ทหารเขมรผู้อหังการได้ใช้ดินแดนไทย ถล่มสรรพาวุธยิงถล่มใส่ทหารไทยหลายระลอก ที่บริเวณปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือนธม ตั้งแต่วันที่ 22-25 เมษายน2554 ซึ่งส่งผลให้ทหารไทยตาย 5 คน บาดเจ็บอีกกว่า 35 คน!
การเปิดฉากรบระลอกใหม่ของทหารเขมรครั้งนี้ ฮุนเซน..หวังยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว นั่นคือ
หนึ่ง-ฮุนเซนต้องเร่ง “บ่มแก๊ส” ฮุนมาเนตให้ขึ้นแท่นผู้นำแทนตัวโดยด่วน
สอง-ฮุนเซนหวังดึงต่างชาติให้เข้าแทรกแซงไทย เพื่อยึดดินแดนไทยอย่างเป็นทางการ
สาม-สั่งสอนทหารไทยที่แข็งข้อต่อกัมพูชา เพราะไม่ยอมให้ทหารอินโดนีเซียเข้ามาสังเกตการณ์ในดินแดนไทยไงล่ะครับ
งานนี้..แทนที่นายกฯ “อภิสิทธิ์” ผู้เป็นต้นเหตุของสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา จะลงไปเยี่ยมทหารหาญและประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาโดยเร่งด่วน นายกฯ หน่อมแน้มคนนี้กลับทะลึ่งไปชมโรงงานผลิตชุดชั้นในสตรี “วาโก้” และยังขึ้นไปช่วยหาเสียงให้ลูกพรรคของตน ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนแทน!
ส่วนการแก้ปัญหาทหารไทย-กัมพูชานั้น นายกฯ อภิสิทธิ์ทำได้แค่นั่งประชุมกับผู้เกี่ยวข้อง ด้วยระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์แบบขอไปที จากนั้นก็สร้างภาพด้วยการไปเยี่ยมทหารที่บาดเจ็บ ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ โดยใช้เวลาเยี่ยมแค่ 10-15 นาทีเท่านั้นเอง..เฮ้อ..
หลังฮุนมาเนตสั่งทหารเขมรยิงถล่มไทยแล้ว รัฐบาลเขมรก็รีบร้องแรกแหกกระเฌอให้ร้ายป้ายสีชาติไทยต่อนานาชาติ ด้วยการยื่นเอกสารรายงานสถานการณ์เท็จ ต่อคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติอีกครั้งว่า..
ทหารไทยเป็นฝ่ายบุกเข้ามายึดดินแดนของเขมร ในแนวแผนที่ฯ 1 ต่อ 2 แสนที่บรรจุอยู่ใน MOU 2543 นั่นคือ ต้นเหตุของสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ยอมยกเลิก
งานนี้เลยเข้าล็อกกัมพูชา เพราะอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียน ที่ยูเอ็นเอสซีให้เข้ามาเป็นตัวกลาง ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา
แต่ความขัดแย้งของทวิภาคี..ดังกรณีอิสราเอลรบกับปาเลสไตน์ อิสราเอลได้ส่งทหารเข้ายึดชนวนกาซ่า ซึ่งอยู่ในดินแดนของรัฐปาเลสไตน์ไว้..ตราบจนทุกวันนี้
ก็ไม่เห็นสหประชาชาติจะจัดการอะไรกับอิสราเอลได้เลย เนื่องจากกฎบัตรสหประชาชาติระบุไว้อย่างชัดแจ้งว่า การทะเลาะเบาะแว้งของทวิภาคีนั้น เป็นเรื่องที่ทวิภาคีจะต้องเจรจากันเอง สหประชาชาติจะไปเที่ยวจุ้นจ้านซี้ซั้วไม่ได้ครับ
แต่รัฐบาลไทยที่มีผลประโยชน์ซ่อนเร้นอยู่กับผู้นำเขมร กลับแกล้งโง่ด้วยการสมยอม-สมคบกับเขมร ทำให้ชาติไทยต้องเสียดินแดนให้เขมรไปแล้ว และสุ่มเสี่ยงจะเสียดินแดนอย่างเป็นทางการในอนาคตอันใกล้นี้แหละ
โดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ใช้ยุทธวิธีเสียเปรียบให้ชาติเขมรด้วยการไม่รบ-ไม่ต้าน-ไม่ผลักดัน-ไม่ร้อง ฯลฯ ปล่อยให้ทหารเขมรยึดดินแดนไทยไปเรื่อยๆ โดยรัฐบาลอภิสิทธิ์อ้างซ้ำซากว่า..เจรจา..เจรจา..และ..ต้องเจรจาลูกเดียวโว้ย..
อีกทั้งยังแสร้งกลัวและโกหกข่มขู่คนไทยว่า หากรบหรือบังอาจผลักดันทหารเขมรออกจากดินแดนไทย ฮุนเซนจะไปยื่นร้องต่อศาลโลกและสหประชาชาติ!
เรื่องสหประชาชาติ..เฉลยไปแล้ว ส่วนศาลโลกนั้น..หลังไทยเสียตัวปราสาทพระวิหารให้กับเขมร เพราะศาลโลกตัดสินคดีความเข้าข้างเขมรอย่างไร้ความยุติธรรม นับแต่นั้นมา..ประเทศไทยก็ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกศาลโลกแล้ว ดังนั้น..ศาลโลกจึงไม่อาจบังคับคดีความกับชาติที่ไม่ได้เป็นสมาชิกครับ..จริงไหม..ไอ้รัฐบาลขี้โกหกเอ้ย..
ยิ่งรัฐบาลอภิสิทธิ์อ่อนหัด-อ่อนเชิง-ด้อยฝีมือกว่าเขมร ดันทะลึ่งไปรับลูกยูเอ็นเอสซีด้วยการเชื้อเชิญให้อินโดนีเซียส่งทหารมาสังเกตการณ์การหยุดยิง ในที่ตั้งของฝ่ายไทย-กัมพูชา โดยไทยปล่อยให้กัมพูชายังคงยึดครองดินแดนไทย 4.6 ตร.กม.ไว้ในกำมืออย่างไม่มีกำหนดนั้น
ทหารไทยกลัวจะผิดกฎหมายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทหารไทยจึงไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลอภิสิทธิ์ เพราะการมีทหารต่างชาติเข้ามาจุ้นบนแผ่นดินไทย ก็เท่ากับชาติไทยได้เสียดินแดนและเสียอธิปไตยให้ต่างชาติน่ะสิ อีกทั้งมิใช่เรื่องขัดแย้งของทวิภาคีอีกต่อไปแล้ว..จริงไหมมาร์ค?
งานนี้..รัฐบาลอภิสิทธิ์เลยหน้าแตกยับเยิน..หมอไม่รับเย็บ แต่รัฐบาลเขมรนั้นอาการหนักกว่า ฮุนเซนโกรธทหารไทยเป็นฟืนเป็นไฟบรรลัยกัลป์ จนอาการมะเร็งปอดกำเริบไปเลย
ต้องยอมรับว่า..ฮุนเซนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ เปิดศึกรบชายแดนไทย-เขมรครั้งนี้ เป้าหมายเพื่อยึดและร้อง แต่อภิสิทธิ์หนุ่มหน้าหล่อที่ไร้ตาดำ..ก็ยังคงไม่รบ-ไม่ผลักดัน-ให้เขมรยึดดินแดนไทยไปเรื่อยๆ เพราะถือหลักแผ่นดินใหญ่แค่ “แมวดิ้นตาย” อภิสิทธิ์-เทพเทือกไม่สน-ไม่แคร์ครับ
แต่ทหารไทยสิ..กฎหมายรัฐธรรมนูญระบุภารกิจให้กองทัพไทย มีหน้าที่ปกป้องเอกราช-อธิปไตย-ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ เท่านั้น
กองทัพไทยที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นจอมทัพนั้น มิได้มีไว้เพื่อปกป้องนโยบายผิดๆ ของรัฐบาลเลว ที่ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนให้ต่างชาตินะ อีกทั้ง..กองทัพไทยก็มิได้มีไว้ปกป้องรักษาความมั่นคงให้รัฐบาลขายชาติอยู่นานๆ นะจะบอกให้..จริงไหมทหารไทยที่รัก..?
การเปิดฉากรบระลอกใหม่ของทหารเขมรครั้งนี้ ฮุนเซน..หวังยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว นั่นคือ
หนึ่ง-ฮุนเซนต้องเร่ง “บ่มแก๊ส” ฮุนมาเนตให้ขึ้นแท่นผู้นำแทนตัวโดยด่วน
สอง-ฮุนเซนหวังดึงต่างชาติให้เข้าแทรกแซงไทย เพื่อยึดดินแดนไทยอย่างเป็นทางการ
สาม-สั่งสอนทหารไทยที่แข็งข้อต่อกัมพูชา เพราะไม่ยอมให้ทหารอินโดนีเซียเข้ามาสังเกตการณ์ในดินแดนไทยไงล่ะครับ
งานนี้..แทนที่นายกฯ “อภิสิทธิ์” ผู้เป็นต้นเหตุของสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา จะลงไปเยี่ยมทหารหาญและประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาโดยเร่งด่วน นายกฯ หน่อมแน้มคนนี้กลับทะลึ่งไปชมโรงงานผลิตชุดชั้นในสตรี “วาโก้” และยังขึ้นไปช่วยหาเสียงให้ลูกพรรคของตน ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนแทน!
ส่วนการแก้ปัญหาทหารไทย-กัมพูชานั้น นายกฯ อภิสิทธิ์ทำได้แค่นั่งประชุมกับผู้เกี่ยวข้อง ด้วยระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์แบบขอไปที จากนั้นก็สร้างภาพด้วยการไปเยี่ยมทหารที่บาดเจ็บ ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ โดยใช้เวลาเยี่ยมแค่ 10-15 นาทีเท่านั้นเอง..เฮ้อ..
หลังฮุนมาเนตสั่งทหารเขมรยิงถล่มไทยแล้ว รัฐบาลเขมรก็รีบร้องแรกแหกกระเฌอให้ร้ายป้ายสีชาติไทยต่อนานาชาติ ด้วยการยื่นเอกสารรายงานสถานการณ์เท็จ ต่อคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติอีกครั้งว่า..
ทหารไทยเป็นฝ่ายบุกเข้ามายึดดินแดนของเขมร ในแนวแผนที่ฯ 1 ต่อ 2 แสนที่บรรจุอยู่ใน MOU 2543 นั่นคือ ต้นเหตุของสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ยอมยกเลิก
งานนี้เลยเข้าล็อกกัมพูชา เพราะอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียน ที่ยูเอ็นเอสซีให้เข้ามาเป็นตัวกลาง ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา
แต่ความขัดแย้งของทวิภาคี..ดังกรณีอิสราเอลรบกับปาเลสไตน์ อิสราเอลได้ส่งทหารเข้ายึดชนวนกาซ่า ซึ่งอยู่ในดินแดนของรัฐปาเลสไตน์ไว้..ตราบจนทุกวันนี้
ก็ไม่เห็นสหประชาชาติจะจัดการอะไรกับอิสราเอลได้เลย เนื่องจากกฎบัตรสหประชาชาติระบุไว้อย่างชัดแจ้งว่า การทะเลาะเบาะแว้งของทวิภาคีนั้น เป็นเรื่องที่ทวิภาคีจะต้องเจรจากันเอง สหประชาชาติจะไปเที่ยวจุ้นจ้านซี้ซั้วไม่ได้ครับ
แต่รัฐบาลไทยที่มีผลประโยชน์ซ่อนเร้นอยู่กับผู้นำเขมร กลับแกล้งโง่ด้วยการสมยอม-สมคบกับเขมร ทำให้ชาติไทยต้องเสียดินแดนให้เขมรไปแล้ว และสุ่มเสี่ยงจะเสียดินแดนอย่างเป็นทางการในอนาคตอันใกล้นี้แหละ
โดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ใช้ยุทธวิธีเสียเปรียบให้ชาติเขมรด้วยการไม่รบ-ไม่ต้าน-ไม่ผลักดัน-ไม่ร้อง ฯลฯ ปล่อยให้ทหารเขมรยึดดินแดนไทยไปเรื่อยๆ โดยรัฐบาลอภิสิทธิ์อ้างซ้ำซากว่า..เจรจา..เจรจา..และ..ต้องเจรจาลูกเดียวโว้ย..
อีกทั้งยังแสร้งกลัวและโกหกข่มขู่คนไทยว่า หากรบหรือบังอาจผลักดันทหารเขมรออกจากดินแดนไทย ฮุนเซนจะไปยื่นร้องต่อศาลโลกและสหประชาชาติ!
เรื่องสหประชาชาติ..เฉลยไปแล้ว ส่วนศาลโลกนั้น..หลังไทยเสียตัวปราสาทพระวิหารให้กับเขมร เพราะศาลโลกตัดสินคดีความเข้าข้างเขมรอย่างไร้ความยุติธรรม นับแต่นั้นมา..ประเทศไทยก็ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกศาลโลกแล้ว ดังนั้น..ศาลโลกจึงไม่อาจบังคับคดีความกับชาติที่ไม่ได้เป็นสมาชิกครับ..จริงไหม..ไอ้รัฐบาลขี้โกหกเอ้ย..
ยิ่งรัฐบาลอภิสิทธิ์อ่อนหัด-อ่อนเชิง-ด้อยฝีมือกว่าเขมร ดันทะลึ่งไปรับลูกยูเอ็นเอสซีด้วยการเชื้อเชิญให้อินโดนีเซียส่งทหารมาสังเกตการณ์การหยุดยิง ในที่ตั้งของฝ่ายไทย-กัมพูชา โดยไทยปล่อยให้กัมพูชายังคงยึดครองดินแดนไทย 4.6 ตร.กม.ไว้ในกำมืออย่างไม่มีกำหนดนั้น
ทหารไทยกลัวจะผิดกฎหมายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทหารไทยจึงไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลอภิสิทธิ์ เพราะการมีทหารต่างชาติเข้ามาจุ้นบนแผ่นดินไทย ก็เท่ากับชาติไทยได้เสียดินแดนและเสียอธิปไตยให้ต่างชาติน่ะสิ อีกทั้งมิใช่เรื่องขัดแย้งของทวิภาคีอีกต่อไปแล้ว..จริงไหมมาร์ค?
งานนี้..รัฐบาลอภิสิทธิ์เลยหน้าแตกยับเยิน..หมอไม่รับเย็บ แต่รัฐบาลเขมรนั้นอาการหนักกว่า ฮุนเซนโกรธทหารไทยเป็นฟืนเป็นไฟบรรลัยกัลป์ จนอาการมะเร็งปอดกำเริบไปเลย
ต้องยอมรับว่า..ฮุนเซนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ เปิดศึกรบชายแดนไทย-เขมรครั้งนี้ เป้าหมายเพื่อยึดและร้อง แต่อภิสิทธิ์หนุ่มหน้าหล่อที่ไร้ตาดำ..ก็ยังคงไม่รบ-ไม่ผลักดัน-ให้เขมรยึดดินแดนไทยไปเรื่อยๆ เพราะถือหลักแผ่นดินใหญ่แค่ “แมวดิ้นตาย” อภิสิทธิ์-เทพเทือกไม่สน-ไม่แคร์ครับ
แต่ทหารไทยสิ..กฎหมายรัฐธรรมนูญระบุภารกิจให้กองทัพไทย มีหน้าที่ปกป้องเอกราช-อธิปไตย-ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ เท่านั้น
กองทัพไทยที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นจอมทัพนั้น มิได้มีไว้เพื่อปกป้องนโยบายผิดๆ ของรัฐบาลเลว ที่ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนให้ต่างชาตินะ อีกทั้ง..กองทัพไทยก็มิได้มีไว้ปกป้องรักษาความมั่นคงให้รัฐบาลขายชาติอยู่นานๆ นะจะบอกให้..จริงไหมทหารไทยที่รัก..?
