xs
xsm
sm
md
lg

เศร้ารับศพด.ต.-แท็กซี่ ปูนบำเหน็จ5ชั้นยศฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - เผยภาพกล้องวงจรปิด หนุ่มคลั่งจ้วงแทง-แย่งปืนยิง “ด.ต.” ตายคาป้อมจราจร ก่อนถูกวิสามัญดับ ขณะที่ญาติแท็กซี่เข้ารับศพโชเฟอร์พลเมืองดี นำไปบำเพ็ญกุศลบ้านเกิด แม่แท็กซี่เศร้าแต่ภูมิใจลูกเป็นพลเมืองดี ตร.-ผบก.น.1 เผยครอบครัว “ด.ต.”ได้รับเงินช่วยเหลือ 4 แสน ปูนบำเหน็จ 5 ชั้นยศ สั่งสอบหาข้อเท็จริง ยันชุดวิสามัญฯ

วานนี้ (15 เม.ย.) พ.ต.ต.ประกิจ ไกรหา สว.จร.สน.ดุสิต พร้อม นางเบญจวรรณ พิลาศรี อายุ 38 ปี ด.ช.ประกาศิต หรือ “น้องเก่ง” พิลาศรี อายุ 12 ปี และ ด.ช.ภานุวัฒน์ หรือ “น้องลีโอ” พิลาศรี อายุ 4 ปี ซึ่งเป็นภรรยาและลูกๆ ของ ด.ต.ลิขสิทธิ์ พิลาศรี ได้พากันมาติดต่อกับเจ้าหน้าที่แผนกนิติเวช รพ.วชิรพยาบาล เพื่อขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีกรรมทางศาสนา อย่างไรก็ตามเนื่องจากวันนี้ยังเป็นวันหยุดแพทย์ได้แจ้งว่าการผ่าศพของ ด.ต.ลิขสิทธิ์ จะแล้วเสร็จในช่วงบ่ายวันนี้

จากการสอบถาม นางเบญจวรรณ กล่าวว่า ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ตนอยากให้ผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติช่วยเหลือด้านการศึกษาของลูกชายทั้ง 2 คน โดยเฉพาะน้องเก่ง ลูกชายคนโตที่สามีวาดหวังไว้อยากจะให้เป็นนายร้อยตำรวจ ส่วนเรื่องเงินช่วยเหลือและเรื่องที่พักอาศัยยังไม่มีใครนำมาให้หรือบอกข้อมูลแต่อย่างใด หลังจากนี้จะนำศพสามีไปตั้งรดน้ำศพที่วัดสุคันธาราม ตอน 17.00 น. ทำพิธีสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 6 คืน ก่อนจะเคลื่อนย้ายไปเข้าพิธีพระราชทานเพลิงศพที่วัดตรีทศเทพต่อไป

ด้าน ด.ช.ประกาศิต กล่าวว่า ต่อไปนี้ตนจะทำหน้าที่ดูแลแม่และน้องๆ อีก 2 คน อย่างดีที่สุด ที่สำคัญต้องตั้งใจเรียนให้มากขึ้นเพื่อสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจให้ได้ตามความหวังของพ่อ ที่ผ่านมาพ่อเป็นแบบอย่างของตนเป็นคนรักครอบครัวมากจะออกไปทำงานช่วงหกโมงเช้าของทุกวันและกลับมาที่บ้านพักอีกครั้งประมาณบ่ายสามหากไม่มีภารกิจอื่นๆ

ขณะที่ พ.ต.ต.ประกิจ เปิดเผยว่า ผู้ตายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดีมีน้ำใจ เสียสละ และช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เคยสังกัด บช.ตชด.แล้วย้ายมาลงงานจราจร สน.ดุสิต ตั้งแต่ พ.ศ.2546 เป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลายหากมีงานระดมหรืองานอื่นๆ ที่ต้องใช้กำลังพลเยอะๆ ผู้ตายจะเป็นคนที่มาถึงโรงพักก่อนเวลานัดหมายเสมอน่าเสียดายที่ต้องมาจบชีวิตรวดเร็วอย่างนี้ ไม่นึกว่าผู้ตายจะพลาดพลั้งเพราะตนก็คอยกำชับผู้ใต้บังคับบัญชายามปล่อยแถวออกปฏิบัติหน้าที่เสมอว่าให้ระมัดระวังตัว

“จากการสอบถามพยานที่เห็นเหตุการณ์ให้ข้อมูลว่าก่อนเกิดเหตุคนร้ายได้จอดรถเก๋งคัมรี่ที่ชิงทรัพย์มาคันแรกบริเวณหน้าป้อมตำรวจ แล้วลงจากรถทำทีเข้าไปสอบถามเส้นทางก่อนจ้วงแทงและแย่งปืนยิงใส่ผู้ตาย คาดว่าเวลานั้นผู้ตายคงไม่ได้เอะใจอะไร เนื่องจากปกติจะมีชาวบ้านมาจอดรถถามเส้นทางที่ป้อมตำรวจจุดนั้นเป็นประจำทั้งวันอยู่แล้ว” พ.ต.ต.ประกิจ กล่าว

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้เผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด ใกล้ป้อมตำรวจแยกขัตติยานี ที่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์หลังจากที่นายธาดา แทงด.ต.ลิขสิทธิ์ จนถึงแก่ความตายเพื่อแย่งอาวุธปืนประจำกาย
ขณะเดียวกันยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณแยกศรีอยุธยา ซึ่งนายธาดา อินทมาศ คนร้ายได้ขับรถเก๋งคัมรี่พุ่งชนรถคู่กรณี ก่อนถือปืนลงจากรถ ไปยิงคนขับแท็กซี่พลเมืองดีจนเสียชีวิตอีก 1 ราย

ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่แผนกนิติเวช รพ.รามาธิบดี นางสายทอง พวงสูงเนิน อายุ 63 ปี พร้อมญาติพี่น้อง และนายอภิชาติ มโนมัยวงศ์ อายุ 52 ปี เจ้าของอู่ม้าทองที่นายอำนาจ พวงสูงเนิน เช่าอยู่ ได้เดินทางมารับศพเพื่อไปทำพิธีรดน้ำศพที่วัดสุคันธาราม ก่อนที่ทางญาติจะนำศพกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดสามแยก ต.สีชมพู อ.โซ่พิสัย จ.หนองคาย

นางสายทอง กล่าวทั้งน้ำตาว่า รู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียลูกชายและไม่คาดคิดว่า ลูกจะมาด่วนจากไปก่อน ที่ผ่านมาลูกได้เข้ากรุงเทพฯ มาทำงานขับแท็กซี่ เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวมาตลอด และไม่ได้กลับมาที่บ้านเลย โดยลูกชายได้โทรบอกกับตนว่า จะขับรถหาเงินช่วงสงกรานต์ก่อน และจะกลับไปเยี่ยมแม่และญาติพี่น้องหลังจากหมดงานสงกรานต์ แต่กลับมาถูกยิงเสียชีวิตก่อน

“เสียใจมากที่ลูกต้องมาจบชีวิตแบบนี้ แต่ก็รู้สึกภาคภูมิใจมากที่ลูกชายเป็นพลเมืองดีพยายามช่วยเจ้าหน้าที่จับคนร้าย จากนี้จะนำศพกลับบ้านเกิดที่ จ.หนองคาย ไปทำพิธีต่อไป ต้องขอบคุณ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวของตน เพราะครอบครัวตนไม่มีเงินเลย” แม่แท็กซี่พลเมืองดี กล่าว

เวลา 12.30 น.ที่รพ.ตำรวจ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เดินทางเยี่ยม ด.ต.จิโรจน์ บุญทองคำ ผบ.หมู่.จร.สน.พญาไท ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ นายธาดา อินทมาศ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/3 หมู่ที่ 4 ต.นาเหรง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ขับรถพุ่งชน ขณะ ด.ต.จิโรจน์ พยายามเข้าสกัดจับ ซึ่งขณะนี้พักรักษาตัวที่ห้อง 607 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ตำรวจ เบื้องต้น พล.ต.ต.วิชัย ได้มอบเงินสดส่วนตัวช่วยเหลือครอบครัว ด.ต.จิโรจน์ จำนวน 30,000 บาท

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า หลังเกิดเหตุได้มีการตั้งกรรมการสอบสวน แต่ไม่ใช่เป็นการตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงว่าตำรวจที่ปฏิบัติ หน้าที่ในวันเกิดเหตุบกพร่อง หรือทำเกินกว่าเหตุ แต่เป็นการตั้งกรรมการสอบสวนเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องกันในหลายท้อง ที่ ทั้งนี้ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ชุดที่วิสามัญคนร้ายไม่ทราบว่ามีตัวประกันอยู่ภายในรถ กับคนร้ายด้วย ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วมากตั้งแต่พื้นที่อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นจุดที่นายธาดาก่อเหตุชิงรถโตโยต้า คัมรี่ มาถึงแยกศรีอยุธยา ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงโชเฟอร์พลเมืองดีเสียชีวิต และใช้อาวุธปืนจี้ชิงรถโตโยต้าคัมรี่และจับตัว พญ.พิภัทรา สายโลหิต อายุ 28 ปี เป็นตัวประกัน ใช้เวลาเพียง 18 นาที

และจากจุดนี้ไปถึงอนุสาวรีย์ ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรม ใช้เวลาเพียง 3 นาที ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาช่วยสกัดจับคนร้ายก็มีหลายชุด ซึ่งต่างก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะหยุดยั้งคนร้าย เพราะเกรงจะไปก่อเหตุอื่นเพิ่มเติมอีก ซึ่งตนยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทำตามหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุยังไม่มีญาติของผู้บาดเจ็บมาแจ้งความว่าตำรวจทำ เกินกว่าเหตุ ส่วนอาการของ พญ.พิภัทรา ทราบว่าปลอดภัยดี ซึ่งตนได้ไปเยี่ยมอาการและพูดคุยกับมารดาของ พญ.พิภัทรา แล้ว

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวต่อว่า ส่วนนายธาดาคนร้ายที่ถูกวิสามัญนั้น ทราบจากพี่สาวว่า นาธาดาติดยาบ้ามานาน และจากการผลการตรวจเลือดพบว่ามีการพบสารแอมเฟตามีนในเลือด ซึ่งแม้จะพบว่านายธาดาอาจจะมีความเครียดในเรื่องส่วนตัว แต่ในเบื้องต้นประเด็นที่แน่ชัดในขณะนี้ตำรวจได้ให้น้ำหนักไปในเรื่องของการใช้ ยาเสพติด ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของร.ต.วิชัย วิไลรัศมี อายุ 63 ปี ข้าราชการบำนาญ เจ้าของรถคัมรี่คันแรก ที่ถูกนายธาดาใช้อาวุธมีดจี้ชิง ซึ่งระบุว่า นายธาดามีลักษณะคล้ายคนเมายา แต่อย่างไรก็ตามตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นอื่นทิ้ง

ผบก.น.1 กล่าวว่า ในการช่วยเหลือตำรวจของพลเมืองดี อาจจะเป็นในลักษณะของการแจ้งเบาะแส หรือข้อมูลของคนร้าย เนื่องจากตำรวจมีวิธีการดำเนินการสกัดจับคนร้ายอยู่แล้ว แต่หากพลเมืองดีเข้าทำการขัดขวางคนร้ายด้วยตนเองอาจได้รับอันตราย อย่างในกรณีนี้ก็น่าเสียดายพลเมืองดีที่ต้องมาจบชีวิตอย่างนี้

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า ส่วนการช่วยเหลือครอบครัวของ ด.ต.ลิขสิทธิ์ บื้องต้นครอบครัวจะได้รับเงินช่วยเหลือทั้งหมดประมาณ 400,000 บาท เนื่องจากถือเป็นการเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่และจะให้มีการเลื่อนชั้นยศ 5 ชั้นยศ ซึ่งต่อไปจะมีการเข้าไปช่วยเหลือครอบครัวด้วย โดยการหาอาชีพให้กับภรรยาและส่งเสียบุตรให้ได้รับการศึกษาจนสำเร็จปริญญาตรี

พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ว่าการดำเนินการดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่อย่างไร และจะต้องตรวจสอบด้วยว่า ขณะเข้าทำการวิสามัญคนร้ายนั้น จะทำให้ตัวประกันเป็นอันตรายหรือไม่ด้วย ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือว่าคนร้ายมีอาการคลุ้มคลั่งและไม่สามารถที่จะสงบสติอารมณ์ได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตัดสินใจทำการวิสามัญ

“ส่วนกรณีที่ทางมารดา ของพ.ญ.พิภัทร ออกมาระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้อาวุธปืนยิง ขณะที่แพทย์หญิงพิภัทร ยังคงนั่งอยู่ในรถ จนทำให้ถูกกระสุนปืนด้วยนั้น เรื่องนี้จะต้องขอตรวจสอบอีกครั้ง เพราะมีกล้องวรจรปิดอยู่หลายที่ โดยจะต้องนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบด้วย จากนั้นจึงจะดำเนินการในขั้นตอนอื่นต่อไป”

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า เรื่องยาเสพติดได้มีการเข้มงวดอยู่ตลอดเวลา ขณะนี้มีความกดดันมาก ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ได้จับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดได้ทั้งประเทศกว่า 6 หมื่นคดี ทั้งผู้ค้า และผู้เสพ ทำให้สถานการณ์ยาเสพติดเบาบางลง นอกจากนี้ได้ทำในเรื่องของการสกัดกั้นในเรื่องของการส่งยาจาประเทศอื่นเข้ามาประเทศไทย ที่ทำได้ผล แต่ที่จะต้องทำต่อคือเรื่องของการสร้างความเข้มแข็งกับครอบครัว และชุมชน สังคม ยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน ของนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศไว้

“ผมต้องขอแสดงความเสียใจ สำหรับการสูญเสียกับครอบครัวของนายตำรวจที่ทำหน้าที่ในการสกัดจับผู้ร้าย ที่มีทั้งเสียชีวิต และบาดเจ็บ โดยจะดูแลให้ดี สำหรับลูกโดยเกณฑ์ และหากประสงค์ที่จะเข้ารับราชการตำรวจก็จะบรรจุให้ ส่วนลูกที่ยังเล็กก็จะส่งเสียให้เรียนหนังสือจนถึงที่สุด”นายสุเทพ กล่าว

เมื่อถามว่า กรณียาเสพติดส่วนใหญ่มักมีเจ้าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้อง นายสุเทพ กล่าวทันทีว่า ผิด ที่พูดแบบนี้ผิด เจ้าหน้าที่ไม่มีส่วนเกี่ยว จะมีก็เพียงส่วนน้อยมาก ปีที่แล้วก็มีประมาณ 60 คดีที่มีเกี่ยวข้องจาก 2 หมื่นกว่าคดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ถูกสั่งให้ออกจากราชการ และลงโทษทุกคน ส่วนปัจจัยที่ทำให้ปัญหายาเสพติดยังมีอยู่มาก ก็เป็นเรื่องที่ยังต้องคุยกันอีกมาก โดยปัจจัยหลักคือคนโลภ อยากรวยในทางที่ผิด ยอมเอาตัวเป็นผู้ค้ายา บางคนอ้างว่าเดือดร้อนทั้งที่ไม่เดือดร้อน แต่อยากรวยมากขึ้น ซึ่งเป็นกิเลสของคน และสำหรับผู้ที่เสพอาจจะเป็นเพราะครอบครัวมีปัญหาไม่อบอุ่น หรือบางคนก็ดิ้นรนไปเอง.
กำลังโหลดความคิดเห็น