ASTVผู้จัดการรายวัน- “ครม.” ไฟเขียวลดภาษีฯดีเซลรวม 5.83 บาทต่อลิตรมีผลแล้ววันนี้(21เม.ย.) สิ้นสุดก.ย. 54 ส่งให้กองทุนน้ำมันฯลดอัตราชดเชยลงเหลือ 0.16 บาทต่อลิตร ขณะที่ผลพวงตรึงดีเซล-แอลพีจีส่งผลให้ยอดใช้มี.ค.กระฉูด เตรียมชงกพช.27เม.ย.วางกรอบแผนขยายคลังแอลพีจีเป็น 2.5 แสนตันรับวิกฤติแอลพีจีปี’58
นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแนวทางการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงรวม 5.83 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันนี้(21เม.ย.) เป็นต้นไปและสิ้นสุดก.ย. 2554 โดยรัฐบาลกำหนดจะตรึงราคาดีเซลเขตกรุงเทพและปริมณฑลไว้ที่ 29.99 บาทต่อลิตรซึ่งคลังได้ประเมินว่า รายได้ที่จะหายไปจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันในช่วง 5เดือน(พ.ค.-ก.ย.)ที่เหลือของปีงบประมาณปี 2554 จะอยู่ที่ 44,380 ล้านบาท ทั้งนี้หลังจากครม.เห็นชอบคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ได้พิจารณาลดอัตราการชดเชยน้ำมันดีเซลของกองทุนน้ำมันลงจาก 6 บาทต่อลิตรเหลือ 0.16 บาทต่อลิตร
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) กล่าวว่า การใช้น้ำมันเดือนมี.ค. เบนซินปรับลดลงจากเดือนก.พ. 7% มาอยู่ที่ 19.8 ล้านลิตรต่อวันซึ่งสาเหตุมาจากราคาน้ำมันแพงทำให้คนหันไปติดแอลพีจี และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี) ซึ่งสวนทางกับการใช้ดีเซลที่มีการปรับตัวสูงขึ้น 4% มาอยู่ที่ 55.6 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งสาเหตุที่การใช้ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากรัฐบาลได้ตรึงราคาดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาทประกอบกับผลผลิตทางการเกษตรสูงขึ้นโดยเฉพาะอ้อยทำให้มีการใช้ดีเซลเพื่อการขนส่งเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการใช้แอลพีจีที่รัฐได้ตรึงราคาไว้ส่งผลให้การใช้แอลพีจีไตรมาสแรก(ม.ค.-มี.ค.)ปี 2554 อยู่ที่525,000 ตัน/เดือนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 24% โดยเพิ่มขึ้นทุกภาคส่วน โดยเฉพาะขนส่งเพิ่มขึ้น 22% ครัวเรือนเพิ่ม 8% อุตสาหกรรมเพิ่ม 6% ภาคปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น 65%
ทั้งนี้การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานวันที่ 27 เม.ย.นี้กระทรวงพลังงานจะเสนอกรอบการศึกษาแนวทางการลงทุนขยายสร้างคลังและระบบท่อลำเลียงแอลพีจี(ก๊าซหุงต้ม)เพื่อรองรับกับความต้องการที่จะเพิ่มขึ้นระหว่างปี 2558-2559 ของบมจ.ปตท.โดยจะขยายจากที่ปัจจุบันมีขนาด 1.5 แสนตันเป็น 2.5 แสนตัน
“ คงต้องเตรียมรองรับไว้เพราะการก่อสร้างต้องทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพหรือ EHIA ใช้เวลา 4-5 ปีและประเมินจากความต้องการทุกภาคส่วนจะใช้เพิ่มขึ้นเป็น8%ทุกปี จากปัจจุบันซึ่งหากไม่มีการสร้างคลังไว้จะทำให้เกิดภาวะวิกฤติได้ในปี 2558-255ส่วนการลงทุนคาดว่าคงจะเป็นระดับหมื่นล้านบาทขึ้นไปและสถานที่เดิมที่เขาบ่อยาคงจะเต็มคงต้องมองหาที่ใหม่ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้สรุป”นายวีระพลกล่าว
นอกจากนี้ยังเตรียมพิจารณาปรับราคาแอลพีจีหน้าโรงกลั่นรอบที่ 2 เพื่อจูงใจให้โรงกลั่นนำแอลพีจีมาขายในประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อลดการนำเข้าโดยขอให้ทางโรงกลั่นไปทำตัวเลขราคาเสนอกลับมา ทั้งนี้ก่อนหน้าได้มีการปรับราคาหน้าโรงกลั่นแล้วส่งผลให้โรงกลั่นทั้งหมดที่มีการผลิตแอลพีจี 1.4แสนตัน/เดือนมีการนำมาจำหน่ายสู่ภาคครัวเรือนขนส่งและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นแล้ว 70,000-80,000 ตัน/เดือน โดยราคานำเข้าพบว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องจ่ายชดเชยกิโลกรัม(กก.)ละ 19 บาทขณะที่ราคาจากโรงกลั่นชดเชยเพียง 12 บาท/กก. ปัจจุบันธพ.ได้ประเมินนำเข้าแอลพีจีเฉลี่ยปี 2554 จะอยู่ที่เดือนละ 114,000 ตัน ราคาเฉลี่ยปีนี้จะสูงกว่าปีที่แล้วโดยอยู่ที่800 เหรียญสหรัฐต่อตันขณะที่ปีที่แล้วอยู่ที่ 770 เหรียญฯต่อ ตรึงดีเซลช่วยลดต้นทุนสินค้า
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การตรึงราคาน้ำมันดีเซลตามนโยบายของรัฐบาลไว้ที่ลิตรละไม่เกิน 30 บาท มีส่วนช่วยให้ต้นทุนราคาสินค้าด้านการขนส่งไม่ปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยผลจากการวิเคราะห์พบว่า ราคาน้ำมันดีเซลในเดือนเม.ย.ปีนี้เทียบกับเม.ย.ปีที่แล้ว มีผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้นเพียง 0.0004-0.089% โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบสูงสุด ได้แก่ ปูนซีเมนต์ เพราะน้ำหนักขนส่งมาก ส่วนสินค้าที่ได้รับผลกระทบน้อยสุด คือ ผ้าอนามัย
ทั้งนี้ ราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซล ในเดือนเม.ย.2554 อยู่ที่ลิตรละ 29.99 บาท เทียบกับเม.ย.2553 อยู่ที่ลิตรละ 29.64 บาท หรือเพิ่มขึ้นลิตรละ 35 สตางค์
นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแนวทางการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงรวม 5.83 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันนี้(21เม.ย.) เป็นต้นไปและสิ้นสุดก.ย. 2554 โดยรัฐบาลกำหนดจะตรึงราคาดีเซลเขตกรุงเทพและปริมณฑลไว้ที่ 29.99 บาทต่อลิตรซึ่งคลังได้ประเมินว่า รายได้ที่จะหายไปจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันในช่วง 5เดือน(พ.ค.-ก.ย.)ที่เหลือของปีงบประมาณปี 2554 จะอยู่ที่ 44,380 ล้านบาท ทั้งนี้หลังจากครม.เห็นชอบคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ได้พิจารณาลดอัตราการชดเชยน้ำมันดีเซลของกองทุนน้ำมันลงจาก 6 บาทต่อลิตรเหลือ 0.16 บาทต่อลิตร
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) กล่าวว่า การใช้น้ำมันเดือนมี.ค. เบนซินปรับลดลงจากเดือนก.พ. 7% มาอยู่ที่ 19.8 ล้านลิตรต่อวันซึ่งสาเหตุมาจากราคาน้ำมันแพงทำให้คนหันไปติดแอลพีจี และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี) ซึ่งสวนทางกับการใช้ดีเซลที่มีการปรับตัวสูงขึ้น 4% มาอยู่ที่ 55.6 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งสาเหตุที่การใช้ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากรัฐบาลได้ตรึงราคาดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาทประกอบกับผลผลิตทางการเกษตรสูงขึ้นโดยเฉพาะอ้อยทำให้มีการใช้ดีเซลเพื่อการขนส่งเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการใช้แอลพีจีที่รัฐได้ตรึงราคาไว้ส่งผลให้การใช้แอลพีจีไตรมาสแรก(ม.ค.-มี.ค.)ปี 2554 อยู่ที่525,000 ตัน/เดือนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 24% โดยเพิ่มขึ้นทุกภาคส่วน โดยเฉพาะขนส่งเพิ่มขึ้น 22% ครัวเรือนเพิ่ม 8% อุตสาหกรรมเพิ่ม 6% ภาคปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น 65%
ทั้งนี้การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานวันที่ 27 เม.ย.นี้กระทรวงพลังงานจะเสนอกรอบการศึกษาแนวทางการลงทุนขยายสร้างคลังและระบบท่อลำเลียงแอลพีจี(ก๊าซหุงต้ม)เพื่อรองรับกับความต้องการที่จะเพิ่มขึ้นระหว่างปี 2558-2559 ของบมจ.ปตท.โดยจะขยายจากที่ปัจจุบันมีขนาด 1.5 แสนตันเป็น 2.5 แสนตัน
“ คงต้องเตรียมรองรับไว้เพราะการก่อสร้างต้องทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพหรือ EHIA ใช้เวลา 4-5 ปีและประเมินจากความต้องการทุกภาคส่วนจะใช้เพิ่มขึ้นเป็น8%ทุกปี จากปัจจุบันซึ่งหากไม่มีการสร้างคลังไว้จะทำให้เกิดภาวะวิกฤติได้ในปี 2558-255ส่วนการลงทุนคาดว่าคงจะเป็นระดับหมื่นล้านบาทขึ้นไปและสถานที่เดิมที่เขาบ่อยาคงจะเต็มคงต้องมองหาที่ใหม่ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้สรุป”นายวีระพลกล่าว
นอกจากนี้ยังเตรียมพิจารณาปรับราคาแอลพีจีหน้าโรงกลั่นรอบที่ 2 เพื่อจูงใจให้โรงกลั่นนำแอลพีจีมาขายในประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อลดการนำเข้าโดยขอให้ทางโรงกลั่นไปทำตัวเลขราคาเสนอกลับมา ทั้งนี้ก่อนหน้าได้มีการปรับราคาหน้าโรงกลั่นแล้วส่งผลให้โรงกลั่นทั้งหมดที่มีการผลิตแอลพีจี 1.4แสนตัน/เดือนมีการนำมาจำหน่ายสู่ภาคครัวเรือนขนส่งและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นแล้ว 70,000-80,000 ตัน/เดือน โดยราคานำเข้าพบว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องจ่ายชดเชยกิโลกรัม(กก.)ละ 19 บาทขณะที่ราคาจากโรงกลั่นชดเชยเพียง 12 บาท/กก. ปัจจุบันธพ.ได้ประเมินนำเข้าแอลพีจีเฉลี่ยปี 2554 จะอยู่ที่เดือนละ 114,000 ตัน ราคาเฉลี่ยปีนี้จะสูงกว่าปีที่แล้วโดยอยู่ที่800 เหรียญสหรัฐต่อตันขณะที่ปีที่แล้วอยู่ที่ 770 เหรียญฯต่อ ตรึงดีเซลช่วยลดต้นทุนสินค้า
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การตรึงราคาน้ำมันดีเซลตามนโยบายของรัฐบาลไว้ที่ลิตรละไม่เกิน 30 บาท มีส่วนช่วยให้ต้นทุนราคาสินค้าด้านการขนส่งไม่ปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยผลจากการวิเคราะห์พบว่า ราคาน้ำมันดีเซลในเดือนเม.ย.ปีนี้เทียบกับเม.ย.ปีที่แล้ว มีผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้นเพียง 0.0004-0.089% โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบสูงสุด ได้แก่ ปูนซีเมนต์ เพราะน้ำหนักขนส่งมาก ส่วนสินค้าที่ได้รับผลกระทบน้อยสุด คือ ผ้าอนามัย
ทั้งนี้ ราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซล ในเดือนเม.ย.2554 อยู่ที่ลิตรละ 29.99 บาท เทียบกับเม.ย.2553 อยู่ที่ลิตรละ 29.64 บาท หรือเพิ่มขึ้นลิตรละ 35 สตางค์
