ภายหลังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงการดำเนินโครงการปลูกยางพาราในพื้นที่แห่งใหม่ ระยะที่ 3 จำนวน 800,000 ไร่ ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ นายศุภชัย โพธิ์สุ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีความเห็นให้ดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป พร้อมนำข้อสังเกตของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนบริหารความเสี่ยง และลดโอกาสเกิดการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างกล้ายาง และปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตที่เกษตรกรในโครงการ จะได้รับในระยะเวลา 3 ปีแรก
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง หรือ สกย. จะประชุมกำหนดหลักเกณฑ์ประมูลบริษัทจัดซื้อปัจจัยการผลิตดังกล่าว ในวันที่ 25 เมษายน โดยมั่นใจว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ซ้ำรอยโครงการกล้ายาง 90 ล้านต้น รวมถึงกรณีอาจมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง ให้ชะลอโครงการ
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาปรับขึ้นอัตราการชดเชยให้กับชาวสวนยางพาราที่เข้าร่วมโครงการระยะที่ 2 หลังยืนต้นตายจากปัญหาภัยแล้งเมื่อปีที่แล้ว จากไร่ละ 900 บาท เป็น 6,007 บาท เร็วๆ นี้ เนื่องจากการชดเชยความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม อยู่ในปีงบประมาณเดียวกัน
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง หรือ สกย. จะประชุมกำหนดหลักเกณฑ์ประมูลบริษัทจัดซื้อปัจจัยการผลิตดังกล่าว ในวันที่ 25 เมษายน โดยมั่นใจว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ซ้ำรอยโครงการกล้ายาง 90 ล้านต้น รวมถึงกรณีอาจมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง ให้ชะลอโครงการ
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาปรับขึ้นอัตราการชดเชยให้กับชาวสวนยางพาราที่เข้าร่วมโครงการระยะที่ 2 หลังยืนต้นตายจากปัญหาภัยแล้งเมื่อปีที่แล้ว จากไร่ละ 900 บาท เป็น 6,007 บาท เร็วๆ นี้ เนื่องจากการชดเชยความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม อยู่ในปีงบประมาณเดียวกัน
