วันนั้น ทำให้หมู่บ้านตามแนวชายแดนตกเป็นเป้าโจมตีของทหารกัมพูชาทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหนองคันนา อ.พนมดงรัก บ้านร่มเย็น อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ เชื่อว่า ต้องมีสายข่าวทหารจากกัมพูชานำข้อมูลทางทหารของไทยไปแจ้งกับฝ่ายกัมพูชา และวันนี้ (28 เม.ย.) เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมชายต้องสงสัยในพื้นที่ได้ 3 คน โดยทั้ง 3 คน มีการโทรศัพท์ไปยังแนวชายแดนกัมพูชาบ่อยครั้ง และพบหลักฐานบางอย่างที่ชี้ชัดว่า เป็นสายข่าวกัมพูชาที่ฝังตัวในพื้นที่มานาน

ด้าน นพ.คำรณ ไชยศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 14 กล่าวว่า เตรียมขอการสนับสนุนยาและเวชภัณฑ์จากกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มเติม หลังคาดว่าสถานการณ์ความรุนแรงชายแดนไทย-กัมพูชา จะยังยืดเยื้อไปอีก 1-2 สัปดาห์

ทั้งนี้ นอกจากยาและเวชภัณฑ์ที่เตรียมสำรองไว้ในโรงพยาบาล และศูนย์อพยพแล้ว ยังมีการขอหมู่เลือดสำรองเพิ่มเติมด้วย รวมถึงการขอกำลังหน่วยแพทย์พยาบาลสนับสนุนอีก 5-6 หน่วย ซึ่งขณะนี้ ได้รับความร่วมมือจากนักศึกษาพยาบาลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้ง จ.สุรินทร์ จ.นครราชสีมา มหาสารคาม ช่วยกันตรวจคัดกรองประชาชนในศูนย์อพยพ

ขณะที่การดูแลสภาพจิตใจ กรมสุขภาพจิตและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดกิจกรรมผ่อนคลายและเบี่ยงเบนความสนใจ เพื่อคลายความเครียดให้ประชาชนเป็นระยะ

ส่วน นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังประชุมองค์กรหลักกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า มีสถานศึกษาได้รับความเสียหายเล็กน้อย โดยได้ให้สถานศึกษาตั้งศูนย์อพยพให้ประชาชน และสนับสนุนงบประมาณเป็นค่าใช้จ่าย รวมทั้งให้ กศน.จัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ให้นักเรียนในที่พักพิง

ส่วนการเตรียมพร้อมช่วงเปิดภาคเรียน ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดประชุมผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ฝึกซ้อมอพยพนักเรียน หากยังเกิดเหตุปะทะอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือจังหวัดทำหลุมหลบภัยให้กับทุกโรงเรียนบริเวณเขตชายแดน ขณะที่ สพฐ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมจัดงบประมาณฉุกเฉินสำหรับสถานศึกษาใช้กรณีเร่งด่วน










กำลังโหลดความคิดเห็น