ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”คาดส่งออกปีนี้มีโอกาสโตทะลุ 15% หลังจากเพิ่งขยับเป้าเป็น 12% ไปไม่นานนี้ เหตุเศรษฐกิจโลกขยายตัวสูง ความต้องการสินค้าไทยเพิ่ม FTA ช่วยเพิ่มยอด ตลาดส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้คาดการณ์แนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยในปี 2554 ว่าจะขยายตัวได้มากกว่าเป้าหมายที่ได้ปรับใหม่เป็น 12% มูลค่า 219,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7 ล้านล้านบาท โดยอาจขยายตัวได้มากกว่า 15% หลังจากที่เศรษฐกิจโลกได้มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งปัญหาน้ำท่วมในไทย
แผ่นดินไหวในญี่ปุ่น สถานการณ์ในตะวันออกกลาง เริ่มคลี่คลาย
“ช่วงที่กระทรวงพาณิชย์ปรับเป้าส่งออกใหม่เป็น 12% เรามองเป้าว่าจะขยายตัวสูงถึง 15% ได้ แต่เรายังกังวลถึงปัจจัยเสี่ยงที่มีอยู่ เลยประเมินไว้ที่ 12% ตอนนี้ปัจจัยเสี่ยงเริ่มคลี่คลายลงไป โอกาสที่การส่งออกจะโตได้ 15% ก็เป็นไปได้สูง”นางพรทิวากล่าว
นายวุฒิชัย ดวงรัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าไทยในปี 2554 เนื่องจากเศรษฐกิจการค้าโลกมีการขยายตัวสูงขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากการส่งออกในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-มี.ค.) มีมูลค่าสูงถึง 56,874.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.3% สินค้าไทยเป็นที่ยอมรับและเป็นที่ต้องการจากทั่วโลก ทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมและการส่งออกยังได้รับผลดีจากการทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศต่างๆ ที่ทำให้ยิ่งมีความต้องการสินค้าไทยเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน แนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดสำคัญ เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการที่ประเทศเหล่านี้ได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ทำให้มีความต้องการสินค้าไทยเพิ่มขึ้น ส่วนตลาดจีน อินเดีย ฮ่องกง ก็มีแนวโน้มการส่งออกเพิ่มขึ้น รวมถึงตลาดใหม่ เช่น แอฟริกา ตะวันออกกลาง และลาตินอเมริกาที่การส่งออกขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามขณะนี้ ก็คือ ปัญหาน้ำมันแพง ที่จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการผลิตและการขนส่ง ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องเตรียมความพร้อมและหาทางลดต้นทุนให้ได้ โดยเฉพาะต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ซึ่งกรมฯ เองก็ได้มีการเข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้ส่งออกในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ สำหรับค่าเงินบาท ขณะนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ เพราะค่าเงินมีเสถียรภาพไม่แกว่งตัวขึ้นหรือลงเร็วเกินไป ซึ่งผู้ส่งออกส่วนใหญ่ได้มีการปรับตัวได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการสนับสนุนการส่งออกสินค้าไทยให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง กรมฯ ได้ปรับปรุงการให้บริการของศูนย์บริการส่งออกแบบเบ็ดเสร็จ (one stop export service center - OSEC) ให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยผู้ประกอบการลดเวลาการติดต่อหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ในการยื่นและขอรับเอกสารการส่งออก ซึ่งจะทำให้การส่งออกมีความคล่องตัวมากขึ้น
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้คาดการณ์แนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยในปี 2554 ว่าจะขยายตัวได้มากกว่าเป้าหมายที่ได้ปรับใหม่เป็น 12% มูลค่า 219,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7 ล้านล้านบาท โดยอาจขยายตัวได้มากกว่า 15% หลังจากที่เศรษฐกิจโลกได้มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งปัญหาน้ำท่วมในไทย
แผ่นดินไหวในญี่ปุ่น สถานการณ์ในตะวันออกกลาง เริ่มคลี่คลาย
“ช่วงที่กระทรวงพาณิชย์ปรับเป้าส่งออกใหม่เป็น 12% เรามองเป้าว่าจะขยายตัวสูงถึง 15% ได้ แต่เรายังกังวลถึงปัจจัยเสี่ยงที่มีอยู่ เลยประเมินไว้ที่ 12% ตอนนี้ปัจจัยเสี่ยงเริ่มคลี่คลายลงไป โอกาสที่การส่งออกจะโตได้ 15% ก็เป็นไปได้สูง”นางพรทิวากล่าว
นายวุฒิชัย ดวงรัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าไทยในปี 2554 เนื่องจากเศรษฐกิจการค้าโลกมีการขยายตัวสูงขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากการส่งออกในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-มี.ค.) มีมูลค่าสูงถึง 56,874.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.3% สินค้าไทยเป็นที่ยอมรับและเป็นที่ต้องการจากทั่วโลก ทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมและการส่งออกยังได้รับผลดีจากการทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศต่างๆ ที่ทำให้ยิ่งมีความต้องการสินค้าไทยเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน แนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดสำคัญ เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการที่ประเทศเหล่านี้ได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ทำให้มีความต้องการสินค้าไทยเพิ่มขึ้น ส่วนตลาดจีน อินเดีย ฮ่องกง ก็มีแนวโน้มการส่งออกเพิ่มขึ้น รวมถึงตลาดใหม่ เช่น แอฟริกา ตะวันออกกลาง และลาตินอเมริกาที่การส่งออกขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามขณะนี้ ก็คือ ปัญหาน้ำมันแพง ที่จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการผลิตและการขนส่ง ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องเตรียมความพร้อมและหาทางลดต้นทุนให้ได้ โดยเฉพาะต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ซึ่งกรมฯ เองก็ได้มีการเข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้ส่งออกในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ สำหรับค่าเงินบาท ขณะนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ เพราะค่าเงินมีเสถียรภาพไม่แกว่งตัวขึ้นหรือลงเร็วเกินไป ซึ่งผู้ส่งออกส่วนใหญ่ได้มีการปรับตัวได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการสนับสนุนการส่งออกสินค้าไทยให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง กรมฯ ได้ปรับปรุงการให้บริการของศูนย์บริการส่งออกแบบเบ็ดเสร็จ (one stop export service center - OSEC) ให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยผู้ประกอบการลดเวลาการติดต่อหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ในการยื่นและขอรับเอกสารการส่งออก ซึ่งจะทำให้การส่งออกมีความคล่องตัวมากขึ้น