เกิดเหตุสะเทือนขวัญกลางกรุง เมื่อหนุ่มเมืองคอนคลั่งควงมีดจี้เก๋งคัมรี่จากย่านบางกรวยซิ่งหนีเข้า กทม.ก่อนลงมากระหน่ำแทงตำรวจที่สกัดจับบริเวณแยกขัตติยานีแล้วแย่งปืนยิงหัวตำรวจดับ แถมยิงคนขับแท็กซี่พลเมืองดีที่ขับรถขวางตายอีกศพ ไม่หยุดคลั่งขับรถชนตำรวจแถมยิงคุณหมอสาวที่จับเป็นตัวตัวประกันบาดเจ็บ สุดท้ายไม่รอดถูกวิสามัญฆาตกรรมดับคารถ สอบประวัติไม่พบมีอาการทางจิต แต่ญาติยันเป็นคนเครียดแถมติดยาบ้า
วันนี้ (14 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.45 น. ร.ต.ท.คมกฤษ โพธิ์ศรี พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.พญาไท รับแจ้งเหตุวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายก่อเหตุชิงรถยนต์และยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ที่บริเวณแยกไฟแดงถนนพญาไทฝั่งมุ่งหน้าเข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น.พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.มานัส ศัตรูลี้ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลรามาธิบดี เจ้าหน้าที่อัยการกรมการปกครอง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดอยู่ช่องทางด้านขวาสุดหน้าสถาบันโรคหัวใจ โรงพยาบาลราชวิถี เจ้าหน้าที่พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฌส 131 กทม. จอดอยู่ในสภาพถูกยิงจนพรุนรอบคัน มีรูกระสุนจำนวน 35 รู ยางล้อรถแตกทั้ง 4 เส้น จากการตรวจสอบภายในรถพบศพนายธาดา อินทมาศ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/3 หมู่ 4 ต.นาเหรง ต.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพนั่งอยู่บนเบาะคนขับ ศีรษะพิงเบาะ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีฟ้า ตรวจสอบตามร่างกายมีบาดแผลถูกยิงด้วยเข้าที่ศีรษะด้านหลังและท้ายทอย จำนวน 5 นัด มือข้างขวาทะลุฝ่ามือ 1 นัด และที่นิ้วโป้งมือซ้าย อีก 1 นัด นอกจากนี้ยังพบบริเวณข้อมือทั้งสองข้างมีรอยถูกกรีดและเย็บบาดแผล เบื้องต้นแพทย์นิติเวชสันนิษฐานว่าบาดแผลดังกล่าวไม่น่าจะเกิน 7 วัน
จากการตรวจสอบภายในรถคันดังกล่าวยังพบอาวุธปืนลูกโม่ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน ขนาด .38 ลำกล้อง 2 นิ้ว จำนวน 1 กระบอก ถูกยิงจนหมดโม่ จำนวน 6 นัด ตกอยู่บนเบาะข้างคนขับ นอกจากนี้ บนพื้นถนนและทางเท้าใกล้กับจุดเกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม.และ .22 กระจัดกระจายอยู่เกลื่อนพื้น รวมทั้งสิ้นจำนวน 19 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถาม ร.ต.ท.วรรณศักดิ์ กระจ่างศรี รอง สว.จร.สน.บางพลัด กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. นายธาดาได้ใช้อาวุธมีดชิงทรัพย์รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฎก 6345 กทม. ของผู้เสียหายชื่อ ร.ต.วิชัย วิไลรัศมี อายุ 63 ปี ข้าราชการบำนาญ มาจากหน้าโรงพยาบาลอนันต์ 2 ท้องที่ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี จากนั้นก็ขับรถหลบหนีขึ้นข้ามสะพานกรุงธนเข้ามายังท้องที่ สน.สามเสน โดยตนและเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.บางพลัด จำนวน 3 นายได้ขับขี่จักรยานยนต์ติดตามมาตลอดทางแต่ตามไม่ทัน จึงแจ้งวิทยุแจ้งเหตุให้ศูนย์รามา บก.น.1 ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยติดตามด้วย
ร.ต.ท.วรรณศักดิ์กล่าวต่อว่า ต่อมานายธาดาได้ปะทะกับตำรวจจราจร สน.ดุสิต ที่ประจำอยู่ในป้อมคุมสัญญาณไฟบริเวณแยกขัตติยานี ถนนสุโขทัย เป็นเหตุให้ฝ่ายตำรวจถูกแทงและแย่งปืนไปยิงจนเสียชีวิต จากนั้นคนร้ายก็ขับรถหลบหนีเข้ามายังถนนศรีอยุธยาจนเกิดอุบัติเหตุเหตุเฉี่ยวชนกับรถคู่กรณี อีก 2 คัน อีกทั้งยังใช้ปืนยิงคนขับแท็กซี่พลเมืองดีที่พยายามขับรถขวางการหลบหนีจนเสียชีวิต โดยคนร้ายได้ลงจากรถยนต์คัมรี่คันเก่ามาใช้ปืนจี้ชิงทรัพย์คนขับรถคัมรี่คันนี้ซึ่งเจ้าของเป็นแพทย์หญิง ขับหลบหนีมาอีกจึงถูกตำรวจ บก.สปพ.บช.น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท และอีกหลายหน่วยที่ร่วมกันติดตามทำการวิสามัญฆาตกรรมในที่เกิดเหตุดังกล่าว
ต่อมาเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน ที่ สน.พญาไท พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.มานัส ศัตรูลี้ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท เจ้าหน้าที่อัยการกรมการปกครอง และแพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลรามาธิบดี ร่วมกันแถลงข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง
โดย พล.ต.ต.วิชัยเปิดเผยว่า เมื่อช่วยสายที่ผ่านมาคนร้ายที่ก่อเหตุ คือ นายธาดา อินทมาศ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/3 หมู่ที่ 4 ต.นาเหรง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ได้ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรลล่า สีเขียว หมายเลขทะเบียน ภท 7646 กทม. เข้าไปก่อเหตุใช้อาวุธมีดจี้ชิงรถโตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฎก 6345 กทม.ของ ร.ต.วิชัย วิไลรัศมี อายุ 63 ปี ข้าราชการบำนาญ จากบริเวณหน้าโรงพยาบาลอนันต์ 2 ในท้องที่ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี โดยใช้อาวุธมีดไล่แทง ร.ต.วิชัย แต่ผู้เสียหายหลบได้ จากนั้นนายธาดาได้ขับรถคันดังกล่าวหลบหนีไป โดยหลังเกิดเหตุทาง สภ.บางกรวยได้ประสานมายังตำรวจนครบาลให้ช่วยแจ้งวิทยุทำการสกัดจับทันที
พล.ต.ต.วิชัยกล่าวต่อว่า ต่อมานายธาดาได้ขับรถยนต์มาถึงบริเวณแยกขัตติยานี ระหว่างนั้น ด.ต.ลิขสิทธิ์ พิลาศรี ผบ.หมู่.จร.สน.ดุสิต ได้ออกจากป้อมควบคุมสัญญาณไฟจราจรเพื่อขวางรถไว้ แต่นายธาดาได้ลงมาจากรถแล้วก่อนจะตรงเข้าไปต่อสู้และจับ ด.ต.ลิขสิทธิ์ ล็อกไว้ก่อนชักอาวุธมีดจ้วงแทงตามลำตัวถึง 20 แผล จากนั้นก็แย่งอาวุธปืนจาก ด.ต.ลิขสิทธิ์ ยิงใส่ศีรษะ 1 นัดจนเสียชีวิต ก่อนจะรีบขึ้นรถแล้วขับหลบหนีมาตามถนนศรีอยุธยา จนกระทั่งมาถึงแยกศรีอยุธยา นายธาดาก็ขับรถเสียหลักพุ่งไปชนท้ายรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฌส 131 กทม.ที่มี พญ.พิภัทรา สายโลหิต อายุ 28 ปี แพทย์ประจำโรงพยาบาลค่ายสุรนารี เป็นเจ้าของรถ กับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ศฎ 1975 กทม.ที่จอดบริเวณแยกดังกล่าวจนได้รับความเสียหาย
พล.ต.ต.วิชัยกล่าวต่อว่า จากนั้นนายธาดาได้ลงจากรถโตโยต้า คัมรี่คันเดิม แล้วเดินตรงไปที่รถโตโยต้า คัมรี่ของ พญ.พิภัทรา ก่อนจะชักอาวุธปืนจี้ชิงรถคันดังกล่าว พร้อมทั้งไล่มารดาของ พญ.พิภัทราลงจากรถ จากนั้นก็จับ พญ.พิภัทราเป็นตัวประกัน ก่อนจะพยายามขับรถหลบหนี ขณะนั้นเอง นายอำนาจ พวงสูงเนิน อายุ 34 ปี โชเฟอร์แท็กซี่พลเมืองดี ขับรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทว 3087 กทม.ของสหกรณ์แท็กซี่ปทุมวัน เข้ามาขวางเอาไว้ นายธาดาจึงชักอาวุธปืนยิงใส่นายอำนาจ กระสุนเข้าที่บริเวณขมับขวาจนเสียชีวิตทันที ก่อนจะพยายามขับรถหลบหนีต่อไป จังหวะนั้น ด.ต.จิโรจน์ บุญทองคำ ผบ.หมู่.จร.สน.พญาไท ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในป้อมควบคุมสัญญาณไฟจราจรที่แยกดังกล่าวก็พยายามเข้ามาขวางรถไว้ แต่ก็ถูกนายธาดาขับรถพุ่งชนจนได้รับบาดเจ็บแขนขาหัก
พล.ต.ต.วิชัยกล่าวต่อว่า เมื่อนายธาดาขับรถหลบหนีมาถึงบริเวณแยกอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ.ฝ่ายสืบสวนพญาไท และอีกหลายหน่วยก็ได้เข้าไปสกัดจับ บล็อกรถเอาไว้ จังหวะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ.เข้าไปชาร์จ ก่อนจะช่วยเหลืออุ้ม พญ.พิภัทราออกมาจากรถได้ แต่ก็ถูกนายธาดายิงใส่จนได้รับบาดเจ็บไปด้วย ขณะเดียวกัน นายธาดาก็พยายามยิงต่อสู้กับตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่จึงมีความจำเป็นที่จะต้องวิสามัญฆาตกรรมนายธาดาดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.อิทธิพลกล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายธาดา พบว่า ทำงานเป็นช่างซ่อมคอมพิวเตอร์อยู่ที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และเพิ่งขึ้นมาเยี่ยมพี่สาวที่ กทม.เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาจนกระทั่งวันนี้ก็เอารถยนต์โยโยต้า โคโรลล่า สีเขียว ของพี่สาวไปใช้ก่อเหตุจี้ชิงรถโตโยต้า คัมรี่ ของ ร.ต.วิชัย จนกระทั่งมาถูกวิสามัญดังกล่าว ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติของนายธาดานั้นยังไม่พบว่าเคยมีประวัติทำผิดกฎหมายมาก่อน หรือมีประวัติเคยเข้ารับการรักษาอาการทางประสาทมาก่อน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
พล.ต.ต.อิทธิพลกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ ร.ต.วิชัย เจ้าของรถโตโยต้าคัมรี่คันแรก แจ้งว่านายธาดามีอาการคล้ายกับคนเมายาเสพติดนั้น หลังจากนี้จะรอผลการชันสูตรศพจากทางแพทย์นิติเวชว่าในร่างกายมีแอลกอฮอล์ หรือสารเสพติดชนิดใดหรือไม่ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบสภาพศพของนายธาดาเบื้องต้นพบว่าที่ข้อมือทั้งสองข้างมีรอยมีเย็บเนื่องจากถูกกรีดจำนวนหลายแผล โดยแพทย์ระบุว่าบาดแผลดังกล่าวไม่น่าจะเกิน 7 วัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำญาติของนายธาดา เพื่อหาที่มาที่ไปของบาดแผลดังกล่าวต่อไป
พล.ต.ต.อิทธิพลกล่าวด้วยว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บทั้งสองนายนั้น พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.ก็ได้กำชับว่าให้ช่วยเหลือตามสิทธิในกฎระเบียบข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบที่เกิดเหตุในวันนี้มีพนักงานสอบสวน แพทย์นิติเวช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน อัยการและเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง เข้ามาร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุตามขั้นตอนของกฎหมายกฎหมายด้วย เพื่อทำให้เกิดความกระจ่างและให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายธาดาพบว่า เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรว สภ.เมืองนครศรีธรรมราช จับกุมในข้อหาขับรถขณะมึนเมาสุรา ที่บริเวณสามแยกประตูลอด ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา
หลังจากนั้นเวลา 14.00 น. น.ส.ธันยพัต อินทมาศ พี่สาวของนายธาดา พร้อมกับสามี เดินทางที่มา สน.พญาไท หลังจากทราบข่าวว่านายธาดาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมจนเสียชีวิต เพื่อเข้าให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมี พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร.ร่วมทำการสอบปากคำ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
น.ส.ธันยพัตเปิดเผยว่า วานนี้ (13 เม.ย.) น้องชายได้เดินทางจาก จ.นครศรีธรรมราช มาหาตนที่บ้านพักย่าน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยน้องชายได้โทรศัพท์ไปหาพี่สาวที่อยู่ทางใต้ให้โอนเงินเข้าบัญชีจำนวน 3,000 บาท แต่พี่สาวยังไม่โอนมาให้ ตนจึงให้เงินน้องชายไปจำนวน 1,000 บาท จนช่วงเช้าที่ผ่านมาน้องชายได้ขอยืมรถยนต์ของตนไปใช้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน กระทั่งมาทราบว่าน้องชายนำรถไปก่อเหตุและถูกวิสามัญฯ จนเสียชีวิต โดยเท่าที่ผ่านมาน้องชายเป็นคนเครียด และพี่สาวที่อยู่ภาคใต้ก็บอกว่าติดยาบ้าด้วย
ด้าน พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยคดีดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจ ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่คนร้ายก่อเหตุดังกล่าวเพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาสังคมต่อไป ส่วนผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเร่งเยียวยาช่วยเหลืออย่างเต็มที่ต่อไป
ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. นำกระเช้าดอกไม้เข้าเยี่ยม ด.ต.จิโรจน์ บุญทองคำ ผบ.หมู่งาน จร.สน.พญาไท ที่ห้องผ่าตัดกระดูก ชั้น 2 อาคารกาญจนาภิเษก โรงพยาบาลตำรวจ โดยเบื้องต้นพบว่าแพทย์ได้ทำการเข้าเข้าเฝือกอ่อนที่ลำคอ และผ่าตัดข้อเท้า จากนั้น พล.ต.อ.วิเชียรได้กล่าวให้กำลังใจ และชื่นชมถึงความกล้าหาญของ ด.ต.จิโรจน์ ที่เข้ามาระงับเหตุจนถูกชนได้รับบาดเจ็บ
พล.ต.อ.วิเชียรเปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าคนร้ายเป็นชาว จ.นครศรีธรรมราช และเดินทางมาเยี่ยมพี่สาวแถวบางใหญ่ มีพฤติกรรมเสพยาบ้ามาไม่ต่ำกว่า 1 ปี และพอดื่มสุราเข้าไปเลยเกิดอาการคลุ้มคลั่งจนก่อเหตุดังกล่าว ส่วน ด.ต.จิโรจน์ นั้นได้รับบาดเจ็บกระดูกคอแตกบางส่วน และได้รับการผ่าตัดข้อเท้าด้วยเนื่องจากถูกคนร้ายขับรถพุ่งชน ขณะนี้ก็รู้สึกตัวดี อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ต้องขอกล่าวชื่นชมความกล้าหาญของ ด.ต.จิโรจน์ ที่พยายามเข้าไปสกัดกั้นรถของคนร้าย ซึ่งทางตำรวจจะทำการช่วยเหลือเรื่องสวัสดิการอย่างเต็มที่ โดยในเบื้องต้นจะทำการช่วยเหลือเรื่องเงินแก่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 115,000 บาท จากมูลนิธิบุญยะจินดา ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิตจะได้รับเงิน 150,000-200,000 บาท พร้อมปูนบำเหน็จ 5 ขั้น 7 ชั้นยศ และจะมีพิธีรดน้ำศพในวันพรุ่งนี้ (15 เม.ย.)
ด้าน พ.ต.ท.นพ.ขวัญชัย พิทักษ์อโนทัย แพทย์เจ้าของไข้ กล่าวว่า ด.ต.จิโรจน์ ได้รับบาดเจ็บบริเวณกระดูกคอชิ้นที่ 6 แตก ทางแพทย์ต้องเข้าเฝือกไว้เพื่อรอการผ่าตัด นอกจากนี้ยังมีกระดูกบริเวณข้อเท้าซ้ายนั้นมีกระดูกแตกด้วย โดยเบื้องต้นได้ทำการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว ส่วนอวัยวะภายในไม่ว่าจะเป็นปอด กระดูกเชิงกราน ได้ทำการเอกซเรย์เรียบร้อยแล้วพบว่าทุกอย่างปลอดภัยดี หลังจากนี้จะรอดูอาการหลังการผ่าตัด ซึ่งคาดว่าผู้ป่วยจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนเดิม แต่ระยะเวลานั้นยังไม่สามารถระบุได้
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ชาตชาย รื่นเอม รอง ผบก.ปส.3 บช.ปส. เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อให้ปากคำต่อเหตุการณ์นี้ว่า ก่อนเกิดเหตุได้มาทำธุระอยู่ด้านหน้าสำนักงานเขตดุสิต หลังจากนั้นก็มีวัยรุ่น 2 คนขับขี่จักรยานยนต์มาบอกว่ามีตำรวจถูกยิงบริเวณแยกขัตติยานี ถนนสุโขทัย รถจึงรีบขับรถส่วนตัวยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีบรอนซ์เงิน มุ่งหน้าไปดูหวังจะช่วยเหลือคนเจ็บ ระหว่างที่รถกำลังจอดติดอยู่ตรงแยกขัตติยานีนั้นมีโชเฟอร์รถเมล์ตะโกนลงมาบอกตนว่าคนร้ายผู้ก่อเหตุใช้ยานพาหนะรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฎก 6345 กทม. ซึ่งจอดติดไฟแดงใกล้ๆ กับรถตนและคนร้ายยังมีปืนด้วย
พ.ต.อ.ชาตชายกล่าวต่อว่า เมื่อได้ยินดังนั้นตนจึงเปลี่ยนใจขับรถตามคนร้ายไปตามถนนสุโขทัย มุ่งหน้าผ่านถนนพระรามที่ 5 ไปถึงแยกสวรรคโลกแล้วเลี้ยวขวาขับข้ามทางรถไฟเบี่ยงซ้ายเข้าถนนด้านหลังโรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อคนร้ายรู้ตัวว่ากำลังถูกสะกดรอยตามจึงจอดรถใช้ปืนยิงใส่รถตน 3 นัด กระสุนพุ่งเข้าที่กระจกหน้าและตัวถังหน้ารถซีกขวาฝั่งคนขับทำให้ตนต้องหมอบหลบกระสุนโดยที่ไม่ได้ยิงต่อสู้ เพราะเก็บอาวุธปืนเอาไว้ที่กระโปรงหลังรถ จากนั้นคนร้ายก็เร่งเครื่องหลบหนีไปทางถนนศรีอยุธยา จนกระทั่งมาทราบอีกทีว่าถูกวิสามัญฯ แล้วจึงเลยรีบเดินทางเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน
วันนี้ (14 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.45 น. ร.ต.ท.คมกฤษ โพธิ์ศรี พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.พญาไท รับแจ้งเหตุวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายก่อเหตุชิงรถยนต์และยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ที่บริเวณแยกไฟแดงถนนพญาไทฝั่งมุ่งหน้าเข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น.พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.มานัส ศัตรูลี้ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลรามาธิบดี เจ้าหน้าที่อัยการกรมการปกครอง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดอยู่ช่องทางด้านขวาสุดหน้าสถาบันโรคหัวใจ โรงพยาบาลราชวิถี เจ้าหน้าที่พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฌส 131 กทม. จอดอยู่ในสภาพถูกยิงจนพรุนรอบคัน มีรูกระสุนจำนวน 35 รู ยางล้อรถแตกทั้ง 4 เส้น จากการตรวจสอบภายในรถพบศพนายธาดา อินทมาศ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/3 หมู่ 4 ต.นาเหรง ต.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพนั่งอยู่บนเบาะคนขับ ศีรษะพิงเบาะ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีฟ้า ตรวจสอบตามร่างกายมีบาดแผลถูกยิงด้วยเข้าที่ศีรษะด้านหลังและท้ายทอย จำนวน 5 นัด มือข้างขวาทะลุฝ่ามือ 1 นัด และที่นิ้วโป้งมือซ้าย อีก 1 นัด นอกจากนี้ยังพบบริเวณข้อมือทั้งสองข้างมีรอยถูกกรีดและเย็บบาดแผล เบื้องต้นแพทย์นิติเวชสันนิษฐานว่าบาดแผลดังกล่าวไม่น่าจะเกิน 7 วัน
จากการตรวจสอบภายในรถคันดังกล่าวยังพบอาวุธปืนลูกโม่ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน ขนาด .38 ลำกล้อง 2 นิ้ว จำนวน 1 กระบอก ถูกยิงจนหมดโม่ จำนวน 6 นัด ตกอยู่บนเบาะข้างคนขับ นอกจากนี้ บนพื้นถนนและทางเท้าใกล้กับจุดเกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม.และ .22 กระจัดกระจายอยู่เกลื่อนพื้น รวมทั้งสิ้นจำนวน 19 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถาม ร.ต.ท.วรรณศักดิ์ กระจ่างศรี รอง สว.จร.สน.บางพลัด กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. นายธาดาได้ใช้อาวุธมีดชิงทรัพย์รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฎก 6345 กทม. ของผู้เสียหายชื่อ ร.ต.วิชัย วิไลรัศมี อายุ 63 ปี ข้าราชการบำนาญ มาจากหน้าโรงพยาบาลอนันต์ 2 ท้องที่ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี จากนั้นก็ขับรถหลบหนีขึ้นข้ามสะพานกรุงธนเข้ามายังท้องที่ สน.สามเสน โดยตนและเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.บางพลัด จำนวน 3 นายได้ขับขี่จักรยานยนต์ติดตามมาตลอดทางแต่ตามไม่ทัน จึงแจ้งวิทยุแจ้งเหตุให้ศูนย์รามา บก.น.1 ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยติดตามด้วย
ร.ต.ท.วรรณศักดิ์กล่าวต่อว่า ต่อมานายธาดาได้ปะทะกับตำรวจจราจร สน.ดุสิต ที่ประจำอยู่ในป้อมคุมสัญญาณไฟบริเวณแยกขัตติยานี ถนนสุโขทัย เป็นเหตุให้ฝ่ายตำรวจถูกแทงและแย่งปืนไปยิงจนเสียชีวิต จากนั้นคนร้ายก็ขับรถหลบหนีเข้ามายังถนนศรีอยุธยาจนเกิดอุบัติเหตุเหตุเฉี่ยวชนกับรถคู่กรณี อีก 2 คัน อีกทั้งยังใช้ปืนยิงคนขับแท็กซี่พลเมืองดีที่พยายามขับรถขวางการหลบหนีจนเสียชีวิต โดยคนร้ายได้ลงจากรถยนต์คัมรี่คันเก่ามาใช้ปืนจี้ชิงทรัพย์คนขับรถคัมรี่คันนี้ซึ่งเจ้าของเป็นแพทย์หญิง ขับหลบหนีมาอีกจึงถูกตำรวจ บก.สปพ.บช.น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท และอีกหลายหน่วยที่ร่วมกันติดตามทำการวิสามัญฆาตกรรมในที่เกิดเหตุดังกล่าว
ต่อมาเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน ที่ สน.พญาไท พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.มานัส ศัตรูลี้ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท เจ้าหน้าที่อัยการกรมการปกครอง และแพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลรามาธิบดี ร่วมกันแถลงข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง
โดย พล.ต.ต.วิชัยเปิดเผยว่า เมื่อช่วยสายที่ผ่านมาคนร้ายที่ก่อเหตุ คือ นายธาดา อินทมาศ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/3 หมู่ที่ 4 ต.นาเหรง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ได้ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรลล่า สีเขียว หมายเลขทะเบียน ภท 7646 กทม. เข้าไปก่อเหตุใช้อาวุธมีดจี้ชิงรถโตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฎก 6345 กทม.ของ ร.ต.วิชัย วิไลรัศมี อายุ 63 ปี ข้าราชการบำนาญ จากบริเวณหน้าโรงพยาบาลอนันต์ 2 ในท้องที่ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี โดยใช้อาวุธมีดไล่แทง ร.ต.วิชัย แต่ผู้เสียหายหลบได้ จากนั้นนายธาดาได้ขับรถคันดังกล่าวหลบหนีไป โดยหลังเกิดเหตุทาง สภ.บางกรวยได้ประสานมายังตำรวจนครบาลให้ช่วยแจ้งวิทยุทำการสกัดจับทันที
พล.ต.ต.วิชัยกล่าวต่อว่า ต่อมานายธาดาได้ขับรถยนต์มาถึงบริเวณแยกขัตติยานี ระหว่างนั้น ด.ต.ลิขสิทธิ์ พิลาศรี ผบ.หมู่.จร.สน.ดุสิต ได้ออกจากป้อมควบคุมสัญญาณไฟจราจรเพื่อขวางรถไว้ แต่นายธาดาได้ลงมาจากรถแล้วก่อนจะตรงเข้าไปต่อสู้และจับ ด.ต.ลิขสิทธิ์ ล็อกไว้ก่อนชักอาวุธมีดจ้วงแทงตามลำตัวถึง 20 แผล จากนั้นก็แย่งอาวุธปืนจาก ด.ต.ลิขสิทธิ์ ยิงใส่ศีรษะ 1 นัดจนเสียชีวิต ก่อนจะรีบขึ้นรถแล้วขับหลบหนีมาตามถนนศรีอยุธยา จนกระทั่งมาถึงแยกศรีอยุธยา นายธาดาก็ขับรถเสียหลักพุ่งไปชนท้ายรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฌส 131 กทม.ที่มี พญ.พิภัทรา สายโลหิต อายุ 28 ปี แพทย์ประจำโรงพยาบาลค่ายสุรนารี เป็นเจ้าของรถ กับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ศฎ 1975 กทม.ที่จอดบริเวณแยกดังกล่าวจนได้รับความเสียหาย
พล.ต.ต.วิชัยกล่าวต่อว่า จากนั้นนายธาดาได้ลงจากรถโตโยต้า คัมรี่คันเดิม แล้วเดินตรงไปที่รถโตโยต้า คัมรี่ของ พญ.พิภัทรา ก่อนจะชักอาวุธปืนจี้ชิงรถคันดังกล่าว พร้อมทั้งไล่มารดาของ พญ.พิภัทราลงจากรถ จากนั้นก็จับ พญ.พิภัทราเป็นตัวประกัน ก่อนจะพยายามขับรถหลบหนี ขณะนั้นเอง นายอำนาจ พวงสูงเนิน อายุ 34 ปี โชเฟอร์แท็กซี่พลเมืองดี ขับรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทว 3087 กทม.ของสหกรณ์แท็กซี่ปทุมวัน เข้ามาขวางเอาไว้ นายธาดาจึงชักอาวุธปืนยิงใส่นายอำนาจ กระสุนเข้าที่บริเวณขมับขวาจนเสียชีวิตทันที ก่อนจะพยายามขับรถหลบหนีต่อไป จังหวะนั้น ด.ต.จิโรจน์ บุญทองคำ ผบ.หมู่.จร.สน.พญาไท ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในป้อมควบคุมสัญญาณไฟจราจรที่แยกดังกล่าวก็พยายามเข้ามาขวางรถไว้ แต่ก็ถูกนายธาดาขับรถพุ่งชนจนได้รับบาดเจ็บแขนขาหัก
พล.ต.ต.วิชัยกล่าวต่อว่า เมื่อนายธาดาขับรถหลบหนีมาถึงบริเวณแยกอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ.ฝ่ายสืบสวนพญาไท และอีกหลายหน่วยก็ได้เข้าไปสกัดจับ บล็อกรถเอาไว้ จังหวะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ.เข้าไปชาร์จ ก่อนจะช่วยเหลืออุ้ม พญ.พิภัทราออกมาจากรถได้ แต่ก็ถูกนายธาดายิงใส่จนได้รับบาดเจ็บไปด้วย ขณะเดียวกัน นายธาดาก็พยายามยิงต่อสู้กับตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่จึงมีความจำเป็นที่จะต้องวิสามัญฆาตกรรมนายธาดาดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.อิทธิพลกล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายธาดา พบว่า ทำงานเป็นช่างซ่อมคอมพิวเตอร์อยู่ที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และเพิ่งขึ้นมาเยี่ยมพี่สาวที่ กทม.เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาจนกระทั่งวันนี้ก็เอารถยนต์โยโยต้า โคโรลล่า สีเขียว ของพี่สาวไปใช้ก่อเหตุจี้ชิงรถโตโยต้า คัมรี่ ของ ร.ต.วิชัย จนกระทั่งมาถูกวิสามัญดังกล่าว ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติของนายธาดานั้นยังไม่พบว่าเคยมีประวัติทำผิดกฎหมายมาก่อน หรือมีประวัติเคยเข้ารับการรักษาอาการทางประสาทมาก่อน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
พล.ต.ต.อิทธิพลกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ ร.ต.วิชัย เจ้าของรถโตโยต้าคัมรี่คันแรก แจ้งว่านายธาดามีอาการคล้ายกับคนเมายาเสพติดนั้น หลังจากนี้จะรอผลการชันสูตรศพจากทางแพทย์นิติเวชว่าในร่างกายมีแอลกอฮอล์ หรือสารเสพติดชนิดใดหรือไม่ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบสภาพศพของนายธาดาเบื้องต้นพบว่าที่ข้อมือทั้งสองข้างมีรอยมีเย็บเนื่องจากถูกกรีดจำนวนหลายแผล โดยแพทย์ระบุว่าบาดแผลดังกล่าวไม่น่าจะเกิน 7 วัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำญาติของนายธาดา เพื่อหาที่มาที่ไปของบาดแผลดังกล่าวต่อไป
พล.ต.ต.อิทธิพลกล่าวด้วยว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บทั้งสองนายนั้น พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.ก็ได้กำชับว่าให้ช่วยเหลือตามสิทธิในกฎระเบียบข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบที่เกิดเหตุในวันนี้มีพนักงานสอบสวน แพทย์นิติเวช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน อัยการและเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง เข้ามาร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุตามขั้นตอนของกฎหมายกฎหมายด้วย เพื่อทำให้เกิดความกระจ่างและให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายธาดาพบว่า เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรว สภ.เมืองนครศรีธรรมราช จับกุมในข้อหาขับรถขณะมึนเมาสุรา ที่บริเวณสามแยกประตูลอด ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา
หลังจากนั้นเวลา 14.00 น. น.ส.ธันยพัต อินทมาศ พี่สาวของนายธาดา พร้อมกับสามี เดินทางที่มา สน.พญาไท หลังจากทราบข่าวว่านายธาดาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมจนเสียชีวิต เพื่อเข้าให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมี พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร.ร่วมทำการสอบปากคำ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
น.ส.ธันยพัตเปิดเผยว่า วานนี้ (13 เม.ย.) น้องชายได้เดินทางจาก จ.นครศรีธรรมราช มาหาตนที่บ้านพักย่าน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยน้องชายได้โทรศัพท์ไปหาพี่สาวที่อยู่ทางใต้ให้โอนเงินเข้าบัญชีจำนวน 3,000 บาท แต่พี่สาวยังไม่โอนมาให้ ตนจึงให้เงินน้องชายไปจำนวน 1,000 บาท จนช่วงเช้าที่ผ่านมาน้องชายได้ขอยืมรถยนต์ของตนไปใช้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน กระทั่งมาทราบว่าน้องชายนำรถไปก่อเหตุและถูกวิสามัญฯ จนเสียชีวิต โดยเท่าที่ผ่านมาน้องชายเป็นคนเครียด และพี่สาวที่อยู่ภาคใต้ก็บอกว่าติดยาบ้าด้วย
ด้าน พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยคดีดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจ ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่คนร้ายก่อเหตุดังกล่าวเพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาสังคมต่อไป ส่วนผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเร่งเยียวยาช่วยเหลืออย่างเต็มที่ต่อไป
ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. นำกระเช้าดอกไม้เข้าเยี่ยม ด.ต.จิโรจน์ บุญทองคำ ผบ.หมู่งาน จร.สน.พญาไท ที่ห้องผ่าตัดกระดูก ชั้น 2 อาคารกาญจนาภิเษก โรงพยาบาลตำรวจ โดยเบื้องต้นพบว่าแพทย์ได้ทำการเข้าเข้าเฝือกอ่อนที่ลำคอ และผ่าตัดข้อเท้า จากนั้น พล.ต.อ.วิเชียรได้กล่าวให้กำลังใจ และชื่นชมถึงความกล้าหาญของ ด.ต.จิโรจน์ ที่เข้ามาระงับเหตุจนถูกชนได้รับบาดเจ็บ
พล.ต.อ.วิเชียรเปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าคนร้ายเป็นชาว จ.นครศรีธรรมราช และเดินทางมาเยี่ยมพี่สาวแถวบางใหญ่ มีพฤติกรรมเสพยาบ้ามาไม่ต่ำกว่า 1 ปี และพอดื่มสุราเข้าไปเลยเกิดอาการคลุ้มคลั่งจนก่อเหตุดังกล่าว ส่วน ด.ต.จิโรจน์ นั้นได้รับบาดเจ็บกระดูกคอแตกบางส่วน และได้รับการผ่าตัดข้อเท้าด้วยเนื่องจากถูกคนร้ายขับรถพุ่งชน ขณะนี้ก็รู้สึกตัวดี อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ต้องขอกล่าวชื่นชมความกล้าหาญของ ด.ต.จิโรจน์ ที่พยายามเข้าไปสกัดกั้นรถของคนร้าย ซึ่งทางตำรวจจะทำการช่วยเหลือเรื่องสวัสดิการอย่างเต็มที่ โดยในเบื้องต้นจะทำการช่วยเหลือเรื่องเงินแก่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 115,000 บาท จากมูลนิธิบุญยะจินดา ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิตจะได้รับเงิน 150,000-200,000 บาท พร้อมปูนบำเหน็จ 5 ขั้น 7 ชั้นยศ และจะมีพิธีรดน้ำศพในวันพรุ่งนี้ (15 เม.ย.)
ด้าน พ.ต.ท.นพ.ขวัญชัย พิทักษ์อโนทัย แพทย์เจ้าของไข้ กล่าวว่า ด.ต.จิโรจน์ ได้รับบาดเจ็บบริเวณกระดูกคอชิ้นที่ 6 แตก ทางแพทย์ต้องเข้าเฝือกไว้เพื่อรอการผ่าตัด นอกจากนี้ยังมีกระดูกบริเวณข้อเท้าซ้ายนั้นมีกระดูกแตกด้วย โดยเบื้องต้นได้ทำการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว ส่วนอวัยวะภายในไม่ว่าจะเป็นปอด กระดูกเชิงกราน ได้ทำการเอกซเรย์เรียบร้อยแล้วพบว่าทุกอย่างปลอดภัยดี หลังจากนี้จะรอดูอาการหลังการผ่าตัด ซึ่งคาดว่าผู้ป่วยจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนเดิม แต่ระยะเวลานั้นยังไม่สามารถระบุได้
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ชาตชาย รื่นเอม รอง ผบก.ปส.3 บช.ปส. เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อให้ปากคำต่อเหตุการณ์นี้ว่า ก่อนเกิดเหตุได้มาทำธุระอยู่ด้านหน้าสำนักงานเขตดุสิต หลังจากนั้นก็มีวัยรุ่น 2 คนขับขี่จักรยานยนต์มาบอกว่ามีตำรวจถูกยิงบริเวณแยกขัตติยานี ถนนสุโขทัย รถจึงรีบขับรถส่วนตัวยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีบรอนซ์เงิน มุ่งหน้าไปดูหวังจะช่วยเหลือคนเจ็บ ระหว่างที่รถกำลังจอดติดอยู่ตรงแยกขัตติยานีนั้นมีโชเฟอร์รถเมล์ตะโกนลงมาบอกตนว่าคนร้ายผู้ก่อเหตุใช้ยานพาหนะรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฎก 6345 กทม. ซึ่งจอดติดไฟแดงใกล้ๆ กับรถตนและคนร้ายยังมีปืนด้วย
พ.ต.อ.ชาตชายกล่าวต่อว่า เมื่อได้ยินดังนั้นตนจึงเปลี่ยนใจขับรถตามคนร้ายไปตามถนนสุโขทัย มุ่งหน้าผ่านถนนพระรามที่ 5 ไปถึงแยกสวรรคโลกแล้วเลี้ยวขวาขับข้ามทางรถไฟเบี่ยงซ้ายเข้าถนนด้านหลังโรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อคนร้ายรู้ตัวว่ากำลังถูกสะกดรอยตามจึงจอดรถใช้ปืนยิงใส่รถตน 3 นัด กระสุนพุ่งเข้าที่กระจกหน้าและตัวถังหน้ารถซีกขวาฝั่งคนขับทำให้ตนต้องหมอบหลบกระสุนโดยที่ไม่ได้ยิงต่อสู้ เพราะเก็บอาวุธปืนเอาไว้ที่กระโปรงหลังรถ จากนั้นคนร้ายก็เร่งเครื่องหลบหนีไปทางถนนศรีอยุธยา จนกระทั่งมาทราบอีกทีว่าถูกวิสามัญฯ แล้วจึงเลยรีบเดินทางเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน