เชียงราย - ชาวบ้านจี้รัฐเร่งออกโฉนดชุมชนบนพื้นที่สาธารณะรอบ “หนองหลวง” 3,589 ไร่ ก่อนถูกนายทุนต่างชาติฮุบเหี้ยน
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่าจากกรณีสำนักงานโฉนดชุมชน ได้รับคำร้องขอจัดตั้งโฉนดชุมชนจากชาวบ้านหมู่บ้านสมานมิตร หมู่ 1 ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย บริเวณที่ดินสาธารณะรอบ "หนองหลวง" ซึ่งเป็นหนองน้ำสาธารณะกว้างขวางประมาณ 9,000 กว่าไร่ ติด 2 อำเภอ 3 ตำบล คือ ต.ห้วยสัก อ.เมือง และ ต.เวียงชัย ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย โดยพื้นที่ขอออกโฉนดในส่วนที่ติดกับหมู่บ้านประมาณ 3,589 ไร่
นายวิรัตน์ พรหมสอน แกนนำเครือข่ายเกษตรกร จ.เชียงราย ในฐานะแกนนำชาวบ้านสมานมิตร หมู่ 1 ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย จ.เชียงราย กล่าวถึงการผลักดันให้กันพื้นที่สาธารณะรอบหนองหลวง หนองน้ำสาธารณะ พื้นที่ 9,000 ไร่ ติดกับ2 อำเภอ 3 ตำบล คือ ต.ห้วยสัก อ.เมือง และ ต.เวียงชัย ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย เป็นพื้นที่สำหรับออกโฉนดชุมชน 3,589 ไร่ ที่ชาวบ้านได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานโฉนดชุมชนไปแล้วว่า โครงการจัดตั้งโฉนดชุมชนยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องตามขั้นตอนของกฎหมาย
นายวิรัตน์ เห็นว่า เป็นเรื่องที่ดีมากเพราะในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าพื้นที่ทำกินกว่า 95% ของสังคมไทยตกอยู่ในมือของกลุ่มทุนใหญ่ทั้งคนไทยและต่างชาติไปหมดแล้ว ชาวนาชาวไร่แทบจะไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง แต่เงื่อนไขของโฉนดชุมชน เปิดโอกาสให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่ดินสาธารณะ เข้าไปบริหารจัดการ และดูแลโดยชาวบ้านเอง ซึ่งจะเป็นผลดีในระยะยาว
นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า สภาพพื้นที่รอบหนองหลวง ซึ่งเป็นพื้นดินก็เช่นกัน หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดีก็จะถูกบุกรุกถือครองเข้าไปทำกินโดยผิดกฎหมายมากขึ้นเรื่อยๆ หรือประโยชน์อย่างมากก็เป็นแค่สถานที่เลี้ยงสัตว์ และมีนายทุนเข้าไปขุดทรายในหนองน้ำ ขุดดิน ตัดต้นไม้ ฯลฯ ไม่รู้จักจบสิ้น โดยเฉพาะหากข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟซีเอกับนานาชาติเริ่มขึ้น ซึ่งเปิดกว้างให้กลุ่มทุนต่างชาติทะลักเข้าไปในประเทศไทย ก็จะมีการถือครองที่ดินจากกลุ่มทุนมากขึ้น
“ที่ผ่านมามีฝรั่งหรือชาวต่างชาติเข้าไปแต่งงานกับคนไทยและเข้าไปกว้านซื้อที่ดินจำนวนมาก และถ้าข้อตกลงเอฟทีเอ ที่เอื้อให้กับการถือครองที่ดินของต่างชาติเป็นผล จะทำให้ชาวบ้านจะประสบปัญหามากกว่าเก่าดังนั้นเรื่องโฉนดชุมชนจึงต้องรีบทำ" นายวิรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ โครงการโฉนดชุมชน เป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะจัดให้มีการออกโฉนดที่ดินโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.2553 เป็นต้นไป เมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วรัฐบาลก็ได้ดำเนินการให้แล้วเสร็จอย่างน้อย 30 พื้นที่ภายใน 120 วันหรือวันที่ 9 ต.ค.นี้
ปัจจุบันมีชุมชนทั่วประเทศยื่นเสนอขอออกโฉนดชุมชน 85 แห่ง และเฉพาะภาคเหนือมี 18 แห่ง หนึ่งในนั้นคือหมู่บ้านสมานมิตรดังกล่าว สำหรับหลักเกณฑ์มีหลายข้อ เช่น เป็นที่สาธารณประโยชน์จริงๆ ไม่มีเอกสารสิทธิอื่นและเมื่อออกโฉนดแล้วไม่ได้ให้สิทธิ์บุคคลหรือคนกลุ่มใดเป็นการเฉพาะแต่เป็นของส่วนรวม สามารถบริหารพื้นที่โฉนดชุมชนได้ตรงตามที่กำหนด ฯลฯ และปลายปีนี้สำนักงานโฉนดชุมชนจะเข้าไปตรวจสอบพื้นที่หมู่บ้านสมานมิตรอีกครั้งซึ่งพวกเราพร้อมที่จะดำเนินการแล้ว
กรณีมีความขัดแย้งในพื้นที่เรื่องผู้นำท้องถิ่นบางคนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ปัจจุบันมีการทำความเข้าใจกันมากขึ้นแล้วหลังจากที่ผ่านมายังมีผู้เข้าใจ เพราะชื่อว่า "โฉนด" ก็คิดว่าจะเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนกลุ่ม หรือสามารถนำไปใช้ทำธุรกรรมทางการเงินเหมือนโฉนดทั่วไป แท้ที่จริงเป็นเพียงชื่อที่ไม่เหมาะสมเท่านั้นเพราะโฉนดชุมชนไม่สามารถนำไปใช้เหมือนโฉนดทั่วไปได้ มีแต่จะทำให้ชาวบ้านได้ร่วมกันดูแลรักษาเอาไว้เท่านั้น เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาการตรวจสอบพื้นที่จะไม่มีปัญหาการต่อต้านใดๆ
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่าจากกรณีสำนักงานโฉนดชุมชน ได้รับคำร้องขอจัดตั้งโฉนดชุมชนจากชาวบ้านหมู่บ้านสมานมิตร หมู่ 1 ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย บริเวณที่ดินสาธารณะรอบ "หนองหลวง" ซึ่งเป็นหนองน้ำสาธารณะกว้างขวางประมาณ 9,000 กว่าไร่ ติด 2 อำเภอ 3 ตำบล คือ ต.ห้วยสัก อ.เมือง และ ต.เวียงชัย ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย โดยพื้นที่ขอออกโฉนดในส่วนที่ติดกับหมู่บ้านประมาณ 3,589 ไร่
นายวิรัตน์ พรหมสอน แกนนำเครือข่ายเกษตรกร จ.เชียงราย ในฐานะแกนนำชาวบ้านสมานมิตร หมู่ 1 ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย จ.เชียงราย กล่าวถึงการผลักดันให้กันพื้นที่สาธารณะรอบหนองหลวง หนองน้ำสาธารณะ พื้นที่ 9,000 ไร่ ติดกับ2 อำเภอ 3 ตำบล คือ ต.ห้วยสัก อ.เมือง และ ต.เวียงชัย ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย เป็นพื้นที่สำหรับออกโฉนดชุมชน 3,589 ไร่ ที่ชาวบ้านได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานโฉนดชุมชนไปแล้วว่า โครงการจัดตั้งโฉนดชุมชนยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องตามขั้นตอนของกฎหมาย
นายวิรัตน์ เห็นว่า เป็นเรื่องที่ดีมากเพราะในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าพื้นที่ทำกินกว่า 95% ของสังคมไทยตกอยู่ในมือของกลุ่มทุนใหญ่ทั้งคนไทยและต่างชาติไปหมดแล้ว ชาวนาชาวไร่แทบจะไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง แต่เงื่อนไขของโฉนดชุมชน เปิดโอกาสให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่ดินสาธารณะ เข้าไปบริหารจัดการ และดูแลโดยชาวบ้านเอง ซึ่งจะเป็นผลดีในระยะยาว
นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า สภาพพื้นที่รอบหนองหลวง ซึ่งเป็นพื้นดินก็เช่นกัน หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดีก็จะถูกบุกรุกถือครองเข้าไปทำกินโดยผิดกฎหมายมากขึ้นเรื่อยๆ หรือประโยชน์อย่างมากก็เป็นแค่สถานที่เลี้ยงสัตว์ และมีนายทุนเข้าไปขุดทรายในหนองน้ำ ขุดดิน ตัดต้นไม้ ฯลฯ ไม่รู้จักจบสิ้น โดยเฉพาะหากข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟซีเอกับนานาชาติเริ่มขึ้น ซึ่งเปิดกว้างให้กลุ่มทุนต่างชาติทะลักเข้าไปในประเทศไทย ก็จะมีการถือครองที่ดินจากกลุ่มทุนมากขึ้น
“ที่ผ่านมามีฝรั่งหรือชาวต่างชาติเข้าไปแต่งงานกับคนไทยและเข้าไปกว้านซื้อที่ดินจำนวนมาก และถ้าข้อตกลงเอฟทีเอ ที่เอื้อให้กับการถือครองที่ดินของต่างชาติเป็นผล จะทำให้ชาวบ้านจะประสบปัญหามากกว่าเก่าดังนั้นเรื่องโฉนดชุมชนจึงต้องรีบทำ" นายวิรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ โครงการโฉนดชุมชน เป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะจัดให้มีการออกโฉนดที่ดินโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.2553 เป็นต้นไป เมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วรัฐบาลก็ได้ดำเนินการให้แล้วเสร็จอย่างน้อย 30 พื้นที่ภายใน 120 วันหรือวันที่ 9 ต.ค.นี้
ปัจจุบันมีชุมชนทั่วประเทศยื่นเสนอขอออกโฉนดชุมชน 85 แห่ง และเฉพาะภาคเหนือมี 18 แห่ง หนึ่งในนั้นคือหมู่บ้านสมานมิตรดังกล่าว สำหรับหลักเกณฑ์มีหลายข้อ เช่น เป็นที่สาธารณประโยชน์จริงๆ ไม่มีเอกสารสิทธิอื่นและเมื่อออกโฉนดแล้วไม่ได้ให้สิทธิ์บุคคลหรือคนกลุ่มใดเป็นการเฉพาะแต่เป็นของส่วนรวม สามารถบริหารพื้นที่โฉนดชุมชนได้ตรงตามที่กำหนด ฯลฯ และปลายปีนี้สำนักงานโฉนดชุมชนจะเข้าไปตรวจสอบพื้นที่หมู่บ้านสมานมิตรอีกครั้งซึ่งพวกเราพร้อมที่จะดำเนินการแล้ว
กรณีมีความขัดแย้งในพื้นที่เรื่องผู้นำท้องถิ่นบางคนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ปัจจุบันมีการทำความเข้าใจกันมากขึ้นแล้วหลังจากที่ผ่านมายังมีผู้เข้าใจ เพราะชื่อว่า "โฉนด" ก็คิดว่าจะเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนกลุ่ม หรือสามารถนำไปใช้ทำธุรกรรมทางการเงินเหมือนโฉนดทั่วไป แท้ที่จริงเป็นเพียงชื่อที่ไม่เหมาะสมเท่านั้นเพราะโฉนดชุมชนไม่สามารถนำไปใช้เหมือนโฉนดทั่วไปได้ มีแต่จะทำให้ชาวบ้านได้ร่วมกันดูแลรักษาเอาไว้เท่านั้น เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาการตรวจสอบพื้นที่จะไม่มีปัญหาการต่อต้านใดๆ
