“เทพเทือก” เบิ้ลกลับโพลเพื่อแม้ว มั่นใจประชาธิปัตย์คว้าชัยเลือกตั้ง กวาด ส.ส.กว่า 200 เสียง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล อ้างประชาชนเชื่อมือ “มาร์ค” พาประเทศฝ่าวิกฤตในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้ ปัดกองทัพมือที่มองไม่เห็นจะเข้าช่วยประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลหากแพ้เลือกตั้ง เมินหมอดูทำนาย “ปุระชัย” ดวงพุ่งเหมาะนั่งผู้นำประเทศ โว “อภิสิทธิ์” เจ๋งที่สุด
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าาถึงการจัดงานรถดมทุนของพรรครวมชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน เมื่อค่ำวันที่ 18 ที่ผ่านมาว่า “ผมได้ไปงานเขาด้วย ไวน์ดี แต่โดยมารยาทก็ไม่ได้ถามเขาว่าระดมทุนได้เท่าไหร่ ไม่กล้าประเมินว่าจะได้เท่าไหร่ แต่งานเขาก็จัดดี นานแล้วที่ไม่ได้ฟังเพลงคุณสุนารี ราชสีมา”
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะมีการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ประเภทหวือหวา เป็นสีสัน เช่น ดารา นักร้อง เช่นนี้บ้างหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า นักร้องไม่มี แต่มีศิลปินตลก และพิธีกรบางท่าน ในงานนี้ตนได้จับมือพูดคุยกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ในฐานะหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ตนกับท่านดีกัน และก็ดีกับคนทุกคนทุกพรรคการเมือง อย่าว่าแต่ พล.อ.สนธิเลย พรรคเพื่อไทยจะชวนตนไปคุยตนก็คุยด้วยไม่มีปัญหา ซึ่ง พล.อ.สนธิไม่ได้ขอแบ่งพื้นที่ แต่ถึงขอก็ไม่ให้ การเลือกตั้งต้องสู้กัน จะมาขออะไรกันดื้อๆ และเรื่องนี้ไม่มีนัยว่าตนไปจับมือกับหัวหน้าคณะปฏิวัติ เพราะวันนี้ไม่มีสภาพความเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติแต่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง พรรคหนึ่งเท่านั้นเอง ซึ่งเราให้กำลังใจและต้อนรับทุกท่าน
นายสุเทพกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จะรอให้ กกต.ประกาศเขตเลือกตั้งให้ชัดเจนเสียก่อน จากนั้นพรรคจะจัดตัวคนลงและประกาศเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งการที่ กทม.มีประกาศเขตเลือกตั้งใหม่ ตามที่มีการปรับลดเขตเลือกตั้งลงมาก็คงมีบ้างที่ ส.ส.พื้นที่เดิมต้องขยับออกไป เมื่อถามว่า ในยุค ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช มีการเปลี่ยนเขตเลือกตั้ง จนประชาชนหาหน่วยเลือกตั้งไม่เจอ นายสุเทพกล่าวว่า คิดว่า กกต.คงไม่ทำอย่างนั้น แต่เมื่อมีการลดจำนวน ส.ส.ระบบเขตลงจาก 400 คนเหลือ 375 คน ทำให้เขตเลือกตั้งโตขึ้น เดิมประชาชน 150,000 คนเลือก ส.ส.ได้ 1 คน กลายมาเป็นประมาณ 170,000-175,000 คน ก็ต้องขยับไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.จะเชิญตัวแทนพรรคการเมืองไปหารือเรื่องค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง 1.5 ล้านบาทต่อคน ซึ่งมองว่ามีปัญหาราคาสินค้าแพง พรรรคประชาธิปัตย์เห็นควรปรับเพิ่มหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า พวกตนยังไม่ได้ข่าวนี้ ยังไม่ทราบว่าก กต.จะเชิญไปหารือ แต่เรื่องนี้ก็ต้องทำตามกฎหมายเมื่อกฎหมายบังคับอย่างไรก็ต้องว่าตามนั้น ส่วนค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งควรจะเป็นเท่าไหร่ ตนไม่ทราบว่าแต่ละพรรคคิดอย่างไร แต่สำหรับตนน้อยๆ ก็ดีจะได้ไม่ต้องจ่ายมาก งบประมาณพรรคก็มีจำกัด
สำหรับการลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นั้น เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า รอให้ท่านพูดเองดีกว่า การที่ท่านไม่พูดอะไรออกมาคราวนี้ก็แปลกกว่าทุกครั้ง เพราะทุกครั้งท่านก็จะอธิบาย คราวนี้คงมีอะไรในใจที่ยังไม่ประสงค์จะพูด เมื่อถามว่า ประเด็นการหมิ่นสถาบันทำให้กระทบเสถียรภาพพรรคเพี่อไทย จะมีผลทางการเมืองต่อพรรคประชาธิปัตย์อย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ได้เรียนตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 เม.ย.แล้วว่าเรื่องนี้ตนจะไม่พูดอีกแล้วเพราะพูดไปก็ไม่หยุด
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.ที่พูดจาพาดพิงสถาบัน นายสุเทพกล่าวว่า ข้อเท็จจริงมีประจักษ์ชัดเจนว่าในช่วงเวลา 2-3 ปีมานี้ พรรคเพื่อไทยกับกลุ่ม นปช.เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ฟังคำสั่งโดยตรงจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เหมือนกัน ตนอภิปรายในสภาชี้ให้เห็นชัดเจนว่าการต่อสู้ในทางการเมือง เอาแค่พรรคการเมืองดีกว่า ถ้าไปทำทั้งมีพรรคการเมืองด้วยและมี นปช. มีคนที่ทำอะไรที่รุนแรงด้วยก็ไปกันใหญ่ ทั้งพรรค ทั้งเสื้อแดง เสื้อดำ อย่างนี้ก็ไม่ถูกต้อง
ต่อข้อถามว่าท่านหวังผลไปไกลถึงขั้นยุบพรรคเพื่อไทยเลยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่หวังผลอะไร ตนเตรียมตัวที่จะสู้ในระบบการเลือกตั้ง เรียกร้องให้เขามาสู้ในวีธีการเลือกตั้งตามปกติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยเปิดโพลออกมาระบุว่าจะได้ ส.ส.260-270 ที่นั่ง กวาด ส.ส.ภาคอีสานยกจังหวัดหลายจังหวัด นายสุเทพกล่าวว่า “มันจะเกินจำนวนที่มี ถ้าเพื่อไทยบอกได้ 277 เสียง ผมบอกผมได้ 278 บวกแล้วทุกพรรค ส.ส.มันก็เกิน 500 คน ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญใหม่ คนก็มีสิทธิพูดกันไปเรื่อย แต่พูดยังไงก็แล้วแต่ ผมก็ยืนยันว่าผมชนะ แต่จะได้จริงเท่าไหร่ผมไม่กล้าพูดหรอก แต่จะทำให้ดีที่สุด โดยเฉพาะในภาคใต้ไม่ 100% ก็ 99%”
เมื่อถามว่า ทำไมท่านมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์จะชนะเลือกตั้ง เป็นมุกหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ใช่เป็นมุก แต่เป็นความเชื่อของตน รวมกันทั้งระบบเขตและระบบปาร์ตี้ลิสต์แล้วพรรคประชาธิปัตย์ชนะ ซึ่งชนะเพราะพี่น้องประชาชนลงคะแนนเสียงให้ เพราะเข้าใจสถานการณ์บ้านเมือง ส่วนกรณีที่นายกฯอกมาระบุว่าจะมีรัฐบาลใหม่ภายในเดือน ส.ค.นั้น ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามปฏิทินการเมืองที่คิดกันไว้ที่จะยุบสภาภายในวันที่ 7 พ.ค.และเลือกตั้งอย่างช้าสุดต้นเดือน ก.ค. หลังจากนั้นประมาณ 30 วันก็ตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งแม้ว่าในวันที่ 7-8 พ.ค. นายกฯ จะเดินทางร่วมการประชุมอาเซียซัมมิทที่อินโดนีเซีย ก็ไปได้ เพราะยื่นถวายพระราชกฤษฎีกายุบสภาในวันที่ 6 พ.ค.ก็ได้
ส่วนหลังเลือกตั้งจะมีพรรคใดได้ ส.ส.เกิน 200 เสียงบ้างนั้น นายสุเทพกล่าวทีเล่นทีจริงว่า พรรคประชาธิปัตย์ ตนเป็นเลขาธิการพรรคเดี๋ยวนี้เก่งเลข นั่งนับอยู่ทุกวันทั้งเช้า ทั้งเย็น นับตลอดเวลา โดยจะอยู่ที่ 200 กว่าเสียง แต่คงยากที่จะตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ตนมั่นใจว่า 2 ปีที่ผ่านมาประชาชนเห็นเหตุการณ์และวิกฤติการณ์ของบ้านเมือง ประชาชนก็เห็นว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้ารัฐบาลที่สามารถพาบ้านเมืองฟันฝ่าวิกฤติการณ์เหล่านี้มาได้ คิดว่ามีคะแนนนิยมที่อยู่ในใจประชานอยู่ โดยนายอภิสิทธิ์เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ส่วนตนเป็นรองนายกฯที่ดีที่สุด
ส่วนที่มีสื่อบางคอลัมน์ระบุว่า ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หัวหน้าพรรครักษ์สันติ ดวงกำลังขึ้นและดวงเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็นคู่แข่งที่สำคัญหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนอยู่ในระบอบประชาธิปไตยตนเชื่อพี่น้องประชาชน ไม่เชื่อดวง ในขณะนี้ก็ต้องเรียนว่าเชื่อมั่นว่าหลังเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์จะได้กลับมาเป็นรัฐบาล
ผู้สื่อข่าถามว่า มีการประเมินกันว่าแม้พรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้ง จะมีมือที่มองไม่เห็น คือกองทัพจะเข้ามาช่วยสนับสนุนทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล นายสุเทพกล่าวว่า “ไม่มีครับ ไอ้นั่นพรรคเพื่อไทยพูดเอาข้างเดียว กับสื่อบางคนที่ไปทางพรรคเพื่อไทย ไม่มีมือที่สาม มีแต่มือผมนี่แหละ” เมื่อถามว่าสำหรับพรรคการเมืองใหม่ ทางพรรคประชาธิปัตย์จะเก็บเอามาเป็นแนวร่วมด้วยหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า บรรดาพรรคการเมืองทั้งหลายที่ลงมาอาสาประชาชนลงสมัครับเลือกตั้งตนต้อนรับ ทุกพรรคและพร้อมที่จะพูดคุยกันได้ในทางการเมืองถ้าจะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ ตนยินดีที่จะพูดคุยกับทุกคน
