xs
xsm
sm
md
lg

“โฆษก ทภ.2” ซัดเขมรแสบจงใจใช้ “BM-21” ถล่มพลเรือนไทย-ลั่นพร้อมลุยเต็มพิกัดตลอดแนว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ.อ.ประวิทย์  หูแก้ว โฆษก ทภ.2
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “โฆษก ทภ.2” สรุปเหตุปะทะเดือดชายแดนสุรินทร์ หลักฐานชัดเขมรรุกล้ำดินแดนไทย และเป็นฝ่ายลงมือยิงก่อนทุกครั้ง ระบุไทยไม่ตั้งรับอย่างเดียว แต่ปฏิบัติทางทหารที่เปิดเผยไม่ได้ย้ำไม่เสียเปรียบแน่ ซัดเขมรเล่นไม่ซื่อใช้ทั้งโล่มนุษย์และจงใจใช้จรวด BM-21ขนาด 40 ลำกล้อง ไร้นำวิถียิงถล่มพลเรือนราษฎรไทยตาย 1 บาดเจ็บเสียหายอื้อ ย้ำทหารไทยตลอดแนวชายแดนพร้อมรบเต็มพิกัดทันทีที่ได้รับคำสั่งลุย

วันนี้ (27 เม.ย.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 2(ทภ.2) เปิดแถลงข่าวสรุปสถานการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ ว่า เป็นที่ทราบดีว่าฝ่ายกัมพูชาพยายามออกข่าวทำลายชื่อเสียงว่าฝ่ายไทยได้เริ่มโจมตี แต่ข้อเท็จจริงแล้วขอเรียนชี้แจงตั้งแต่เกิดการปะทะกันเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยมีหลักฐานชัดเจนว่า ฝ่ายเขมรโจมตีไทยก่อนและรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย

วันแรกที่เริ่มปะทะกำลังของเราไปตรวจการณ์ และพบกำลังของฝ่ายเขมรบางส่วนได้เคลื่อนเข้ามาในลักษณะเตรียมตั้งฐานปฏิบัติการบริเวณใกล้ปราสาทตาควาย ทั้งที่เป็นพื้นที่ที่ตกลงกันว่า จะไม่มีกำลังทหารอยู่ ทำให้กำลังฝ่ายเราได้ไปชี้แจงและเตือนขอให้ทหารกัมพูชากลับลงไป แต่หลังจากชี้แจงแล้ว เมื่อกำลังฝ่ายเรากลับมากลายเป็นทหารกัมพูชาโจมตีเราเลย ตรงนี้เป็นชนวนเหตุหลักที่เกิดการปะทะกัน

นอกจากนี้ ในการปฏิบัติของฝ่ายกัมพูชา เรามีหลักฐานที่ชัดเจน โดยเมื่อวันที่ 24 เม.ย.เวลาประมาณ 14.00 น.มีทหารกัมพูชาเข้ามาโจมตีฝ่ายเราอีกที่บริเวณปราสาทตาควาย เราจำเป็นต้องให้กำลังของเราผลักดันทหารกัมพูชาออกไป และหลังผลักดันแล้วได้เข้าไปตรวจพื้นที่ที่มีการปะทะทำให้สามารถยึดอาวุธยุทโธปกรณ์หลายรายการ ทั้งเครื่องยิงลูกระเบิด อาร์พีจี และกระสุนอีกจำนวนมาก และพื้นที่ปะทะเป็นที่ชัดเจนว่าอยู่ในฝั่งประเทศไทย

ตรงนี้เป็นข้อพิจารณาได้ว่า ฝ่ายกัมพูชาได้เริ่มโจมตีเราทั้งการใช้กำลัง การใช้อาวุธก่อน และประการสำคัญคือในช่วงวันที่ 23 เม.ย.ก่อนมีการปะทะบริเวณปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธมนั้น มีทหารของกัมพูชาประสานพูดคุยกับทหารของเราที่อยู่ด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ว่า ทางด้านปราสาทตาเมือนจะมีการปะทะหรือไม่ เราตอบไปว่าไม่มี แต่หลังจากพูดคุยกันได้ประมาณ 10 นาทีเศษก็มีการปะทะที่บริเวณปราสาทตาควาย และตาเมือนธม อันนี้เราพิสูจน์ได้ว่า การปฏิบัติของทหารกัมพูชาในแต่ละครั้งมีความตั้งใจและจงใจที่จะปฏิบัติต่อฝ่ายเราก่อนทุกครั้ง เรามีหลักฐานยืนยันแน่นอน

ส่วนที่มีข่าวว่ากองทัพฝ่ายไทยตั้งรับอย่างเดียวไม่ปฏิบัติการเชิงรุกบ้าง พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า ขอเรียนว่า ความรู้สึกของประชาชนอาจเป็นเช่นนั้น ซึ่งเราไม่อยากที่จะเปรียบเทียบกันระหว่างความสูญเสียของฝ่ายเรากับฝ่ายเขา เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกัน และในความจริงแล้วการปฏิบัติเราไม่ได้เสียเปรียบใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งในการตั้งรับนั้นเรายังมีวิธีการอีกหลายอย่างที่ไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดได้เพราะเป็นวิธีแบบหนึ่งของการปฏิบัติการรบ แต่ขอยืนยันว่าที่ผ่านมานั้นเราไม่ได้เสียเปรียบฝ่ายกัมพูชาแน่นอน

สำหรับสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชาล่าสุด พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า เรามีปัญหากันตั้งแต่ 18.00 น.เมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) และเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการใช้กำลังของฝ่ายกัมพูชา ทั้งอาวุธยิงสนับสนุน โดยเฉพาะ จรวด บีเอ็ม 21 ที่กัมพูชานำมาใช้ในพื้นที่นี้ แล้วทำให้เกิดความสูญเสีย และจะเห็นว่าข่าวการสูญเสียของเรา โดยเฉพาะประชาชนนั้น ลุกลามไปถึงบริเวณด้านช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ อันนี้ถึงแม้ว่ายังไม่มีการปะทะกันในแนวหน้า แต่ผลกระทบของประชาชนลามมาถึง ช่องจอม อ.กาบเชิง แล้ว

“ในขณะที่ฝ่ายทหารไทยทุกระดับให้นโยบายว่า จะพยายามจำกัดขอบเขตในการปะทะหรือต่อสู้กันให้อยู่ในวงแคบ โดยให้อยู่เฉพาะด้านปราสาทตาควาย และ ตาเมือนธมเท่านั้น นโยบายของผู้บังคับบัญชาและทางรัฐบาลก็ยังเป็นเช่นนั้น เรายังยึดเช่นนั้นอยู่ ไม่เข้าใจว่าทางฝ่ายกัมพูชาพยายามจะขยายแนวไปทางด้านช่องจอม อ.กาบเชิง หรือไม่ เพราะขณะนี้ในทางปฏิบัติที่ผ่านมาก็ขยายไปแล้ว” พ.อ.ประวิทย์ กล่าว

พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า การปะทะในพื้นที่ปัจจุบันยังอยู่ในพื้นที่ของปราสาทตาควายและตาเมือนอยู่ และหลังจากที่การปะทะได้สงบไปประมาณ 22.00 น. เมื่อคืนวานนี้(26 เม.ย.) ก็มีการปะทะกันอีกในช่วง 05.15 น.วันนี้ (27 เม.ย.) และสงบลงคลี่คลายจนถึง 06.00 น. ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร ทหารเรายังตรึงกำลังประจำแนวกันอยู่

อย่างไรก็ตาม เราให้ความมั่นใจมาโดยตลอดต่อประชาชนและสื่อว่า ในภารกิจป้องกันชายแดนของเราในประจำปีรวมถึงปัจจุบันเรายังคงใช้กำลังป้องกันชายแดนตั้งแต่ จ.อุบลราชธานี ไปตลอดถึงพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ซึ่งพื้นที่หลักไม่ว่าจะเป็นด้าน เขาพระวิหาร, ช่องจอม, ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม ที่เกิดเหตุอยู่นี้ ทั้งหมดเรามีกำลังทหารเพียงพอยังไม่จำเป็นต้องโยกย้ายกำลังจากที่อื่นมาสมทบเพิ่ม และยืนยันว่า ยังไม่มีการเสริมกำลังพล ปัจจุบันยังคงใช้กำลังป้องกันชายแดนประจำปีอยู่แล้ว และมั่นใจว่า ด้วยกำลังที่เรามีอยู่นี้เราสามารถที่จะรักษาอธิปไตยของไทยได้อย่างแน่นอน

พ.อ.ประวิทย์ กล่าวต่อว่า ในการปะทะกันครั้งนี้เป็นที่แน่ชัดว่าฝ่ายกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ โดยมีประชาชนทั้งลูกเด็กเล็กแดงมานำเข้ามาอยู่ตามฐานทหาร ซึ่งเรามีหลักฐานยืนยันชัดเจน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เราเคยปะทะกันทางด้าน จ.ศรีสะเกษ ขณะนี้มีพี่น้องประชาชนชาวกัมพูชาทั้งคนเฒ่า คนแก่ ผู้หญิง ลูกเด็กเล็กแดงเข้ามาอยู่ในฐานของทหารกัมพูชาเป็นจำนวนมาก

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เราไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำไมเป็นเช่นนั้น เพราะฝ่ายไทยเราเห็นความสำคัญของพี่น้องประชาชนที่จะต้องได้รับความปลอดภัย เราจะรีบอพยพออกจากพื้นที่ที่อันตราย แต่เราไม่ทราบว่า กััมพูชาโดยผู้นำของกัมพูชาคิดอย่างไร ไม่เห็นความสำคัญของพี่น้องประชาชนของตัวเองหรือไงถึงได้เอาพี่น้องประชาชน เข้ามาโล่กำบัง

ส่วนกรณีสื่อของกัมพูชาเสนอข่าวว่าไทยยอมแพ้แล้ว โดยขอเจรจากับฝ่ายเขมรนั้น พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า ได้ทราบข่าวและรับฟังมาเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ขอเรียนไปยังประชาชนว่า ทหารไทยเราพร้อมปกป้องอธิปไตยไว้ให้คงอยู่ทุกตารางนิ้ว เราไม่ยอมแพ้แน่นอน และทุกระดับหน่วย ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นในพื้นที่ก็มีความมั่นใจ และขอให้ได้รับสัญญาณจากผู้บังคับบัญชาลงมา หากผู้บังคับบัญชาสั่งให้ปฏิบัติอย่างไรก็พร้อมปฏิบัติอย่างเต็มที่ และทหารเราใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ในการยึดนโยบายของผู้บังคับบัญชา ยึดนโยบายของรัฐบาลที่จะไม่พยายามให้การปะทะขยายขอบเขตออกไป

“แต่ทหารของเราพร้อมเต็มที่ สั่งลุยเราก็พร้อมลุยเต็มพิกัด ซึ่งขณะนี้อาวุธยุทโธปกรณ์ของเราที่มีอยู่ในพื้นที่รับมือกับฝ่ายกัมพูชาได้สบาย ยังไม่จำเป็นที่จะนำอาวุธอื่นๆ ที่เรามีอีกมากออกไปใช้” พ.อ.ประวิทย์ กล่าว

พ.อ.ประวิทย์ กล่าวอีกว่า ในอดีตเมื่อครั้งปะทะกันที่ปราสาทพระวิหารส่วนใหญ่แล้วการหยุดยิงจะเกิดจากการพูดคุยกันว่า ให้หยุดยิง แต่ในครั้งนี้การหยุดยิงแต่ละครั้งช่วงหลังไม่มีการพูดคุย หากเขายิงเข้ามาเราก็ตอบโต้ ถ้าฝ่ายเขาหยุดยิงเราก็หยุดเช่นกัน ซึ่งผู้บังคับบัญชามีคำสั่งว่า หลังจากนี้ขอให้ตอบโต้อย่างสมเหตุสมผล และเน้นย้ำว่า เป้าหมายของการโจมตีหลักให้เป็นเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เราไม่ไปแตะต้องเป้าหมายที่เป็นพลเรือน เพราะไม่อยากให้ประชาชนชาวกัมพูชาเดือดร้อน

ส่วนการใช้จรวด บีเอ็ม 21 ของฝ่ายกัมพูชา ขนาด 40 ลำกล้อง แต่ไม่มีนำวิถีการยิงนั้น เราไม่ทราบว่า เป็นความจงใจของกัมพูชาหรือไม่ ที่พยายามโจมตรีที่หมายทางด้านพลเรือนของฝ่ายไทย ทำให้เราเสียหายมาก ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงเมื่อเช้านี้ ( 27 เม.ย.) ในหลายหมู่บ้านได้รับความเสียหาย

ที่เสียหายมากที่สุดบริเวณบ้านโคกกระชาย อ.บ้านกรวด มี ลูกจรวดบีเอ็ม 21 เข้าตกกว่า 20 ลูก ไม่ระเบิด 3 ลูก ทำให้บ้านเรือนราษฎรเสียหาย 6 หลัง ไร่มันสำปะหลัง ไร่อ้อย สวนยางเสียหายจำนวนหนึ่ง ประชาชนบาดเจ็บ 4-5 คนขึ้นไป วัวตาย 1 ตัว

พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอีกแห่ง คือ บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก ลูกจรวดลงไปกว่า 10 ลูก ประชาชนบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง และขณะนี้มีประชาชนเสียชีวิต 1 คน นายวีรยุทธ บัวบาน อายุ 25 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ ที่บ้านน้อยร่วมเย็น ต.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ขณะมารับจ้างเกี่ยวข้าวที่บ้านน้อยร่มเย็น เสียชีวิตด้วยจรวด บีเอ็ม 21 ซึ่งเป็นความสูญเสียของฝ่ายเรา
กำลังโหลดความคิดเห็น