ASTVผู้จัดการรายวัน -หนุ่มเมืองคอนคลั่งควงมีดจี้เก๋งคัมรี่จากย่านบางกรวยซิ่งหนีเข้า กทม.ก่อนลงมากระหน่ำแทงตำรวจที่สกัดจับบริเวณแยกขัตติยานีแล้วแย่งปืนยิงหัวตำรวจเสียชีวิต แถมยิงคนขับแท็กซี่พลเมืองดีที่ขับรถขวางตายอีกศพ ยังไม่หยุดคลั่งขับรถชนตำรวจบาดเจ็บ และยิงหมอสาวที่จับเป็นตัวประกันบาดเจ็บ สุดท้ายไม่รอดถูกวิสามัญฆาตกรรมดับคารถ สอบประวัติไม่พบมีอาการทางจิต แต่ญาติยันเป็นคนเครียด และติดยาบ้า
วานนี้ ( 14 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.45 น. ร.ต.ท.คมกฤษ โพธิ์ศรี พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.พญาไท รับแจ้งเหตุวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายก่อเหตุชิงรถยนต์และยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ที่บริเวณแยกไฟแดงถนนพญาไทฝั่งมุ่งหน้าเข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว รองผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รองผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลรามาธิบดี เจ้าหน้าที่อัยการกรมการปกครอง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่ช่องทางด้านขวาสุดหน้าสถาบันโรคหัวใจ โรงพยาบาลราชวิถี เจ้าหน้าที่พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฌส131 กทม. จอดอยู่ในสภาพถูกยิงจนพรุนรอบคัน มีรูกระสุนจำนวน 35 รู ยางล้อรถแตกทั้ง 4 เส้น จากการตรวจสอบภายในรถพบศพนายธาดา อินทมาศ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/3 หมู่ 4 ต.นาเหรง ต.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพนั่งอยู่บนเบาะคนขับ ศรีษะพิงเบาะ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีฟ้า ตรวจสอบตามร่างกายมีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะด้านหลังและท้ายทอย จำนวน 5 นัด มือข้างขวาทะลุฝ่ามือ 1 นัด และที่นิ้วโป้งมือซ้าย อีก 1 นัด นอกจากนี้ยังพบบริเวณข้อมือทั้งสองข้างมีรอยถูกกรีดและเย็บบาดแผล เบื้องต้นแพทย์นิติเวชสันนิษฐานว่า บาดแผลดังกล่าวไม่น่าจะเกิน 7 วัน
จากการตรวจสอบภายในรถคันดังกล่าว ยังพบอาวุธปืนลูกโม่ ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน ขนาด .38 ลำกล้อง 2 นิ้ว จำนวน 1 กระบอก ถูกยิงจนหมดโม่ จำนวน 6 นัด ตกอยู่บนเบาะข้างคนขับ นอกจากนี้บนพื้นถนนและทางเท้าใกล้กับจุดเกิดเหตุ ยังพบปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม.และ.22 กระจัดกระจายอยู่เกลื่อนพื้น รวมทั้งสิ้น จำนวน 19 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถาม ร.ต.ท.วรรณศักดิ์ กระจ่างศรี รอง สว.จร.สน.บางพลัด กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. นายธาดา ได้ใช้อาวุธมีดชิงทรัพย์รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฎก 6345 กทม. ของผู้เสียหายชื่อ ร.ต.วิชัย วิไลรัศมี อายุ 63 ปี ข้าราชการบำนาญ มาจากหน้าโรงพยาบาลอนันต์ 2 ท้องที่ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี จากนั้นขับรถหลบหนีขึ้นข้ามสะพานกรุงธนเข้ามายังท้องที่ สน.สามเสน โดยตนและเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.บางพลัด จำนวน 3 นาย ได้ขับขี่รถ จยย.ติดตามมาตลอดทางแต่ตามไม่ทัน จึงแจ้งวิทยุแจ้งเหตุให้ศูนย์รามา บก.น.1 ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยติดตามด้วย จนนำไปสู่การวิสามัญฆาตกรรม
ต่อมาเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน ที่สน.พญาไท พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รองผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รองผบก.น.1 พ.ต.อ.มานัส ศัตรูลี้ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท เจ้าหน้าที่อัยการกรมการปกครอง และแพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลรามาธิบดี ร่วมกันแถลงข้อเท็จจริงทั้งหมดกับสื่อมวลชนอีกครั้ง
โดย พล.ต.ต.วิชัย เปิดเผยว่า เมื่อช่วยสายวานนี้ (14 เม.ย.) คนร้ายที่ก่อเหตุคือนายธาดา อินทมาศ อายุ 37 ปี ได้ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า โคโรลล่า สีเขียว หมายเลขทะเบียน ภท7646 กทม. เข้าไปก่อเหตุใช้อาวุธมีดจี้ชิงรถโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฎก 6345 กทม. ของ ร.ต.วิชัย วิไลรัศมี อายุ 63 ปี ข้าราชการบำนาญ จากบริเวณหน้าโรงพยาบาลอนันต์ 2 ในท้องที่ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี โดยใช้อาวุธมีดไล่แทง ร.ต.วิชัย แต่ผู้เสียหายหลบได้ จากนั้นนายธาดา ก็ได้ขับรถคันดังกล่าวหลบหนีไป โดยหลังเกิดเหตุทางสภ.บางกรวย ได้ประสานมายังตำรวจนครบาลให้ช่วยแจ้งวิทยุทำการสกัดจับทันที
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า ต่อมานายธาดา ได้ขับรถยนต์มาถึงบริเวณแยกขัตติยานี ด.ต.ลิขสิทธิ์ พิลาศรี ผบ.หมู่.จร.สน.ดุสิต ได้ออกจากป้อมควบคุมสัญญาณไฟจราจร เพื่อขวางรถไว้ แต่นายธาดา ได้ลงมาจากรถก่อนจะตรงเข้าไปต่อสู้ และจับล็อก ด.ต.ลิขสิทธิ์ ไว้ก่อนชักอาวุธมีดจ้วงแทงตามลำตัวถึง 20 แผล จากนั้นแย่งอาวุธปืนจาก ด.ต.ลิขสิทธิ์ ยิงใส่ศีรษะ 1 นัด จนเสียชีวิต ก่อนจะรีบขึ้นรถแล้วขับหลบหนีมาตามถนนศรีอยุธยา จนกระทั่งมาถึงแยกศรีอยุธยา นายธาดา ได้ขับรถเสียหลักพุ่งไปชนท้ายรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฌส131 กทม.ที่มี พ.ญ.พิภัทรา สายโลหิต อายุ 28 ปี แพทย์ประจำโรงพยาบาลค่ายสุรนารี เป็นเจ้าของรถ กับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ศฎ1975 กทม.ที่จอดบริเวณแยกดังกล่าวจนได้รับความเสียหาย
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวต่อว่า จากนั้นนายธาดา ได้ลงจากรถโตโยต้า คัมรี่ คันเดิม แล้วเดินตรงไปที่รถโตโยต้า คัมรี่ ของพ.ญ.พิภัทรา ก่อนจะชักอาวุธปืนจี้ชิงรถคันดังกล่าว พร้อมทั้งไล่มารดาของ พ.ญ.พิภัทรา ลงจากรถ จากนั้นจับ พ.ญ.พิภัทรา เป็นตัวประกัน ก่อนจะพยายามขับรถหลบหนี ขณะนั้นเองได้มีนายอำนาจ พวงสูงเนิน อายุ 34 ปี โชเฟอร์แท็กซี่พลเมืองดี ขับรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทว3087 กทม.ของสหกรณ์แท็กซี่ปทุมวัน เข้ามาขวางเอาไว้ นายธาดา จึงชักอาวุธปืนยิงใส่นายอำนาจ กระสุนเข้าที่บริเวณขมับขวาจนเสียชีวิตทันที ก่อนจะพยายามขับรถหลบหนีต่อไป จังหวะนั้น ด.ต.จิโรจน์ บุญทองคำ ผบ.หมู่.จร.สน.พญาไท ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในป้อมควบคุมสัญญาณไฟจราจรที่แยกดังกล่าว ได้พยายามเข้ามาขวางรถไว้ แต่ก็ถูกนายธาดา ขับรถพุ่งชนจนได้รับบาดเจ็บแขนขาหัก
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวต่อว่า เมื่อนายธาดา ขับรถหลบหนีมาถึงบริเวณแยกอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ.ฝ่ายสืบสวนพญาไท และอีกหลายหน่วยได้เข้าไปสกัดจับ บล็อกรถเอาไว้ จังหวะนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. เข้าไปชาร์จ ก่อนจะช่วยเหลืออุ้ม พ.ญ.พิภัทรา ออกมาจากรถได้ แต่ถูกนายธาดา ยิงใส่จนได้รับบาดเจ็บไปด้วย ขณะเดียวกันนายธาดา พยายามยิงต่อสู้กับตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่จึงมีความจำเป็นที่จะต้องวิสามัญนายธาดาดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายธาดา นั้นพบว่าทำงานเป็นช่างซ่อมคอมพิวเตอร์อยู่ที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และเพิ่งขึ้นมาเยี่ยมพี่สาวที่ กทม.เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาจนกระทั่งวานนี้(14 เม.ย.) ได้เอารถยนต์โยโยต้า โคโรลล่า สีเขียว ของพี่สาวไปใช้ก่อเหตุจี้ชิงรถโตโยต้า คัมรี่ ของ ร.ต.วิชัย จนกระทั่งมาถูกวิสามัญดังกล่าว ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติของนายธาดายังไม่พบว่า เคยมีประวัติทำผิดกฎหมายมาก่อน หรือมีประวัติเคยเข้ารับการรักษาอาการทางประสาทมาก่อน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ ร.ต.วิชัย เจ้าของรถโตโยต้าคัมรี่คันแรก แจ้งว่านายธาดามีอาการคล้ายกับคนเมายาเสพติดนั้น หลังจากนี้จะรอผลการชันสูตรศพจากทางแพทย์นิติเวชว่าในร่างกายมีแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดชนิดใดหรือไม่
พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวด้วยว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บทั้ง 2นายนั้น ทาง พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. ได้กำชับว่าให้ช่วยเหลือตามสิทธิในกฎระเบียบข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าอย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายธาดาพบว่า เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรว สภ.เมืองนครศรีธรรมราช จับกุมในข้อหาขับรถขณะมึนเมาสุรา ที่บริเวณสามแยกประตูลอด ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา
จากนั้นเวลา 14.00 น. น.ส.ธันยพัต อินทมาศ พี่สาวของนายธาดา พร้อมกับสามี เดินทางที่มา สน.พญาไท หลังจากทราบข่าวว่า นายธาดา ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญ จนเสียชีวิต เพื่อเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมี พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. ร่วมทำการสอบปากคำ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
น.ส.ธันยพัต เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 เม.ย. น้องชายได้เดินทางจาก จ.นครศรีธรรมราช มาหาตนที่บ้านพักย่าน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยน้องชายได้โทรศัพท์ไปให้พี่สาวที่อยู่ทางใต้ให้โอนเข้าบัญชี จำนวน 3,000 บาท แต่พี่สาวยังไม่โอนมาให้ตนจึงให้เงินน้องชายไปจำนวน 1,000 บาท จนช่วงเช้าวานนี้ (14 เม.ย.) น้องชายได้ขอยืมรถยนต์ของตนไปใช้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน จนกระทั่งมาทราบว่า น้องชายนำรถไปก่อเหตุและถูกวิสามัญจนเสียชีวิต โดยเท่าที่ผ่านมาน้องชายเป็นคนเครียด และพี่สาวที่อยู่ภาคใต้ก็บอกว่าติดยาบ้าด้วย
ด้าน พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยคดีดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจ ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่คนร้ายก่อเหตุดังกล่าว เพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาสังคมต่อไป ส่วนผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเร่งเยียวยาช่วยเหลืออย่างเต็มที่
วานนี้ ( 14 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.45 น. ร.ต.ท.คมกฤษ โพธิ์ศรี พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.พญาไท รับแจ้งเหตุวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายก่อเหตุชิงรถยนต์และยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ที่บริเวณแยกไฟแดงถนนพญาไทฝั่งมุ่งหน้าเข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว รองผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รองผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลรามาธิบดี เจ้าหน้าที่อัยการกรมการปกครอง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่ช่องทางด้านขวาสุดหน้าสถาบันโรคหัวใจ โรงพยาบาลราชวิถี เจ้าหน้าที่พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฌส131 กทม. จอดอยู่ในสภาพถูกยิงจนพรุนรอบคัน มีรูกระสุนจำนวน 35 รู ยางล้อรถแตกทั้ง 4 เส้น จากการตรวจสอบภายในรถพบศพนายธาดา อินทมาศ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/3 หมู่ 4 ต.นาเหรง ต.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพนั่งอยู่บนเบาะคนขับ ศรีษะพิงเบาะ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีฟ้า ตรวจสอบตามร่างกายมีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะด้านหลังและท้ายทอย จำนวน 5 นัด มือข้างขวาทะลุฝ่ามือ 1 นัด และที่นิ้วโป้งมือซ้าย อีก 1 นัด นอกจากนี้ยังพบบริเวณข้อมือทั้งสองข้างมีรอยถูกกรีดและเย็บบาดแผล เบื้องต้นแพทย์นิติเวชสันนิษฐานว่า บาดแผลดังกล่าวไม่น่าจะเกิน 7 วัน
จากการตรวจสอบภายในรถคันดังกล่าว ยังพบอาวุธปืนลูกโม่ ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน ขนาด .38 ลำกล้อง 2 นิ้ว จำนวน 1 กระบอก ถูกยิงจนหมดโม่ จำนวน 6 นัด ตกอยู่บนเบาะข้างคนขับ นอกจากนี้บนพื้นถนนและทางเท้าใกล้กับจุดเกิดเหตุ ยังพบปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม.และ.22 กระจัดกระจายอยู่เกลื่อนพื้น รวมทั้งสิ้น จำนวน 19 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถาม ร.ต.ท.วรรณศักดิ์ กระจ่างศรี รอง สว.จร.สน.บางพลัด กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. นายธาดา ได้ใช้อาวุธมีดชิงทรัพย์รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฎก 6345 กทม. ของผู้เสียหายชื่อ ร.ต.วิชัย วิไลรัศมี อายุ 63 ปี ข้าราชการบำนาญ มาจากหน้าโรงพยาบาลอนันต์ 2 ท้องที่ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี จากนั้นขับรถหลบหนีขึ้นข้ามสะพานกรุงธนเข้ามายังท้องที่ สน.สามเสน โดยตนและเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.บางพลัด จำนวน 3 นาย ได้ขับขี่รถ จยย.ติดตามมาตลอดทางแต่ตามไม่ทัน จึงแจ้งวิทยุแจ้งเหตุให้ศูนย์รามา บก.น.1 ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยติดตามด้วย จนนำไปสู่การวิสามัญฆาตกรรม
ต่อมาเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน ที่สน.พญาไท พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รองผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รองผบก.น.1 พ.ต.อ.มานัส ศัตรูลี้ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท เจ้าหน้าที่อัยการกรมการปกครอง และแพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลรามาธิบดี ร่วมกันแถลงข้อเท็จจริงทั้งหมดกับสื่อมวลชนอีกครั้ง
โดย พล.ต.ต.วิชัย เปิดเผยว่า เมื่อช่วยสายวานนี้ (14 เม.ย.) คนร้ายที่ก่อเหตุคือนายธาดา อินทมาศ อายุ 37 ปี ได้ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า โคโรลล่า สีเขียว หมายเลขทะเบียน ภท7646 กทม. เข้าไปก่อเหตุใช้อาวุธมีดจี้ชิงรถโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฎก 6345 กทม. ของ ร.ต.วิชัย วิไลรัศมี อายุ 63 ปี ข้าราชการบำนาญ จากบริเวณหน้าโรงพยาบาลอนันต์ 2 ในท้องที่ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี โดยใช้อาวุธมีดไล่แทง ร.ต.วิชัย แต่ผู้เสียหายหลบได้ จากนั้นนายธาดา ก็ได้ขับรถคันดังกล่าวหลบหนีไป โดยหลังเกิดเหตุทางสภ.บางกรวย ได้ประสานมายังตำรวจนครบาลให้ช่วยแจ้งวิทยุทำการสกัดจับทันที
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า ต่อมานายธาดา ได้ขับรถยนต์มาถึงบริเวณแยกขัตติยานี ด.ต.ลิขสิทธิ์ พิลาศรี ผบ.หมู่.จร.สน.ดุสิต ได้ออกจากป้อมควบคุมสัญญาณไฟจราจร เพื่อขวางรถไว้ แต่นายธาดา ได้ลงมาจากรถก่อนจะตรงเข้าไปต่อสู้ และจับล็อก ด.ต.ลิขสิทธิ์ ไว้ก่อนชักอาวุธมีดจ้วงแทงตามลำตัวถึง 20 แผล จากนั้นแย่งอาวุธปืนจาก ด.ต.ลิขสิทธิ์ ยิงใส่ศีรษะ 1 นัด จนเสียชีวิต ก่อนจะรีบขึ้นรถแล้วขับหลบหนีมาตามถนนศรีอยุธยา จนกระทั่งมาถึงแยกศรีอยุธยา นายธาดา ได้ขับรถเสียหลักพุ่งไปชนท้ายรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฌส131 กทม.ที่มี พ.ญ.พิภัทรา สายโลหิต อายุ 28 ปี แพทย์ประจำโรงพยาบาลค่ายสุรนารี เป็นเจ้าของรถ กับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ศฎ1975 กทม.ที่จอดบริเวณแยกดังกล่าวจนได้รับความเสียหาย
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวต่อว่า จากนั้นนายธาดา ได้ลงจากรถโตโยต้า คัมรี่ คันเดิม แล้วเดินตรงไปที่รถโตโยต้า คัมรี่ ของพ.ญ.พิภัทรา ก่อนจะชักอาวุธปืนจี้ชิงรถคันดังกล่าว พร้อมทั้งไล่มารดาของ พ.ญ.พิภัทรา ลงจากรถ จากนั้นจับ พ.ญ.พิภัทรา เป็นตัวประกัน ก่อนจะพยายามขับรถหลบหนี ขณะนั้นเองได้มีนายอำนาจ พวงสูงเนิน อายุ 34 ปี โชเฟอร์แท็กซี่พลเมืองดี ขับรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทว3087 กทม.ของสหกรณ์แท็กซี่ปทุมวัน เข้ามาขวางเอาไว้ นายธาดา จึงชักอาวุธปืนยิงใส่นายอำนาจ กระสุนเข้าที่บริเวณขมับขวาจนเสียชีวิตทันที ก่อนจะพยายามขับรถหลบหนีต่อไป จังหวะนั้น ด.ต.จิโรจน์ บุญทองคำ ผบ.หมู่.จร.สน.พญาไท ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในป้อมควบคุมสัญญาณไฟจราจรที่แยกดังกล่าว ได้พยายามเข้ามาขวางรถไว้ แต่ก็ถูกนายธาดา ขับรถพุ่งชนจนได้รับบาดเจ็บแขนขาหัก
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวต่อว่า เมื่อนายธาดา ขับรถหลบหนีมาถึงบริเวณแยกอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ.ฝ่ายสืบสวนพญาไท และอีกหลายหน่วยได้เข้าไปสกัดจับ บล็อกรถเอาไว้ จังหวะนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. เข้าไปชาร์จ ก่อนจะช่วยเหลืออุ้ม พ.ญ.พิภัทรา ออกมาจากรถได้ แต่ถูกนายธาดา ยิงใส่จนได้รับบาดเจ็บไปด้วย ขณะเดียวกันนายธาดา พยายามยิงต่อสู้กับตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่จึงมีความจำเป็นที่จะต้องวิสามัญนายธาดาดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายธาดา นั้นพบว่าทำงานเป็นช่างซ่อมคอมพิวเตอร์อยู่ที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และเพิ่งขึ้นมาเยี่ยมพี่สาวที่ กทม.เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาจนกระทั่งวานนี้(14 เม.ย.) ได้เอารถยนต์โยโยต้า โคโรลล่า สีเขียว ของพี่สาวไปใช้ก่อเหตุจี้ชิงรถโตโยต้า คัมรี่ ของ ร.ต.วิชัย จนกระทั่งมาถูกวิสามัญดังกล่าว ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติของนายธาดายังไม่พบว่า เคยมีประวัติทำผิดกฎหมายมาก่อน หรือมีประวัติเคยเข้ารับการรักษาอาการทางประสาทมาก่อน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ ร.ต.วิชัย เจ้าของรถโตโยต้าคัมรี่คันแรก แจ้งว่านายธาดามีอาการคล้ายกับคนเมายาเสพติดนั้น หลังจากนี้จะรอผลการชันสูตรศพจากทางแพทย์นิติเวชว่าในร่างกายมีแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดชนิดใดหรือไม่
พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวด้วยว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บทั้ง 2นายนั้น ทาง พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. ได้กำชับว่าให้ช่วยเหลือตามสิทธิในกฎระเบียบข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าอย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายธาดาพบว่า เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรว สภ.เมืองนครศรีธรรมราช จับกุมในข้อหาขับรถขณะมึนเมาสุรา ที่บริเวณสามแยกประตูลอด ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา
จากนั้นเวลา 14.00 น. น.ส.ธันยพัต อินทมาศ พี่สาวของนายธาดา พร้อมกับสามี เดินทางที่มา สน.พญาไท หลังจากทราบข่าวว่า นายธาดา ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญ จนเสียชีวิต เพื่อเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมี พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. ร่วมทำการสอบปากคำ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
น.ส.ธันยพัต เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 เม.ย. น้องชายได้เดินทางจาก จ.นครศรีธรรมราช มาหาตนที่บ้านพักย่าน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยน้องชายได้โทรศัพท์ไปให้พี่สาวที่อยู่ทางใต้ให้โอนเข้าบัญชี จำนวน 3,000 บาท แต่พี่สาวยังไม่โอนมาให้ตนจึงให้เงินน้องชายไปจำนวน 1,000 บาท จนช่วงเช้าวานนี้ (14 เม.ย.) น้องชายได้ขอยืมรถยนต์ของตนไปใช้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน จนกระทั่งมาทราบว่า น้องชายนำรถไปก่อเหตุและถูกวิสามัญจนเสียชีวิต โดยเท่าที่ผ่านมาน้องชายเป็นคนเครียด และพี่สาวที่อยู่ภาคใต้ก็บอกว่าติดยาบ้าด้วย
ด้าน พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยคดีดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจ ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่คนร้ายก่อเหตุดังกล่าว เพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาสังคมต่อไป ส่วนผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเร่งเยียวยาช่วยเหลืออย่างเต็มที่