ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - พรรคการเมืองขนาดใหญ่อย่างประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย รวมถึงพรรคขนาดกลางอย่างภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนา-เพื่อแผ่นดิน-รวมชาติพัฒนา ขยับรับการเลือกตั้งครั้งใหม่กันอย่างคึกคัก
เหลียวไปมองพรรคขนาดเล็ก Small party ทั้งพรรคที่มีส.ส.และยังไม่มีส.ส.แต่ได้เปิดตัวและจดทะเบียนจัดตั้งพรรคกันไปแล้ว อย่างเช่น พรรคกิจสังคม พรรคมาตุภูมิ พรรครักษ์สันติ พรรคพลังชล พรรคน้องใหม่แกะกล่องของตระกูล “คุณปลื้ม” ผู้กว้างขวางแห่งเมืองชลบุรี และภาคตะวันออก
ก็พบว่าได้รับความสนใจจากสังคมและสื่อค่อนข้างน้อย ตามประสาพรรคเล็ก ที่คนมองว่าเป็นแค่พรรคไม้ประดับ บ้างก็หยันถึงขั้นที่ว่า อย่างมากก็เป็นได้แค่พรรคต่ำ 5 คืออย่างเก่งก็ได้ส.ส.ไม่ถึง 5 คน เผลอๆ จะไม่มีส.ส.สักคนก็ยังได้
“ทีมข่าวการเมืองASTVผู้จัดการ” มองว่า จะเป็นพรรคใหญ่ หรือพรรคเล็ก ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือ
“คุณภาพพรรค-คุณภาพคน”
ให้มีส.ส.เกินร้อยคนอย่างเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ เวลานี้ ถามว่าแล้วการเมืองไทยพัฒนาไปกว่าในอดีตหรือไม่ ก็ประจักษ์ชัดว่ามีแต่ถอยหลังลงคลอง ด้อยคุณภาพทั้งพรรคและทั้งคน คือส.ส. ที่ไม่ได้ทำหน้าที่ให้สมศักดิ์ศรีที่ประชาชนเลือกมา
แถมใกล้ฤดูกาลเลือกตั้ง พวกพรรคใหญ่-พรรคขนาดกลาง ก็มีแต่ข่าว ซื้อตัว-ประมูลส.ส.-แย่งเก้าอี้และตำแหน่งกันในพรรค จนพรรคแทบแตกมาแล้วอย่างที่เห็นจากกรณีของเพื่อไทยในตอนนี้
ในความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองขนาดเล็ก ก็มีมากบ้างน้อยบ้างตามแต่กำลังทุนและความน่าสนใจในตัวผู้นำพรรคเหล่านี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า พรรคขนาดเล็ก อย่างมาตุภูมิ รักษ์สันติ หรือพลังชล ต่างจะทำการเมืองแบบเน้น
“ตลาดเฉพาะกลุ่ม”
คือไม่หวังคะแนนหรือผลเลือกตั้งในภาพใหญ่ แต่เน้นไปที่กลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นกลุ่มเฉพาะ บนจุดขายที่แตกต่างกันไป
อย่าง “มาตุภูมิ” หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลเวลานี้ ที่ต้องบอกว่าหากหัวหน้าพรรคไม่ใช่ “บิ๊กบัง” พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคมช.-ผบ.ทบ. ก็คงไม่ใช่พรรคที่สังคมจะให้การสนใจติดตามมากนัก
เหตุเพราะ แม้ว่าวันนี้ “บิ๊กบัง” จะหมดอำนาจแล้ว แต่บารมีในฐานะอดีตผู้ทำรัฐประหารคนล่าสุดของประเทศไทย ก็ยังมีให้เหลือและน่าติดตามทุกความเคลื่อนไหวอยู่ว่า “บิ๊กบัง” เมื่อลงมาเล่นการเมืองแล้วจะรุ่งหรือดับในการเป็นหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ พรรคที่มีนายทุนใหญ่ คือวัฒนา อัศวเหม ที่จ่ายผ่าน มั่น พัธโนทัย รมช.คลัง
เป้าหมายหลักของมาตุภูมิ ก็คือการขายความเป็นพรรคมุสลิม เห็นได้จากวันเปิดสาขาพรรคเมื่อสองเดือนก่อนที่ย่านมีนบุรี พลเอกสนธิ ประกาศชัดว่า จะทำให้พรรคมาตุภูมิ คือพรรคการเมืองที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวไทยมุสลิมที่มีอยู่ประมาณ 6 ล้านคนทั่วประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้เคยมีบางพรรคจะทำพรรคในลักษณะนี้เช่น พรรค “สันติภาพ” ของ พิเชษฐ์ สถิรชวาล แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
ทว่า “บิ๊กบัง” ประกาศอย่างมั่นใจว่า มาตุภูมิจะต้องเป็นพรรคแรกที่ทำได้
หากว่า “มาตุภูมิ” สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้คือ รักษาฐานที่มั่นของกลุ่ม อารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ แกนนำพรรคใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส ให้ได้สักอย่างน้อย 5 ที่นั่ง และบวกกับอาจจะได้ส.ส.เขตในบางพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่เลือกตั้งซึ่งคนไทยมุสลิมอาศัยอยู่หนาแน่นเช่น มีนบุรี-คลองสามวา ผสมกับคะแนนในระบบปาร์ตี้ลิสต์ ที่หวังจะได้จากคนไทยมุสลิมทั่วประเทศ
“บิ๊กบัง”เจ้าตำรับลับลวงพราง เชื่อว่า “มาตุภูมิ” จะมีส.ส.ไม่ต่ำกว่า 8 ที่นั่ง น่าจะเป็นจริงได้ไม่ยาก หากแผนพรรคมาตุภูมิที่วางไว้ทำสำเร็จ
ส่วนอีกหนึ่งพรรคร่วมรัฐบาล “กิจสังคม” ของ สุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีส.ส.ในสังกัด 5 คน
ตอนนี้ค่อนข้างแน่ว่า สุวิทย์ คงจะเข็นกิจสังคมต่อแน่นอน แม้จะมีข่าวมาตลอดว่าส.ส.ในพรรคจะย้ายไปอยู่กับพรรคอื่นที่มีอนาคตดีกว่า แต่ล่าสุด สุวิทย์ก็ประกาศชัดเจนว่า “กิจสังคม” จะเข็นคนลงเลือกตั้งไม่มียุบ-ไม่มีเว้นวรรค
เป้าหมายของสุวิทย์ ก็ชัดเจนเช่นกัน คือทำพรรคเล็กๆ แบบนี้ เพื่อรอร่วมรัฐบาลอย่างเดียวไม่ว่าจะขั้วเพื่อไทย หรือประชาธิปัตย์ แต่หากเป็นประชาธิปัตย์ก็ง่ายกว่าเพื่อไทย ที่ทักษิณ ชินวัตร นายห้างดูไบห่อ อาจไม่ส่งเทียบเชิญสุวิทย์ไปร่วมสังฆกรรมด้วย
หากให้วิเคราะห์พรรคกิจสังคม แม้สุวิทย์จะเป็นรมว.ทรัพยากรฯ ที่ไม่ใช่กระทรวงการเมืองหรือกระทรวงเศรษฐกิจ จึงทำให้อาจถูกมองว่าไม่น่าจะมีคอนเนกชั่นกลุ่มทุนไหนมาซับพอร์ตกระสุนดินดำให้กิจสังคมทำศึกเลือกตั้ง แต่เชื่อว่าสุวิทย์ ก็คงเตรียมตัวมานานสำหรับเลือกตั้งรอบนี้ โดยเฉพาะเรื่องทุน แต่จะมากขนาดไหน แหมรู้แล้ว ไม่อยากเล่า ?
อีกหนึ่งพรรคเล็ก “รักษ์สันติ” ของ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ พรรคนี้ไม่ต้องพูดถึง ประกาศตั้งแต่วันแรกของการเปิดตัวเลยว่า ขอไม่มาก เอาแค่ 1 ที่นั่ง ให้ปุระชัย ที่จะลงสมัครเบอร์หนึ่งปาร์ตี้ลิสต์ ก็พอแล้ว แต่ลึกๆ ก็เชื่อว่าน่าจะหวังมากกว่านั้น คือสักอีกหนึ่งที่นั่งให้ พันธ์เลิศ ใบหยก ถุงเงินพรรคที่จะลงปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์สอง
เหตุที่ “รักษ์สันติ” หวังที่นั่งส.ส.ไม่มาก เพราะผู้ก่อตั้งพรรครวมถึงปุระชัย รู้ดีว่า พรรคมีความพร้อมน้อยมาก คือทำพรรคแบบกระทันหัน คือคิดช้าเกินไป ครั้นมาเปิดตัว ก็เหลืออีกหนึ่งเดือนจะยุบสภา
อีกทั้งด้วยความเป็นพรรคใหม่ ไม่มีระบบการจัดตั้งแบบพรรคการเมืองทั่วไป เช่น หัวคะแนน การทำฐานเสียง การโฆษณาประชาสัมพันธ์พรรค จึงทำให้หลังเปิดตัวปุระชัย ตั้งรักษ์สันติวันแรก ที่เรียกเสียงฮือฮาไม่น้อย ในฐานะพรรคใหม่และตัวผู้นำพรรคคือปุระชัย ที่มีความโดดเด่นพอขายได้ และชูจุดขายคือ เป็นพรรคทางเลือกให้กับคนกรุงเทพฯ ที่ไม่เอาเพื่อไทย และประชาธิปัตย์
แต่หลังจากนั้นก็แทบไม่มีข่าวความเคลื่อนไหวใดๆ ออกมาอีกเลย จนทุกวันนี้คนแทบลืมชื่อพรรครักษ์สันติไปแล้ว
จึงเป็นการบ้านข้อใหญ่ของพรรครักษ์สันติ ที่เห็นแล้วว่า แม้จะมีจุดแข็งคือ ปุระชัย แต่ด้วยความที่คนในพรรคเช่น ปุระชัย-พันธ์เลิศ ใบหยก -นพดล อินนา -พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐ์พงษ์ หัวหน้าพรรค -พีรพงษ์ สาคริก อดีต ส.ส.กทม.พลังธรรม
คนเหล่านี้แม้จะมีประสบการณ์การเมืองกันมาก่อน ทว่าทั้งหมดต่างก็เติบโตจากพรรคการเมืองที่มีคนตอกเสาเข็มสร้างพรรคให้เสร็จก่อนหมดแล้ว ถึงเข้าไปอยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่พลังธรรม หรือไทยรักไทย
ดังนั้น แกนนำรักษ์สันติกลุ่มนี้ จึงไม่เคยมีประสบการณ์การทำพรรคการเมืองของตัวเองกันมาก่อนว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ผลก็เลยทำให้ รักษ์สันติ ประสบปัญหาหลายเรื่อง จนมีข่าวว่าประชุมกันแต่ละครั้งเครียดกันไปทั้งพรรค และหากปล่อยไว้เช่นนี้ ส่อว่า รักษ์สันติ-ปุระชัย อาจแจ้งเกิดไม่สำเร็จ!
ปิดท้ายด้วยพรรค “พลังชล” น้องใหม่เปิดซิงทางการเมืองไปหมาดๆ ประกาศแน่ชัดว่า สนธยา คุณปลื้ม หัวเรือใหญ่ของพรรค และพี่น้องตระกูลคุณปลื้ม ทั้ง วิทยา คุณปลื้ม นายก อบจ.ชลบุรี-อิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา จะทำพรรคนี้แบบพรรคท้องถิ่น คือ หวังเอาชนะยกจังหวัดชลบุรีให้ได้ และอาจตีกินไปถึงพื้นที่รอบๆ อย่าง ระยอง จันทบุรี อีกสักจังหวัดละคน
ถ้าเป็นไปตามแผน แค่นี้ สนธยาก็กำไรแล้ว ดีกว่าจะอยู่กับ เนวิน ชิดชอบ ที่พรรคภูมิใจไทย ซึ่งประเมินแล้ว เป็นลูกทีมใส่เสื้อภูมิใจไทย โอกาสสอบตกสูง เพราะโดนขนาบในพื้นที่ ทั้งจากเพื่อไทย-เสื้อแดง และประชาธิปัตย์
สู้ทำพรรค “พลังชล” ขายความเป็นพรรคลูกน้ำเค็ม มีหัวหน้าพรรคก็เป็นคนที่ชาวเมืองชลรู้จักกันทั้งจังหวัด คือ เชาว์ มณีวงษ์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา เท่านี้ก็พอแล้วกับการเอาจุดแข็งไปกระตุ้นให้คนชลบุรีเลือก “พลังชล” เพื่อให้มีพรรคการเมืองชื่อเดียวกับจังหวัดมีส.ส.ในสภาฯ ซึ่งแนวคิดนี้ ดูแล้ว หาเสียงก็ง่าย แรงเสียดทานก็น้อย ส่วนความสัมพันธ์กับภูมิใจไทย ก็ไม่มีปัญหา เพราะเนวินก็เข้าใจความจำเป็นของสนธยา หากภูมิใจไทยเข้าร่วมรัฐบาลก็ต้องหนีบพลังชล ของสนธยาไปด้วย
เว้นแต่ “พลังชล”ทำไม่สำเร็จ ผิดแผน ไม่ได้ส.ส.สักคน พี่น้องตระกูลคุณปลื้ม ก็ต้องกลับเข้าถ้ำไปเลียแผลเป็นรอบที่สอง
พรรคเล็กที่กล่าวมาทั้งหมด จะทำผลงานได้เข้าเป้า มีป้ายชื่อพรรคมาตุภูมิ-กิจสังคม-พลังชล-รักษ์สันติ ในห้องประชุมสภาฯ หรือไม่ แกนนำพรรคเหล่านี้ ก็ยังเสียวอยู่ไม่น้อย เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งใหม่คาดว่าจะแข่งขันกันดุเดือดเลือดพล่าน ไร้คำว่าปราณี เพราะเป็นศึกชิงอำนาจประเทศไทย