xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ใครกล้าดับฝัน “นครพนม” เมืองหลวงยางพารา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หลายฉบับก่อน เขียนถึง “โครงการกล้ายาง เฟส 3 ประชานิยม ภูมิใจใคร” ที่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อย่างฉลุย แถมมีชาวบ้านชาวช่องร่วมลงทะเบียนนับล้านราย
 
เป็นโครงการส่งเสริมการปลูกยางพาราในพื้นที่ใหม่ ระยะที่ 3 ( พ.ศ.2554-2556 ) ตามพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง ( กสย. ) ที่พรรคภูมิใจไทย โดย “ครูแก้ว” “ศุภชัย โพธิ์สุ” รมช.เกษตรและสหกรณ์ คนปัจจุบัน รวมทั้ง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ดูแลกำกับนโยบายด้านยางพาราโดยตรง ร่วมกันผลักดัน

มติครม.เมื่อเดือนธันวาคม 53 ทำเอา “เนวิน ชิดชอบ” คนผลักดันตัวจริง ยิ้มหวานหน้าบาน หลังช่วยกันผลักดันเป็นเวลา 2 ปี ไม่มีใครคัดค้าน ถือเป็นนโยบายประชานิยมของ “ภูมิใจไทย” ระดับต้นๆ อย่างแท้จริง

โครงการนี้ “สุเทพ” ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ อนุมัติงบประมาณ 1,212 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณปี 2553 จำนวน 290 ล้านบาท และงบปี 2554 จำนวน 922 ล้านบาท

เรื่องนี้"อภิสิทธิ์"เคยสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหลายแห่ง ให้ประชาชนเร่งลงทะเบียน ในโครงการนี้ให้ได้ 8 แสนไร่ โดยมีเป้าหมายปลูกยางในภาคเหนือ 1.5 แสนไร่ ภาคกลาง และตะวันออก 1 แสนไร่ ภาคใต้ 5 หมื่นไร่ และในภาคอีสาน 5 แสนไร่

มีเงื่อนไขว่า ต้องมีที่ดินเป็นของตัวเองไม่น้อยกว่า 2 ไร่ และไม่เคยมีสวนยางมาก่อน ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือปลูกยางพันธุ์ดี รายละ 2-15 ไร่ โดยรัฐจะช่วยเหลือแบบให้เปล่าในรูปปัจจัยการผลิต ได้แก่ พันธุ์ยาง ปุ๋ย เมล็ดพืชคลุมดิน ใน 3 ปีแรก คิดเป็นเงิน 3,529 บาท ต่อไร่ และแบ่งจ่ายเป็นงวดๆตามหลักเกณฑ์ของ สกย.

แต่มาวันนี้ โครงการเกือบจะต้องสะดุด!!

เมื่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอให้ ครม.ชะลอโครงการไว้ก่อน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาทบทวนกระบวนการส่งเสริมการปลูกยางพารา และผลจากการส่งเสริมการปลูกยางพาราระยะที่ 2 (เฟส 2 ) ที่ผ่านมา

ป.ป.ช.สรุปจากเฟส 2 ว่า เกษตรกรขาดความรู้ด้านยางพารา มีปัญหาการจัดซื้อจัดจ้าง และการส่งมอบกล้ายางที่ไม่เป็นไปตามกำหนด และอาจเป็นช่องทางทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ

“หากไม่ทำการศึกษาและพิจารณาให้รอบคอบ ทั้งด้านการจัดเขตพื้นที่ส่งเสริมและด้านความรู้ของเกษตรกรในการทำสวนยาง อาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่รัฐ และเกษตรกรได้ เพราะจากข้อเท็จจริงที่ผ่านมา จากเฟส 2 มีต้นยางตายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากกว่า 1 แสนไร่ ประจวบกับราคาที่สูงขึ้น จะมีผลกระทบต่อเกษตรกรที่ต้องการปลูกยางนอกโครงการต้องเสียค่าใช้จ่ายซื้อกล้ายางแพงกว่าปกติ นอกจากนั้นอาจเป็นช่องทางที่ก่อให้เกิดการทุจริต และความเสียหายต่อรัฐ ในการเสนอราคาในการประกวดราคาซื้อกล้ายางได้ด้วย”

สอดคล้องกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สภาพัฒน์ ) ที่เห็นควรให้กระทรวงเกษตรฯชะลอการดำเนินโครงการดังกล่าวไว้ก่อน พร้อมเร่งศึกษาทบทวนโครงการระยะที่ 2

ความเห็นของ 2 หน่วยงานขั้นต้น ทำเอา แผนปั้น “นครพนม เป็นเมืองหลวงยางพารา” ของครูแก้ว สะดุดกึกๆๆๆ

แต่ใครว่าจะสะดุด เมื่อครม. 20 เม.ย. ทำได้แค่รับพิจารณาความเห็นของป.ป.ช.

“ครูแก้ว” ออกมาบอกว่า ครม.เห็นชอบให้เราทำโครงการต่อ แต่ให้รับข้อสังเกตของป.ป.ช. สภาพัฒน์ และสำนักงบประมาณ มาประกอบ แถมสำทับกลับว่า ป.ป.ช.ไปเอามาจากไหนว่า เฟส 2 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีต้นยางตาย 1 แสนไร่ เพราะเขาได้รับรายงานจาก สกย. ว่าตายแค่ 6 พันไร่เท่านั้น เอาละครับใครมั่วระหว่างคนตรวจสอบกับคนดำเนินการ

ครูแก้ว เอาตัวเลขมาให้ดู พร้อมยอมรับว่า ต้นยาง 1 แสนไร่ที่ป.ป.ช.ไปตรวจสอบ ยอมรับว่าตายจริงๆ แต่เป็นต้นยางนอกโครงการ "ครูแก้ว" บอกอย่างนั้น แถมยังการันตีว่า โครงการนี้ “เป็นไปไม่ได้” ที่จะมีการทุจริต เพราะทุกขั้นตอน...ย้ำ!! ทำงานอย่างรอบคอบ แม้กระทั่ง “สุเทพ” ประธานบอร์ด ก็ย้ำว่าไม่มีทุจริต ถ้ามีเขาจะฟันไม่เลี้ยง

เรื่องในครม.ไม่เท่าไร แต่จากคำพูดของ “อุทัย สอนหลักทรัพย์” ประธานสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ที่แว่วว่า เข้าสมัครสังกัดภูมิใจไทยแล้ว ออกมาขู่ “ถ้าครม.เบรกโครงการกล้ายาง 8 แสนไร่ เจอม็อบแน่”

เขาบอกว่าใครจะรับผิดชอบความเสียหาย ของเกษตรกร ที่มาลงทะเบียนแล้วเกือบ 2 ล้านไร่ และก็ยังไม่มีการพิจารณาใดๆ

เมื่อรัฐมนตรี หรือคนค่าย “ภูมิใจไทย” แท็กทีม อะไรก็ชิวๆ ความฝัน“นครพนม เมืองหลวงยางพารา” จิ๊บๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น