ASTVผู้จัดการรายวัน-“ศรีรัตน์”เปิดเออีซี เทรด เซ็นเตอร์ ใช้เป็นศูนย์กลางช่วยผู้ประกอบการไทยใช้ประโยชน์จาก AEC หลังเหลือระยะเวลาอีกแค่ 3 ปีกว่า พร้อมจัดตั้งศูนย์ช่วย SMEs ไทยบุกอาเซียน โชว์แผนเจรจา FTA เฟส 2 หารือเปิดเสรีกับชิลิ อียู และเร่งรัดเปิดเสรีกับคู่เจรจาเดิม ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลีอินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ดำเนินการจัดตั้ง AEC Trade Center เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางในการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการไทยในการเตรียมความพร้อมและใช้ประโยชน์จากการที่อาเซียนจะเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ซึ่งขณะนี้เหลือระยะเวลาอีกเพียงแค่ 3 ปีกว่าๆ เท่านั้นที่อาเซียนจะเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ แรงงานมีฝีมือและทุนได้อย่างเสรี
“ที่ผ่านมา เราได้ออกไปสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการ ประชาชน ทุกภาคส่วนของประเทศ โดยปีที่แล้วทำไปกว่า 80 ครั้ง ปีนี้ก็มีแผนทำต่อเนื่อง แต่ผลสำรวจก็ยังบอกว่ายังมีคนไม่รู้จัก AEC อีก ก็ต้องมีการสื่อสารให้มากขึ้น ต้องพยายามมากขึ้น และ AEC Trade Center ที่จัดตั้งขึ้น จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการกระตุ้นให้คนไทยรู้จัก AEC และใช้ประโยชน์จาก AEC”นางศรีรัตน์กล่าว
ทั้งนี้ ภายใต้ AEC Trade Center จะมีส่วนที่ดูแลผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ขึ้นมาด้วย โดยได้จัดตั้ง SMEs Support Center เพื่อให้การช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ SMEs เป็นการเฉพาะว่าจะหาช่องทาง และโอกาสในการบุกเจาะตลาดอาเซียนได้อย่างไร ซึ่งผู้ประกอบการสามารถเข้ามาขอรับคำปรึกษาได้ หรือกรณีที่มีปัญหาได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรี ก็สามารถที่จะเข้ามารับคำปรึกษา เพื่อหาทางออกได้
นางศรีรัตน์กล่าวว่า ในการเตรียมความพร้อมบุกเจาะตลาด AEC ล่าสุด คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้กรมฯ เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลการเดินทางไปสู่ AEC ทั้งหมด มีหน้าที่ในการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่างๆ ในประเทศ เพื่อให้การเป็น AEC เป็นไปตามเป้าหมายที่อาเซียนได้กำหนดไว้ รวมทั้งยังเป็นหน่วยงานหลักที่จะต้องให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนในทุกๆ ด้าน
สำหรับความคืบหน้าการเป็น AEC ล่าสุดอาเซียนได้มีการเปิดเสรีการค้าสินค้าไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2553 สินค้ากว่า 99% ได้ลดภาษีลงเหลือ 0% แล้ว สำหรับอาเซียนเดิม 6 ประเทศ ส่วนอาเซียนใหม่ 4 ประเทศ จะลดภาษีเหลือ 0% ในปี 2558 ขณะเดียวกัน ได้มีการเดินหน้าเปิดเสรีภาคการค้าบริการ และการลงทุน รวมไปถึงการกำหนดทิศทางความร่วมมือของอาเซียนหลังจากปี 2558 เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับอาเซียน
นางศรีรัตน์กล่าวว่า ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป การเจรจาเปิดเสรีทางการค้าจะเข้าสู่ระยะที่ 2 ของการเปิดเสรี โดยระยะแรกเกิดขึ้นในช่วงปี 2543-44 ซึ่งเป็นปีที่ไทยเริ่มต้นเจรจาจัดทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศต่างๆ เป็นจำนวนมาก และกำลังเข้าสู่ระยะที่ 2 ของ FTA เพราะข้อตกลงเดิมที่ได้เจรจาไว้ จะต้องมีการเจรจาเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงข้อตกลง และยังต้องเจรจา FTA กับประเทศใหม่ๆ อีก
ปีนี้ ไทยมีแผนที่จะต้องเจรจา FTA ใหม่กับหลายประเทศ เช่น ชิลี สหภาพยุโรป (อียู) และเจรจา FTA กับประเทศคู่เจรจาเดิม เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ญี่ปุ่น สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) และเร่งรัดผลักดันให้ FTA ไทย-เปรู มีผลบังคับใช้ ขณะเดียวกัน ต้องผลักดันการเจรจาในกรอบอาเซียนกับคู่เจรจา ทั้งกับจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ และสหภาพยุโรป รวมไปถึงการกำหนดท่าทีในการเจรจาองค์การการค้าโลก (WTO) กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก)
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ดำเนินการจัดตั้ง AEC Trade Center เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางในการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการไทยในการเตรียมความพร้อมและใช้ประโยชน์จากการที่อาเซียนจะเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ซึ่งขณะนี้เหลือระยะเวลาอีกเพียงแค่ 3 ปีกว่าๆ เท่านั้นที่อาเซียนจะเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ แรงงานมีฝีมือและทุนได้อย่างเสรี
“ที่ผ่านมา เราได้ออกไปสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการ ประชาชน ทุกภาคส่วนของประเทศ โดยปีที่แล้วทำไปกว่า 80 ครั้ง ปีนี้ก็มีแผนทำต่อเนื่อง แต่ผลสำรวจก็ยังบอกว่ายังมีคนไม่รู้จัก AEC อีก ก็ต้องมีการสื่อสารให้มากขึ้น ต้องพยายามมากขึ้น และ AEC Trade Center ที่จัดตั้งขึ้น จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการกระตุ้นให้คนไทยรู้จัก AEC และใช้ประโยชน์จาก AEC”นางศรีรัตน์กล่าว
ทั้งนี้ ภายใต้ AEC Trade Center จะมีส่วนที่ดูแลผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ขึ้นมาด้วย โดยได้จัดตั้ง SMEs Support Center เพื่อให้การช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ SMEs เป็นการเฉพาะว่าจะหาช่องทาง และโอกาสในการบุกเจาะตลาดอาเซียนได้อย่างไร ซึ่งผู้ประกอบการสามารถเข้ามาขอรับคำปรึกษาได้ หรือกรณีที่มีปัญหาได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรี ก็สามารถที่จะเข้ามารับคำปรึกษา เพื่อหาทางออกได้
นางศรีรัตน์กล่าวว่า ในการเตรียมความพร้อมบุกเจาะตลาด AEC ล่าสุด คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้กรมฯ เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลการเดินทางไปสู่ AEC ทั้งหมด มีหน้าที่ในการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่างๆ ในประเทศ เพื่อให้การเป็น AEC เป็นไปตามเป้าหมายที่อาเซียนได้กำหนดไว้ รวมทั้งยังเป็นหน่วยงานหลักที่จะต้องให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนในทุกๆ ด้าน
สำหรับความคืบหน้าการเป็น AEC ล่าสุดอาเซียนได้มีการเปิดเสรีการค้าสินค้าไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2553 สินค้ากว่า 99% ได้ลดภาษีลงเหลือ 0% แล้ว สำหรับอาเซียนเดิม 6 ประเทศ ส่วนอาเซียนใหม่ 4 ประเทศ จะลดภาษีเหลือ 0% ในปี 2558 ขณะเดียวกัน ได้มีการเดินหน้าเปิดเสรีภาคการค้าบริการ และการลงทุน รวมไปถึงการกำหนดทิศทางความร่วมมือของอาเซียนหลังจากปี 2558 เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับอาเซียน
นางศรีรัตน์กล่าวว่า ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป การเจรจาเปิดเสรีทางการค้าจะเข้าสู่ระยะที่ 2 ของการเปิดเสรี โดยระยะแรกเกิดขึ้นในช่วงปี 2543-44 ซึ่งเป็นปีที่ไทยเริ่มต้นเจรจาจัดทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศต่างๆ เป็นจำนวนมาก และกำลังเข้าสู่ระยะที่ 2 ของ FTA เพราะข้อตกลงเดิมที่ได้เจรจาไว้ จะต้องมีการเจรจาเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงข้อตกลง และยังต้องเจรจา FTA กับประเทศใหม่ๆ อีก
ปีนี้ ไทยมีแผนที่จะต้องเจรจา FTA ใหม่กับหลายประเทศ เช่น ชิลี สหภาพยุโรป (อียู) และเจรจา FTA กับประเทศคู่เจรจาเดิม เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ญี่ปุ่น สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) และเร่งรัดผลักดันให้ FTA ไทย-เปรู มีผลบังคับใช้ ขณะเดียวกัน ต้องผลักดันการเจรจาในกรอบอาเซียนกับคู่เจรจา ทั้งกับจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ และสหภาพยุโรป รวมไปถึงการกำหนดท่าทีในการเจรจาองค์การการค้าโลก (WTO) กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก)
