xs
xsm
sm
md
lg

วิสามัญฯ “ไอ้คลั่ง” ฆ่า 2 ศพ กลางเส้นใยชีวิต “พญ.” ตัวประกัน!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายธาดา ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฯดับคารถ
เทศกาลแห่งความสุขของชาวไทย เพิ่งผ่านวันสำคัญไปได้เพียงวันเดียวคือวันที่ 13 เม.ย. อันเป็นวันมหาสงกรานต์ ทั่วทุกภูมิภาคของไทยกำลังสนุกสนานติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 วัน ทว่า ในเช้าวันที่ 14 เม.ย. เสียงวิทยุสื่อสารตำรวจจาก สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี ดังประสานเข้ามายังศูนย์วิทยุรามา ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล

“ให้สกัดจับคนร้าย เป็นชาย มีอาวุธมีด จี้ชิงรถเก๋งโตโยต้าคัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฎก 6345 กทม. ไปจากหน้าโรงพยาบาลอนันต์ 2 ท้องที่ สภ.บางกรวย มุ่งหน้าไปทางสะพานกรุงธนฯ ย้ำคนร้ายมีอาวุธมีด เปลี่ยน!...”

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที กลับปรากฏว่าคนร้ายรายนี้ได้สังหารเหยื่อผู้บริสุทธิ์ไปถึง 2 คน โดยหลังจากที่คนร้ายได้ใช้อาวุธมีดไล่แทง ร.ต.วิชัย วิไลรัศมี อายุ 63 ปี ข้าราชการบำนาญ เจ้าของรถคัมรี่คันดังกล่าวที่หน้าโรงพยาบาลอนันต์ 2 แล้วชิงรถขับหลบหนีมุ่งหน้าขึ้นสะพานกรุงธนฯ (ซังฮี้) พุ่งตรงไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ!

ระหว่างนั้น ร.ต.ท.วรรณศักดิ์ กระจ่างศรี รอง สว.จร.สน.บางพลัด ทราบเหตุก่อน ได้พยายามขับขี่รถจักรยานยนต์ติดตามรถที่คนร้ายชิงมา เนื่องจากรถคนร้ายได้ขับผ่านท้องที่ สน.บางพลัด แต่ทว่าไม่สามารถติดตามได้ทัน ร.ต.ท.วรรณศักดิ์จึงได้รีบวิทยุแจ้งศูนย์รามา บก.น.1 ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยติดตามอีกทาง

ที่ป้อมควบคุมสัญญาณไฟจราจรบริเวณสี่แยกขัตติยานี ด.ต.ลิขสิทธิ์ พิลาศรี ผบ.หมู่ จร.สน.ดุสิต นั่งหลบไอแดดที่ร้อนระอุอยู่ภายในป้อม คนร้ายไม่พูดพล่ามทำเพลง จอดและเดินลงจากรถย่างสามขุมเข้าไปหา ด.ต.ลิขสิทธิ์ ในป้อมแล้วลงมือทำร้ายทันที โดยที่นายดาบตำรวจไม่ทันตั้งตัว จากนั้นคนร้ายจับตัว ด.ต.ลิขสิทธิ์ล็อกไว้ แล้วสำรากความเป็นฆาตกรออกมาผ่านอาวุธมีดที่พกติดตัวมา จ้วงแทงใส่ร่าง ด.ต.ลิขสิทธิ์ ไม่ยั้งกว่า 20 แผล จนร่างของนายดาบตำรวจทรุดฮวบลงกับพื้น ทว่ายังไม่หนำใจ คนร้ายแย่งเอาอาวุธปืนประจำกายของนายดาบตำรวจแล้วจ่อเข้าที่ศีรษะลั่นไกปลิดดวงวิญญาณนายดาบออกจากร่างทันทีที่สิ้นเสียงปืน

เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนร้ายเดินกลับมาที่รถคัมรี่แล้วขับมุ่งหน้าไปทางแยกสุคันธาราม จากนั้นหักพวงมาลัยออกขวา ปีนเกาะกลางถนนเล็กๆ พุ่งสวนเลนไปทางแยกศรีอยุธยา แล้วเกิดเฉี่ยวชนกับรถแท็กซี่โตโยต้า อัลติส สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทว 3087 บริเวณหน้ากรมทางหลวง ติดกับกองบังคับการตำรวจทางหลวง โดยรถแท็กซี่ไปจอดสงบนิ่งห่างจากรถที่คนร้ายชิงมาราว 5-10 เมตร จากนั้นคนร้ายเดินลงมาจากรถ ตรงไปที่รถแท็กซี่พร้อมอาวุธปืนในมือแล้วจ่อยิงเข้าขมับ เสียชีวิตคาเบาะนั่งคนขับทันที ตำรวจมาทราบภายหลังว่า โชเฟอร์แท็กซี่เคราะห์ร้ายชื่อนายอำนาจ พวงสูงเนิน อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 หมู่ 9 ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.หนองคาย โดยตำรวจเชื่อว่านายอำนาจได้ฟังข่าวเหตุด่วนเหตุร้ายจากวิทยุภายในรถแล้วพยายามใช้รถชนเข้าขัดขวาง จนในที่สุดต้องมาสังเวยชีวิตให้กับคนร้ายรายนี้เป็นศพที่ 2

ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าว จับความเคลื่อนไหวของคนร้ายรายนี้ไว้ได้ทั้งหมด ซึ่งหลังจากลั่นไกสังหารโชเฟอร์แท็กซี่แล้ว คนร้ายยังคงเดินไปมาบริเวณหน้ากรมทางหลวงคล้ายคนที่กำลังสับสน หรือครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่อย่างหนัก และขณะนั้นเองตำรวจก็เริ่มทยอยมาถึงบ้างแล้ว 3-4 นาย แต่ส่วนใหญ่เป็นตำรวจจราจรที่ได้แต่ยืนดูคนร้ายที่เดินถือปืนไปมาอยู่กลางถนน

ทันใดนั้นเอง! คนร้ายเดินตรงไปที่รถยนต์คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฌส 131 ที่จอดติดสัญญาณไฟจราจรอยู่ที่แยกศรีอยุธยา แล้วใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ผู้ที่นั่งอยู่เบาะหลังรถคัมรี่คันนั้นลงจากรถ ในขณะที่คนขับรถซึ่งทราบต่อมา คือ พญ.พิภัทรา สายโลหิต แพทย์ประจำโรงพยาบาลสุรนารี จ.นครราชสีมา คนร้ายบังคับให้ไปนั่งที่เบาะหน้าซ้าย จับเป็นตัวประกัน แล้วขับรถออกไปจากจุดนั้นทันที!

รถยนต์คัมรี่ที่คนร้ายชิงมาโดยมีตัวประกันเป็นคุณหมออยู่ภายในรถ เคลื่อนผ่าน สน.พญาไท ที่ตั้งตระหง่านอยู่ทางขวามือไปอย่างรวดเร็ว แล้วไปเลี้ยวขวาที่สี่แยกพญาไท แล้วกลับรถอีกครั้งมุ่งหน้าสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

เมื่อคนร้ายวกรถกลับมา ด.ต.ปพนพัชญ์ บุญทองคำ ผบ.หมู่ จร.สน.พญาไท ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดดักขวางทางไว้ ขณะที่ตัวเองไปยืนขวางอีกช่องจราจร และเมื่อคนร้ายเห็นได้หักรถพุ่งเข้าชน ด.ต.ปพนพัชญ์ ที่พยายามกระโดดหลบเช่นกัน แต่ก็ไม่พ้น จนกระเด็นขึ้นไปบนกระโปรงรถเก๋งคัมรี่ แล้วตกลงมานอนแน่นิ่ง โชคยังเข้าข้าง ด.ต.ปพนพัชญ์ ได้รับบาดเจ็บแขนขาหัก และบาดเจ็บบริเวณหมอนรองกระดูกต้นคอ ซึ่งถือว่าสาหัสเอาการ

ขณะเดียวกัน รถตำรวจที่ไล่ติดตามคนร้ายมา ได้ขับผ่านร่าง ด.ต.ปพนพัชญ์ไปอย่างฉิวเฉียด รวมทั้งรถตำรวจคันอื่นๆ ที่ติดตามไปถึง ได้เข้าสกัดและขวางรถเก๋งคัมรี่ที่คนร้ายใช้ จนต้องจอดไว้ที่หน้าสถาบันโรคหัวใจ รพ.ราชวิถี

ตำรวจบอกว่า จังหวะนั้น ตำรวจ บก.สปพ. ตำรวจ สน.พญาไท และอีกหลายหน่วยปิดล้อมคนร้ายไว้ และตำรวจจาก บก.สปพ. ได้เข้าไปชาร์จเพื่อช่วยเหลือ พญ.พิภัทรา ออกมา ทว่าถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงสวนออกมา ตำรวจจึงจำเป็นต้องวิสามัญฆาตกรรม ซึ่งหลังจากนั้นเสียงปืนก็ระงมขึ้นนับไม่ถ้วน โดยมีเป้าหมายอยู่ที่เบาะนั่งคนขับ

สิ้นเสียงและควันปืน รถเก๋งโตโยต้า คัมรี จอดอยู่นิ่งสนิท เจ้าหน้าที่ต้องกันผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าใกล้ โดยตัวรถเก๋งพบว่าถูกยิงพรุนรอบคัน นับได้ 35 รู ยางล้อรถแตกทั้ง 4 เส้น ขณะที่บนพื้นถนน ปลอกกระสุนปืน .22 และ 9 มม.ตกอยู่เกลื่อนพื้น 19 ปลอก เมื่อตรวจสอบภายในรถตรงเบาะที่นั่งคนขับก็พบศพคนร้าย ทราบต่อมาชื่อนายธาดา อินทมาศ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/3 หมู่ 4 ต.นาเหรง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ในสภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กางเกงขาสั้นสีฟ้า มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศีรษะด้านหลัง และท้ายทอยรวม 5 นัด ที่หลังมือขวาทะลุฝ่ามือ 1 นัด และที่นิ้วหัวแม่โป้งมือซ้าย 1 นัด โดยใกล้ศพคนร้าย พบอาวุธปืนลูกโม่ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน .38 ซึ่งถูกยิงจนหมดโม่ไป 6 นัดตกอยู่ด้วย 1 กระบอก

ร่าง พญ.พิภัทรา ถูกนำส่ง รพ.ราชวิถี และแพทย์ให้การช่วยเหลือจนอาการปลอดภัย ในขณะที่ตำรวจกลับตกเป็นจำเลยของสังคม ด้วยถูกระบุว่าทำเกินกว่าเหตุ ทั้งที่รู้ว่ามีตัวประกันอยู่ในรถ ไฉนจึงระดมยิงเข้าใส่ตัวรถจนเป็นรูรอยกระสุนถึง 35 รู แต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยความราบรื่น เมื่อทั้งแม่และตัวคุณหมอ เข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ในขณะที่ตำรวจเอง โดยเฉพาะ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ก็ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ทุกอย่างจึงจบลงด้วยดี

ส่วนนายธาดา คนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้นั้น พ.ต.อ.เชิดชาย โมสิกะ ผกก.สภ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช บอกว่า นายธาดาเป็นชาว อ.นบพิตำ เป็นเจ้าของสวนยาง ทางบ้านเป็นเจ้าของตลาด ซึ่งถือว่าเป็นครอบครัวมีฐานะ นายธาดาเป็นพ่อม่ายเลิกกับเมียเมื่อ 2 ปีก่อน มีลูกด้วยกัน 2 คน ต่อมาไปติดพันกับแม่ม่ายเจ้าของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ กระทั่งเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา นายธาดาบุกเข้าไปหาเรื่องคนในปั๊ม ทำลายทรัพย์สินเสียหาย แล้วคืนวันนั้นเองก็ขับรถพาลูกสาว 1 คนเข้ากรุงเทพฯ จนไปเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น

เสียงสะท้อนจากความสูญเสีย!

ความสูญเสียที่เกิดขึ้น จากเหตุการณ์ที่นายธาดา อินทมาศ วัย 37 ปี ชาวนบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ใช้อาวุธมีดแทง และใช้อาวุธปืนยิงตำรวจดับคาป้อง ยิงขมับโชเฟอร์รถแท็กซี่ดับคารถ และจี้ชิงรถจับตัว พญ.พิภัทรา สายโลหิต เป็นตัวประกัน ขับพุ่งชนนายดาบตำรวจจราจรสน.พญาไท ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งสุดท้ายนายธาดาถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมตายคาเบาะนั่งคนขับในรถคัมรี่ของ พญ.พิภัทรา ส่วนตัวคุณหมอถูกลูกหลง ได้รับบาดเจ็บสาหัส และแพทย์รักษาจนอาการปลอดภัยแล้วนั้น เหตุการณ์ดังกล่าว เชื่อว่าทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน รวมทั้งตำรวจด้วยก็ตาม

หลังเหตุการณ์เกิดขึ้น คำพูดที่พลั่งพลูออกมาจากใจของบุคคลที่สูญเสีย ย่อมสะท้อนให้ได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง อีกทั้งยังเชื่อว่าน่าจะเป็นอุทาหรณ์สำคัญสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องนำไปประมวลผล และหาแนวทางป้องกันภัย ป้องกันเหตุร้ายต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติให้รัดกุมรอบคอบที่สุดต่อไป เราจึงขอย้อนนำคำพูดของบุคคลที่ต้องสูญเสียเหล่านั้น มารำลึก เพื่อเตือนสติกันทุกฝ่ายอีกครั้ง

นางเบญจวรรณ พิลาศรี ภรรยา ด.ต.ลิขสิทธิ์ พิลาศรี

“ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนี้อยากให้ผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วยเหลือด้านการศึกษาของลูกชายทั้ง 2 คน โดยเฉพาะน้องเก่ง ลูกชายคนโตที่สามีวาดหวังไว้อยากจะให้เป็นนายร้อยตำรวจ ส่วนเรื่องเงินช่วยเหลือและเรื่องที่พักอาศัย ยังไม่มีใครนำมาให้ หรือบอกข้อมูลแต่อย่างใด”

ด.ช.ประกาศิต พิลาศรี บุตรชาย ด.ต.ลิขสิทธิ์ พิลาศรี

“ต่อไปนี้ผมจะทำหน้าที่ดูแลแม่และน้องๆ อีก 2 คนอย่างดีที่สุด ที่สำคัญต้องตั้งใจเรียนให้มากขึ้นเพื่อสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจให้ได้ตามความหวังของพ่อ ที่ผ่านมาพ่อเป็นแบบอย่างของผม เป็นคนรักครอบครัวมาก จะออกไปทำงานช่วง 6 โมงเช้าของทุกวันและกลับมาที่บ้านพักอีกครั้งประมาณบ่าย 3 โมงหากไม่มีภารกิจอื่นๆ”

นายคาน พิลาศรี อายุ 71 ปี บิดาด.ต.ลิขสิทธิ์

“ผมพักอยู่บ้านที่ จ.สุรินทร์ ส่วนลูกชายเข้ามารับราชการในกรุงเทพฯ นานแล้ว ผมภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้มาก ที่ทำงานเข้ารับราชการตำรวจ และลูกชายรักและทำงานด้วยความตั้งใจ ขยันขันแข็งและมีวินัยที่ดี ลูกชายใฝ่ฝันอยากจะเป็นตำรวจตั้งแต่ยังเด็ก โดยสมัครสอบเข้าเป็นตำรวจ ครั้งแรกก็สอบไม่ติด แต่ก็มีความพยายามจนกระทั่งสอบติดได้ในครั้งที่ 2 ผมได้คุยกับลูกชายครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และลูกชายยังบอกว่า ช่วงสงกรานต์อยากจะกลับบ้านไปเยี่ยมผม แต่ไม่สามารถกลับได้เพราะต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งปกติลูกชายมักจะโอนเงินให้ผมใช้จ่ายประจำ เพื่อสร้างบ้านให้ที่ จ.สุรินทร์ โดยบ้านใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว และคาดว่าจะเสร็จทันภายในเดือนเมษายนนี้ แต่ก็มาเกิดเหตุเสียก่อน”

นางสายทอง พวงสูงเนิน มารดานายอำนาจ พวงสูงเนิน โชเฟอร์แท็กซี่

“รู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียลูกชาย และไม่คาดคิดว่าลูกจะมาด่วนจากไปก่อน ที่ผ่านมาลูกได้เข้ากรุงเทพฯ มาทำงานขับแท็กซี่ เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวมาตลอด และไม่ได้กลับมาที่บ้านเลย โดยลูกชายได้โทร.บอกว่าจะขับรถหาเงินช่วงสงกรานต์ก่อน และจะกลับไปเยี่ยมแม่และญาติพี่น้องหลังจากหมดงานสงกรานต์ แต่กลับมาถูกยิงเสียชีวิตก่อน เสียใจมากที่ลูกต้องมาจบชีวิตแบบนี้ แต่ก็รู้สึกภาคภูมิใจมากที่ลูกชายเป็นพลเมืองดีพยายามช่วยเจ้าหน้าที่จับคนร้าย จากนี้จะนำศพกลับบ้านเกิดที่ จ.บึงกาฬ ไปทำพิธีต่อไป ต้องขอบคุณ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวของเรา เพราะครอบครัวเราไม่มีเงินเลย”

นางลักขนา สายโลหิต มารดาของ พญ.พิภัทรา

“ใครไม่อยู่ในเหตุการณ์ก็คงไม่รู้ แม้แต่ดิฉันเองก็รู้สึกกลัวตัวสั่นอยู่เลย ความรู้สึกตอนเกิดเหตุได้แต่ภาวนาว่าอย่าทำลูกสาวเราตายเลย กระทั่งตอนนี้ยังผวาไม่หาย นอนไม่หลับมา 2 วันแล้ว เนื่องจากยังตกใจและเป็นห่วงลูกสาว ที่ผ่านมาเข้าวัดทำบุญมาตลอด โดยพระท่านทักว่าดวงไม่ค่อยดี ที่รอดมาได้ถือว่าปาฏิหาริย์มีจริง ส่วนที่ตำรวจยิงใส่คนร้ายขณะที่บุตรสาวนั่งอยู่ด้วย ไม่ติดใจเอาความเจ้าหน้าที่เพราะถือว่าตำรวจได้ช่วยเต็มที่แล้ว ตำรวจทำดีที่สุดแล้วเพราะเหตุอาจลุกลามบานปลายมากกว่านี้ก็เป็นได้”

พญ.พิภัทรา สายโลหิต เหยื่อกระสุนวิสามัญฯ

“ดิฉันตกใจและกลัวมาก คนร้ายใช้ปืนจี้ดิฉันตลอดทาง ไม่รู้ขับไปทิศทางไหน คนร้ายท่าทางไม่ปกติ คล้ายคนเมายา พูดวกไปวนมา กระทั่งวินาทีที่ตำรวจยิงมา ดิฉันก็ยังก้มศีรษะหมอบ ส่วนกระสุนดิฉันรู้ว่า มาจากนอกรถแน่นอน เพราะปืนคนร้ายจ่อที่หัวดิฉันตลอดเวลา เนื่องจากดิฉันมีสติตลอด”
นายธาดา อินทมาศ อายุ 37 ปี ผู้ก่อเหตุ
ด.ต.ลิขสิทธิ์ พิลาศรี ผบ.หมู่ จร.สน.ดุสิต เหยื่อไอ้คลั่งรายแรกถูกแทงจนเสียชีวิต
ภรรยาและลูก ด.ต.ลิขสิทธิ์ ที่สูญเสียหัวหน้าครอบครัวจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ
นายอำนาจ พวงสูงเนิน อายุ 34 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ เหยื่อไอ้คลั่งรายที่ 2 ถูกยิงเสียชีวิต
ด.ต.ปพนพัชญ์ บุญทองคำ อายุ 41 ปี ผบ.หมู่งานจราจรสน.พญาไท ถูกไอ้คลั่งขับรถชน
พญ.พิภัทรา สายโลหิต และมารดา ที่ตกเป็นตัวประกันและอยู่ร่วมในวันเกิดเหตุ
กำลังโหลดความคิดเห็น