ASTV ผู้จัดการรายวัน- "ประยุทธ์" ส่งทหารพระธรรมนูญแจ้งจับ "ไอ้ตู่-วิเชียร-แรมโบ้" ปราศรัยหมิ่นเบื้องสูง บนเวทีนปช. แช่งใครจาบจ้วงจะพบแต่ความล่มจม ขณะที่ดีเอสไอเตรียมแจ้งจับซ้ำอีกคดี พร้อมยื่นอัยการขอถอนประกันอีกรอบ ด้าน"ไอ้ตู่" ขู่ฟ้องกลับ คุยถ้าไอ้ออกรายการ "วู๊ดดี้" จะแฉให้หมด ใครเป็นตัวการเผาบ้านเผาเมือง "มาร์ค" ซัด "เพื่อไทย-ทักษิณ-เสื้อแดง" แยกกันเดินร่วมกันตีหวังไกลยึดอำนาจรัฐ
วานนี้ (12 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ สน.สำราญราษฎร์ พ.อ.จีรพล หลงประดิษฐ์ นายทหารพระธรรมนูญ จากสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก กองทัพบก รับมอบอำนาจจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. นำเอกสารหลักฐาน และซีดีบันทึกภาพเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ ผกก.สน.สำราษราษฏร์ ให้ดำเนินคดีกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในความผิดฐาน ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีแกนนำนปช.ทั้ง 3 คน กล่าวปราศัยด้วยถ้อยคำที่เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงบนเวทีนปช. บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.จิรภัทร กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้พนักงานสอบสวนรับแจ้งความเอาไว้ ก่อนนำเอกสาร และเทปบันทึกภาพ และเสียงคำปราศัยของแกนนำนปช.ทั้ง 3 คน รวมทั้งสำนวนการสอบสวนเสนอให้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พิจารณาว่าต่อไป เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงหรือไม่
**DSI จ่อยื่นถอนประกันนปช.-แจ้งข้อหา"ไอ้ตู่"
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ถอดเทปคำปราศรัยของแกนนำนปช. ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งดีเอสไอเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาล่วงละเมิดต่อพระมหากษัตริย์กับแกนนำนปช. โดยเฉพาะ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย หลังพบถ้อยคำส่อไปในทางดูหมิ่นเบื้องสูงอย่างรุนแรง อาจทำให้ประชาชนเข้าใจไม่ถูกต้อง
นอกจากนี้ ดีเอสไอจะดำเนินคดีต่อแกนนำนปช.ที่ปราศรัยสอดรับไปกับนายจตุพร ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง และจะนำหลักฐานคำปราศรัยทั้งหมด ยื่นให้พนักงานอัยการ พิจารณาถอนประกันแกนนำนปช.ต่อไป
นายธาริตกล่าวว่า ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทร์ขาว รวบรวมหลักฐาน เพื่อแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับแกนนำนปช.ในคดีล้มเจ้า โดยเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน ซึ่งในวันที่ 18 เม.ย.นี้ จะมอบหมายให้ พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ยื่นคำร้องให้ นายรุจน์ เขื่อนสุวรรณ์ รองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ พิจารณาส่งศาล เพื่อขอถอนประกันนายจตุพรและพวก เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิดเงื่อนไขการขอประกันตัว
อย่างไรก็ตาม ตนได้หารือกับอัยการชั้นผู้ใหญ่แล้ว มีความเห็นพ้องกัน ส่วนเมื่อยื่นคำร้องแล้วอัยการจะมีดุลพินิจอย่างไรนั้น ถือเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือหน้าที่ของ ดีเอสไอ
** แช่งคนจาบจ้วงสถาบันฯ มีแต่ล่มจม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ว่า ปีนี้เป็นปีมงคล ขอพรให้คนไทยด้วยกันทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เดินตามแนวทางประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เรื่องเดิมขอให้ยุติกันไป ว่ากันด้วยกฎหมาย และต้องกลับมารักกันเหมือนเดิม ขอให้ทุกภาคส่วนดูแลสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ผ่านมาถือว่ามีบางกลุ่มพยายามนำสถาบันฯ มาเกี่ยวข้อง ขอไว้ตั้งแต่สงกรานต์ปีนี้เป็นต้นไป เพราะพระองค์ท่านไม่มีโอกาสมารับสั่งกับพวกเรา
"การที่ทุกคนกล่าวอ้าง นำเรื่องนั้นไปผูกโยงกับเรื่องนี้ ทำให้สถาบันฯเสื่อมเสีย ผมขอรับประกันด้วยชีวิตของผมว่า สถาบันไม่เกี่ยวข้องกับทุกเรื่อง ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นขอให้ผู้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ก็จงไม่ประสบความสำเร็จ ผมคิดว่าในปีนี้เป็นปีมหามงคล สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ทำให้บ้านเมืองปลอดภัย สงบสุข อย่าเป็นเหมือนเมื่อสองปีที่ผ่านมา ใครที่เป็นคนทำให้เกิดเรื่อง ในการใช้ความรุนแรง นำคนเข้ามาทำให้เกิดความเดือดร้อน บาดเจ็บ สูญเสีย น่าจะต้องรับผิดชอบ ผมว่าไม่น่าจะใช่เจ้าหน้าที่ เพราะถ้าไม่เกิดเหตุ ก็คงไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ออกไปปฏิบัติตามกฎหมาย"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า ในการปราศรัยของ นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.เพื่อไทย และแกนนำกลุ่มนปช. ที่ระบุถึงที่มากระสุนของทหาร ที่ฆ่าประชาชนในเหตุการณ์เม.ย.-พ.ค.2553 หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คนทั้งประเทศต้องช่วยดูแล และขัดขวางไม่ให้คนกลุ่มน้อยพวกนี้ออกมาพูดจาให้ร้ายอีก ซึ่งพูดถึงทุกกลุ่มไม่ว่าใครก็แล้วแต่ สิ่งที่ทำไปนั้นจะสนองกลับโดยเร็ววัน พระองค์ท่านเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเราเคารพนับถือ การที่ท่านพูดจาไม่ชัดเจน แต่รู้ว่าท่านมุ่งหวังอะไร ถือว่าได้ทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนเคารพนับถือ คิดว่าคนพวกนี้ไม่มีวันเจริญอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ให้ระวังตัวไว้ให้ดี ทั้งความผิดตามกฎหมาย และประชาชนจะต่อต้าน คนพวกนี้จะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาอยากจะเป็น ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด ตราบใดที่ยังมีความคิดแบบนี้อยู่ การต่อสู้ทางการเมืองอยากจะว่าใคร ก็ว่าไป แต่อย่าเอาสถาบันฯ มาเกี่ยวข้อง พวกตนเป็นทหาร รับไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา ยังไม่มีใครที่ปราศรัยถูกตั้งข้อหาชัดเจน ในประเด็นดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังตรวจสอบอยู่ ที่ผ่านมามีกลุ่มหนึ่งถูกจับกุม มีการเดินขวน ฟ้องร้องกันอยู่ เวลาทำไม่กลัว แต่พอโดนดำเนินคดี ก็มีการเดินขบวนให้ยกเลิก มาตราโน้น มาตรานี้ หาคนหมู่มากมา ทำให้เกิดปัญหา ถามว่าประชาชนกี่หมื่นกี่แสนคน ที่เข้ามาตั้งแต่ปีที่แล้ว ถึงปีนี้ มีแกนนำคนไหนที่บาดเจ็บ สูญเสีย แต่คนที่บาดเจ็บ สูญเสีย คือคนที่มาชุมนุม ทั้งนี้ ตนไม่อยากทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ แต่จำเป็นต้องพูดเตือนใจคนไทยที่เหลืออยู่ว่า ทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบ
"คนที่น่าสงสาร คือ คนต่างจังหวัด เป็นคนจน ที่เขามาเพราะเชื่อว่าอะไรจะดีขึ้น แต่ถามว่ามีอะไรดีขึ้นกว่าเดิม ผมว่าแย่กว่าเดิม เพราะชาวบ้านไม่ได้ทำไร่ทำนา ลูกเต้าไม่รู้ไปไหน ลองไปทบทวนว่าได้ประชาธิปไตยอย่างที่เรียกร้องหรือไม่ จริงๆประชาธิปไตยมีอยู่แล้ว มีการเลือกตั้ง จะถูกหรือไม่ถูก ใช่หรือไม่ใช่ ท่านก็พยายามเลือกกันไป เพราะมีตั้งแต่ พ.ศ.2475 ต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เหมือนต่างประเทศ ที่เขามีความเจริญเติบโตเป็นประชาธิปไตยเป็นร้อยๆ ปี จนถึงวันนี้คนของเขาไม่มีทะเลาะกัน เดินประท้วงอยู่ในจุดที่ประท้วง ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น คนเราต้องมีทั้งสิทธิ และหน้าที่ ท่านมีสิทธิเดินขบวนได้ แต่ไม่ทำหน้าที่ต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผมคิดว่าไม่น่าจะมองด้านเดียว"ผบ.ทบ.กล่าว
**บ้านเมืองแตกแยกวุ่นวายเพราะเสื้อแดง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้ทุกคนกลับไปดูเหตุการณ์ เมื่อปี 2552-2553 จะเห็นว่ากลุ่มใดเป็นคนเริ่มก่อน ทำให้บ้านเมืองเป็นทะเลเพลิง ตนไม่กลัวคนที่บอกว่าจะมาสู้รบ เพราะไม่ว่าใครก็ตามจะมาสู้รบไม่ได้ ตนถือกฎหมายอยู่ อย่าผิดกฎหมายก็แล้วกัน ตนเป็นผู้บัญชาการทหารบก มีหน้าที่ดูแลกำลังพลในกองทัพบก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ท่านก็พยายามลากทหารไปเกี่ยวกับการเมืองมาโดยตลอด ทหารจำเป็นต้องทำงานกับรัฐบาล กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ถ้ารัฐบาลสั่งการชอบโดยกฎหมาย และมีกฎหมายคุ้มครองก็ต้องทำ รัฐบาลไม่เคยสั่งให้ไปฆ่าคนหรือให้ทหารไปฆ่าใคร แต่เป็นการจลาจล ขอให้ท่านไปทบทวน ตนไม่โทษใคร ไปดูในภาพว่าใครเป็นคนเริ่ม เพราะฉะนั้นต้องมีกระบวนการยุติธรรมเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหา
เมื่อถามว่าไม่รู้สึกเปลืองตัวหรือที่ออกแบบนี้และกลายเป็นเป้าโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถือว่าทำเพื่อสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพราะเป็นหน้าที่ เป็นทหารกลัวไม่ได้ ตนเองก็ไม่กลัว แต่ก็ไม่ได้ละเมิดสิทธิประชาชน ไม่เคยดูถูกความคิดของประชาชน หรือดูถูกราษฎร ดังนั้น ประชาชนทุกคนต้องเป็นผู้มีเกียรติ มีสติ เพราะฉะนั้น ใครที่มาพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ก็ต้องพิเคราะห์ว่าน่าเชื่อถือหรือไม่ อย่าให้ใครดูถูกภูมิปัญญาของท่าน ทั้งนี้ ทุกคนมุ่งเน้นแต่สิทธิ อยากได้อะไรก็บีบบังคับกัน โดยปิดถนน ปิดเส้นทาง แล้วบ้านเมืองจะไปอย่างไร ทุกอย่างต้องแก้ด้วยกฎหมาย คนไทยอย่ากลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัว อย่าไปกลัวคนไม่ดี
"ท่านต้องดูแลประเทศชาติด้วยตัวเอง ต้องตัดสินใจเอง ผมขอร้องว่า อย่าปล่อยให้ ทหาร ตำรวจ หรือ เจ้าหน้าที่ ต้องเป็นจำเลยสังคมอีก เพราะท่านดูแลกันไม่ได้ ใช้กลไกประชาธิปไตยกันไม่ได้ จนต้องมาใช้กลไกกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็ต้องออกมา เดือดร้อนกันไปหมด พันกันอยู่อย่างนี้ ประเทศก้าวไปไหนไม่ได้ สถาบันที่เคารพนับถือทั้งหมด ตั้งแต่ 4 ยุค พระมหากษัตริย์กี่พระองค์ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่ทำอยู่" ผบ.ทบ.กล่าว
** ต้องออกมาร่วมกันปกป้องสถาบันฯ
เมื่อถามว่าทำไม ผบ.ทบ.ไม่ระบุให้ชัดเจนว่า คนใดหรือกลุ่มใดที่เป็นคนทำร้ายประเทศชาติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้ ตนพูดอะไรต้องมีหลักฐาน เมื่อมีหลักฐานก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ฝ่ายกฎหมายกำลังตรวจสอบกันอยู่ ที่ผ่านมาก็จับไปหลายคนแล้ว เป็นเรื่องของการดำเนินคดี ทุกคนบอกว่า มีสิทธิ์ และก็มาคัดค้าน ประมวลกฎหมายอาญา ม.112 (ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทจำคุกตั้งแต่ 3-5 ปี) เป็นคนละเรื่องกัน ซึ่ง ม.112 คนไทยยอมรับมาโดยตลอด ถ้าใครไม่ไปยุ่ง หรือแตะต้องท่าน แล้วจะถูกดำเนินคดีหรือไม่ อยากถามว่ามาตรานี้ ไปทำความเสียหายให้กับใคร ไปกล่าวอ้าง พาดพิงสถาบันฯ ทำให้เกิดความเสียหาย ทำให้ต่างชาติดูถูก หลายประเทศเขาถวายพระเกียรติ ในประเทศไทยก็มีอยู่ไม่กี่คน ที่ทำเรื่องพวกนี้ ขอร้อง 60 กว่าล้านคนว่า ขอให้ดูแล ไม่ให้คนกลุ่มนี้ออกมาทำร้ายประเทศไทย หรือ สถาบันฯได้อีก ขอร้องในนามผู้บัญชาการทหารบกว่า คนไทยต้องออกมาปฏิเสธ และไม่เห็นด้วยเรื่องความรุนแรง อย่าออกมาในสีไหน แต่ออกมาปกป้องบ้านเมือง เคียงคู่กับทหาร ที่พร้อมดูแลประชาชน
**"ไอ้ตู่"ปัดปราศรัยหมิ่น ลั่น!แจ้งความกลับ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. กล่าวยืนยันว่า การปราศรัยเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พร้อมกับเตรียมแจ้งความกลับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ที่ใส่ความ และเลือกปฏิบัติ เนื่องจากเห็นว่าไม่ให้ความเสมอภาค ซึ่งมีกรณีอื่นๆ ที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นสถาบันอย่างชัดเจน แต่กลับไม่ดำเนินคดีแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายจตุพร ยังกล่าวถึงเรื่องที่ตนอยากให้ "วู้ดดี้" เชิญไปออกรายการโทรทัศน์บ้างนั้น เพราะต้องการจะพูดในมิติความจริงรอบด้าน ให้ทุกฝ่ายได้รับรู้ จะได้รู้ว่าใครเผาบ้านเผาเมือง ไม่ใช่เอาควันไฟไปกลบศพ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศนี้ และหนังสือโฉมหน้าคนเผาเมืองจะออกหลังสงกรานต์
**เตือน "จิ๋ว-เหนาะ" ถูกเด็กจูงจมูก
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการปราศรัยบนเวทีของกลุ่มนปช. เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า หน่วยงานด้านความมั่นคง ต้องไปตรวจสอบเนื้อหาการปราศรัย เพราะมีข้อความบางส่วนที่หมิ่นเหม่ต่อการจาบจ้วงสถาบันฯ อย่างชัดเจน และอยากเรียกร้องผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย นายเสนาะ เทียนทอง ที่ประกาศตัวว่าเป็นผู้จงรักภักดีต่อสถาบันฯ ต้องควบคุมคนในพรรคเพื่อไทยบางคน ไม่ให้เคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าว เพราะไม่อยากให้ พล.อ.ชวลิต และนายเสนาะ ตกเป็นเครื่องมือของคนในพรรคเพื่อไทยบางคนที่เป็นเด็กเมื่อวานซืน มาชี้นำได้
ทั้งนี้ สังเกตได้ว่าการปราศรัยของแกนนำที่ได้รับการประกันตัวมีลักษณะ ฮึกเหิม ยั่วยุ ปลุกระดม ดังนั้นอยากให้กลับไปถามบุคคลที่ไปเบิกความต่อศาลในการยื่นขอประกันตัวว่า จะรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของแกนนำเหล่านี้อย่างไรบ้าง
**"พสิษฐ์" แค่ม้าใช้แก๊งเสื้อแดง
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ขึ้นเวทีเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ว่า นายพสิษฐ์ ถือเป็นคนเสื้อแดงโดยแท้ ซ่อนรูปฝังตัวอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อทำให้ทุกอย่าง เป็นไปตามผู้มีอำนาจที่แท้จริงของเสื้อแดงต้องการ ครั้งนี้ แม้ว่านายพสิษฐ์ จะไม่พูดตรงๆ ว่า ผู้จัดการสนาม คือใคร หัวหน้าตัดสินคือใคร และกรรมการตัดสินคือใคร แต่เมื่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. พูดว่า คนที่ดำเนินการทั้งหมดคือประธานองคมนตรี ตั้งแต่เขียนจดหมายน้อย การโทรศัพท์ ซึ่งเรื่องจริง นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญไปรับรางวัลนักกฎหมายดีเด่น กับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี หลายปีแล้ว แต่กลับถูกเบี่ยงเบนประเด็นว่า เป็นวันที่ พล.อ.เปรมไปร้องขอให้นายชัช ช่วยคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือว่าเป็นคำเท็จ ที่เรียกว่า หน้าหนา เป็นเรื่องการใส่ความตัวบุคคลที่ไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบโต้ เพราะค่าของคนพูดกับค่าของ พล.อ.เปรม วัดกันไม่ได้ เพราะเป็นไปไม่ได้เลยว่า พล.อ.เปรม จะโทรศัพท์ให้นายพสิษฐ์ ได้ยิน หรือเขียนจดหมายน้อยมาหานายชัช
"กระบวนการนี้หวังผลลึกหลายระดับ เพื่อสั่นคลอนระบบการปกครองของประเทศที่มีการพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พยายามบอนไซ บ่อนเซาะประธานองคมนตรี ทั้งที่ความจริง กกต.สั่งยุติเรื่องนี้ไปนานแล้ว เพราะนายจตุพร ไปข่มขู่จะเผาศาล ทำลายตุลาการ กระบวนการจึงเริ่มตรงนั้น จึงเกิดกระบวนการรับลูก หาข้อมูลภายใน สุดท้ายคนก็รู้ว่าของจริงคืออะไร การกระทำของนายพสิษฐ์ จึงถือเป็นการใส่ความผู้มีบุญคุณที่นายชัช เคยชุบเลี้ยงมา ขอยืนยันว่า ทุกคนในศาลรัฐธรรมนูญเป็นคนดี เห็นแก่ประโยชน์บ้านเมือง สถาบันฯ จึงอยากขอโอกาสนี้ ให้ทุกคนที่ไม่มีโอกาสชี้แจงเสนอความจริงให้รู้ว่า บุคคลทั้งหลายไม่ได้กระทำการอย่างที่นายพสิษฐ์ ปราศรัยบนเวทีเสื้อแดงเลย" นายวิรัตน์กล่าว
***ซัด"พท.-แดง-ทักษิณ"หวังยึดอำนาจรัฐ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เดินทางเข้าพบว่า ได้คุยกันหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง ส่วนที่มีการทำอะไรที่ผิดกฎหมายหรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะได้ดำเนินการไปตามปกติ คือ เวลาที่มีการชุมนุม ก็จะมีการติดตามอยู่แล้วว่ามีการพูดจาปราศรัยอะไรที่ผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเขาก็ดำเนินการตามขั้นตอนของเขาต่อไป
"ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ว่าไปแล้ว เขาเกือบจะยอมรับด้วยซ้ำว่า การเคลื่อนไหวทั้งหลาย ทั้งนอกสภาอะไรต่างๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวของพรรคเขา จะไปคาดหวังให้เขาทำอะไรคงจะยาก เพราะค่อนข้างจะพูดชัดขึ้นทุกวันว่า กรณีการเคลื่อนไหวของเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทย ก็เหมือนกับเป็นเรื่องเดียวกัน เพียงแต่เดินคนละช่องทาง และมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกคนหนึ่งเป็น 3 ส่วนผมยืนยันค่อยข้างชัดว่า เป็นการเคลื่อนไหวไปด้วยกัน คุณทักษิณ เสื้อแดง กับพรรคเพื่อไทย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ตนได้ตั้งข้อสังเกตมาตลอดว่า การอยากได้อำนาจรัฐของพรรคเพื่อไทย คงจะอยากได้เพื่อมาทำอะไรให้กับพ.ต.ท.ทักษิณมากกว่า มันไม่ใช่เรื่องอื่น แต่พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องการอะไรก็แล้วแต่ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย จะไปทำอะไรนอกกฎหมายไม่ได้
วานนี้ (12 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ สน.สำราญราษฎร์ พ.อ.จีรพล หลงประดิษฐ์ นายทหารพระธรรมนูญ จากสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก กองทัพบก รับมอบอำนาจจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. นำเอกสารหลักฐาน และซีดีบันทึกภาพเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ ผกก.สน.สำราษราษฏร์ ให้ดำเนินคดีกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในความผิดฐาน ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีแกนนำนปช.ทั้ง 3 คน กล่าวปราศัยด้วยถ้อยคำที่เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงบนเวทีนปช. บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.จิรภัทร กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้พนักงานสอบสวนรับแจ้งความเอาไว้ ก่อนนำเอกสาร และเทปบันทึกภาพ และเสียงคำปราศัยของแกนนำนปช.ทั้ง 3 คน รวมทั้งสำนวนการสอบสวนเสนอให้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พิจารณาว่าต่อไป เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงหรือไม่
**DSI จ่อยื่นถอนประกันนปช.-แจ้งข้อหา"ไอ้ตู่"
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ถอดเทปคำปราศรัยของแกนนำนปช. ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งดีเอสไอเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาล่วงละเมิดต่อพระมหากษัตริย์กับแกนนำนปช. โดยเฉพาะ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย หลังพบถ้อยคำส่อไปในทางดูหมิ่นเบื้องสูงอย่างรุนแรง อาจทำให้ประชาชนเข้าใจไม่ถูกต้อง
นอกจากนี้ ดีเอสไอจะดำเนินคดีต่อแกนนำนปช.ที่ปราศรัยสอดรับไปกับนายจตุพร ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง และจะนำหลักฐานคำปราศรัยทั้งหมด ยื่นให้พนักงานอัยการ พิจารณาถอนประกันแกนนำนปช.ต่อไป
นายธาริตกล่าวว่า ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทร์ขาว รวบรวมหลักฐาน เพื่อแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับแกนนำนปช.ในคดีล้มเจ้า โดยเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน ซึ่งในวันที่ 18 เม.ย.นี้ จะมอบหมายให้ พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ยื่นคำร้องให้ นายรุจน์ เขื่อนสุวรรณ์ รองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ พิจารณาส่งศาล เพื่อขอถอนประกันนายจตุพรและพวก เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิดเงื่อนไขการขอประกันตัว
อย่างไรก็ตาม ตนได้หารือกับอัยการชั้นผู้ใหญ่แล้ว มีความเห็นพ้องกัน ส่วนเมื่อยื่นคำร้องแล้วอัยการจะมีดุลพินิจอย่างไรนั้น ถือเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือหน้าที่ของ ดีเอสไอ
** แช่งคนจาบจ้วงสถาบันฯ มีแต่ล่มจม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ว่า ปีนี้เป็นปีมงคล ขอพรให้คนไทยด้วยกันทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เดินตามแนวทางประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เรื่องเดิมขอให้ยุติกันไป ว่ากันด้วยกฎหมาย และต้องกลับมารักกันเหมือนเดิม ขอให้ทุกภาคส่วนดูแลสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ผ่านมาถือว่ามีบางกลุ่มพยายามนำสถาบันฯ มาเกี่ยวข้อง ขอไว้ตั้งแต่สงกรานต์ปีนี้เป็นต้นไป เพราะพระองค์ท่านไม่มีโอกาสมารับสั่งกับพวกเรา
"การที่ทุกคนกล่าวอ้าง นำเรื่องนั้นไปผูกโยงกับเรื่องนี้ ทำให้สถาบันฯเสื่อมเสีย ผมขอรับประกันด้วยชีวิตของผมว่า สถาบันไม่เกี่ยวข้องกับทุกเรื่อง ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นขอให้ผู้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ก็จงไม่ประสบความสำเร็จ ผมคิดว่าในปีนี้เป็นปีมหามงคล สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ทำให้บ้านเมืองปลอดภัย สงบสุข อย่าเป็นเหมือนเมื่อสองปีที่ผ่านมา ใครที่เป็นคนทำให้เกิดเรื่อง ในการใช้ความรุนแรง นำคนเข้ามาทำให้เกิดความเดือดร้อน บาดเจ็บ สูญเสีย น่าจะต้องรับผิดชอบ ผมว่าไม่น่าจะใช่เจ้าหน้าที่ เพราะถ้าไม่เกิดเหตุ ก็คงไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ออกไปปฏิบัติตามกฎหมาย"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า ในการปราศรัยของ นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.เพื่อไทย และแกนนำกลุ่มนปช. ที่ระบุถึงที่มากระสุนของทหาร ที่ฆ่าประชาชนในเหตุการณ์เม.ย.-พ.ค.2553 หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คนทั้งประเทศต้องช่วยดูแล และขัดขวางไม่ให้คนกลุ่มน้อยพวกนี้ออกมาพูดจาให้ร้ายอีก ซึ่งพูดถึงทุกกลุ่มไม่ว่าใครก็แล้วแต่ สิ่งที่ทำไปนั้นจะสนองกลับโดยเร็ววัน พระองค์ท่านเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเราเคารพนับถือ การที่ท่านพูดจาไม่ชัดเจน แต่รู้ว่าท่านมุ่งหวังอะไร ถือว่าได้ทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนเคารพนับถือ คิดว่าคนพวกนี้ไม่มีวันเจริญอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ให้ระวังตัวไว้ให้ดี ทั้งความผิดตามกฎหมาย และประชาชนจะต่อต้าน คนพวกนี้จะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาอยากจะเป็น ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด ตราบใดที่ยังมีความคิดแบบนี้อยู่ การต่อสู้ทางการเมืองอยากจะว่าใคร ก็ว่าไป แต่อย่าเอาสถาบันฯ มาเกี่ยวข้อง พวกตนเป็นทหาร รับไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา ยังไม่มีใครที่ปราศรัยถูกตั้งข้อหาชัดเจน ในประเด็นดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังตรวจสอบอยู่ ที่ผ่านมามีกลุ่มหนึ่งถูกจับกุม มีการเดินขวน ฟ้องร้องกันอยู่ เวลาทำไม่กลัว แต่พอโดนดำเนินคดี ก็มีการเดินขบวนให้ยกเลิก มาตราโน้น มาตรานี้ หาคนหมู่มากมา ทำให้เกิดปัญหา ถามว่าประชาชนกี่หมื่นกี่แสนคน ที่เข้ามาตั้งแต่ปีที่แล้ว ถึงปีนี้ มีแกนนำคนไหนที่บาดเจ็บ สูญเสีย แต่คนที่บาดเจ็บ สูญเสีย คือคนที่มาชุมนุม ทั้งนี้ ตนไม่อยากทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ แต่จำเป็นต้องพูดเตือนใจคนไทยที่เหลืออยู่ว่า ทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบ
"คนที่น่าสงสาร คือ คนต่างจังหวัด เป็นคนจน ที่เขามาเพราะเชื่อว่าอะไรจะดีขึ้น แต่ถามว่ามีอะไรดีขึ้นกว่าเดิม ผมว่าแย่กว่าเดิม เพราะชาวบ้านไม่ได้ทำไร่ทำนา ลูกเต้าไม่รู้ไปไหน ลองไปทบทวนว่าได้ประชาธิปไตยอย่างที่เรียกร้องหรือไม่ จริงๆประชาธิปไตยมีอยู่แล้ว มีการเลือกตั้ง จะถูกหรือไม่ถูก ใช่หรือไม่ใช่ ท่านก็พยายามเลือกกันไป เพราะมีตั้งแต่ พ.ศ.2475 ต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เหมือนต่างประเทศ ที่เขามีความเจริญเติบโตเป็นประชาธิปไตยเป็นร้อยๆ ปี จนถึงวันนี้คนของเขาไม่มีทะเลาะกัน เดินประท้วงอยู่ในจุดที่ประท้วง ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น คนเราต้องมีทั้งสิทธิ และหน้าที่ ท่านมีสิทธิเดินขบวนได้ แต่ไม่ทำหน้าที่ต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผมคิดว่าไม่น่าจะมองด้านเดียว"ผบ.ทบ.กล่าว
**บ้านเมืองแตกแยกวุ่นวายเพราะเสื้อแดง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้ทุกคนกลับไปดูเหตุการณ์ เมื่อปี 2552-2553 จะเห็นว่ากลุ่มใดเป็นคนเริ่มก่อน ทำให้บ้านเมืองเป็นทะเลเพลิง ตนไม่กลัวคนที่บอกว่าจะมาสู้รบ เพราะไม่ว่าใครก็ตามจะมาสู้รบไม่ได้ ตนถือกฎหมายอยู่ อย่าผิดกฎหมายก็แล้วกัน ตนเป็นผู้บัญชาการทหารบก มีหน้าที่ดูแลกำลังพลในกองทัพบก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ท่านก็พยายามลากทหารไปเกี่ยวกับการเมืองมาโดยตลอด ทหารจำเป็นต้องทำงานกับรัฐบาล กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ถ้ารัฐบาลสั่งการชอบโดยกฎหมาย และมีกฎหมายคุ้มครองก็ต้องทำ รัฐบาลไม่เคยสั่งให้ไปฆ่าคนหรือให้ทหารไปฆ่าใคร แต่เป็นการจลาจล ขอให้ท่านไปทบทวน ตนไม่โทษใคร ไปดูในภาพว่าใครเป็นคนเริ่ม เพราะฉะนั้นต้องมีกระบวนการยุติธรรมเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหา
เมื่อถามว่าไม่รู้สึกเปลืองตัวหรือที่ออกแบบนี้และกลายเป็นเป้าโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถือว่าทำเพื่อสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพราะเป็นหน้าที่ เป็นทหารกลัวไม่ได้ ตนเองก็ไม่กลัว แต่ก็ไม่ได้ละเมิดสิทธิประชาชน ไม่เคยดูถูกความคิดของประชาชน หรือดูถูกราษฎร ดังนั้น ประชาชนทุกคนต้องเป็นผู้มีเกียรติ มีสติ เพราะฉะนั้น ใครที่มาพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ก็ต้องพิเคราะห์ว่าน่าเชื่อถือหรือไม่ อย่าให้ใครดูถูกภูมิปัญญาของท่าน ทั้งนี้ ทุกคนมุ่งเน้นแต่สิทธิ อยากได้อะไรก็บีบบังคับกัน โดยปิดถนน ปิดเส้นทาง แล้วบ้านเมืองจะไปอย่างไร ทุกอย่างต้องแก้ด้วยกฎหมาย คนไทยอย่ากลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัว อย่าไปกลัวคนไม่ดี
"ท่านต้องดูแลประเทศชาติด้วยตัวเอง ต้องตัดสินใจเอง ผมขอร้องว่า อย่าปล่อยให้ ทหาร ตำรวจ หรือ เจ้าหน้าที่ ต้องเป็นจำเลยสังคมอีก เพราะท่านดูแลกันไม่ได้ ใช้กลไกประชาธิปไตยกันไม่ได้ จนต้องมาใช้กลไกกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็ต้องออกมา เดือดร้อนกันไปหมด พันกันอยู่อย่างนี้ ประเทศก้าวไปไหนไม่ได้ สถาบันที่เคารพนับถือทั้งหมด ตั้งแต่ 4 ยุค พระมหากษัตริย์กี่พระองค์ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่ทำอยู่" ผบ.ทบ.กล่าว
** ต้องออกมาร่วมกันปกป้องสถาบันฯ
เมื่อถามว่าทำไม ผบ.ทบ.ไม่ระบุให้ชัดเจนว่า คนใดหรือกลุ่มใดที่เป็นคนทำร้ายประเทศชาติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้ ตนพูดอะไรต้องมีหลักฐาน เมื่อมีหลักฐานก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ฝ่ายกฎหมายกำลังตรวจสอบกันอยู่ ที่ผ่านมาก็จับไปหลายคนแล้ว เป็นเรื่องของการดำเนินคดี ทุกคนบอกว่า มีสิทธิ์ และก็มาคัดค้าน ประมวลกฎหมายอาญา ม.112 (ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทจำคุกตั้งแต่ 3-5 ปี) เป็นคนละเรื่องกัน ซึ่ง ม.112 คนไทยยอมรับมาโดยตลอด ถ้าใครไม่ไปยุ่ง หรือแตะต้องท่าน แล้วจะถูกดำเนินคดีหรือไม่ อยากถามว่ามาตรานี้ ไปทำความเสียหายให้กับใคร ไปกล่าวอ้าง พาดพิงสถาบันฯ ทำให้เกิดความเสียหาย ทำให้ต่างชาติดูถูก หลายประเทศเขาถวายพระเกียรติ ในประเทศไทยก็มีอยู่ไม่กี่คน ที่ทำเรื่องพวกนี้ ขอร้อง 60 กว่าล้านคนว่า ขอให้ดูแล ไม่ให้คนกลุ่มนี้ออกมาทำร้ายประเทศไทย หรือ สถาบันฯได้อีก ขอร้องในนามผู้บัญชาการทหารบกว่า คนไทยต้องออกมาปฏิเสธ และไม่เห็นด้วยเรื่องความรุนแรง อย่าออกมาในสีไหน แต่ออกมาปกป้องบ้านเมือง เคียงคู่กับทหาร ที่พร้อมดูแลประชาชน
**"ไอ้ตู่"ปัดปราศรัยหมิ่น ลั่น!แจ้งความกลับ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. กล่าวยืนยันว่า การปราศรัยเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พร้อมกับเตรียมแจ้งความกลับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ที่ใส่ความ และเลือกปฏิบัติ เนื่องจากเห็นว่าไม่ให้ความเสมอภาค ซึ่งมีกรณีอื่นๆ ที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นสถาบันอย่างชัดเจน แต่กลับไม่ดำเนินคดีแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายจตุพร ยังกล่าวถึงเรื่องที่ตนอยากให้ "วู้ดดี้" เชิญไปออกรายการโทรทัศน์บ้างนั้น เพราะต้องการจะพูดในมิติความจริงรอบด้าน ให้ทุกฝ่ายได้รับรู้ จะได้รู้ว่าใครเผาบ้านเผาเมือง ไม่ใช่เอาควันไฟไปกลบศพ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศนี้ และหนังสือโฉมหน้าคนเผาเมืองจะออกหลังสงกรานต์
**เตือน "จิ๋ว-เหนาะ" ถูกเด็กจูงจมูก
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการปราศรัยบนเวทีของกลุ่มนปช. เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า หน่วยงานด้านความมั่นคง ต้องไปตรวจสอบเนื้อหาการปราศรัย เพราะมีข้อความบางส่วนที่หมิ่นเหม่ต่อการจาบจ้วงสถาบันฯ อย่างชัดเจน และอยากเรียกร้องผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย นายเสนาะ เทียนทอง ที่ประกาศตัวว่าเป็นผู้จงรักภักดีต่อสถาบันฯ ต้องควบคุมคนในพรรคเพื่อไทยบางคน ไม่ให้เคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าว เพราะไม่อยากให้ พล.อ.ชวลิต และนายเสนาะ ตกเป็นเครื่องมือของคนในพรรคเพื่อไทยบางคนที่เป็นเด็กเมื่อวานซืน มาชี้นำได้
ทั้งนี้ สังเกตได้ว่าการปราศรัยของแกนนำที่ได้รับการประกันตัวมีลักษณะ ฮึกเหิม ยั่วยุ ปลุกระดม ดังนั้นอยากให้กลับไปถามบุคคลที่ไปเบิกความต่อศาลในการยื่นขอประกันตัวว่า จะรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของแกนนำเหล่านี้อย่างไรบ้าง
**"พสิษฐ์" แค่ม้าใช้แก๊งเสื้อแดง
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ขึ้นเวทีเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ว่า นายพสิษฐ์ ถือเป็นคนเสื้อแดงโดยแท้ ซ่อนรูปฝังตัวอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อทำให้ทุกอย่าง เป็นไปตามผู้มีอำนาจที่แท้จริงของเสื้อแดงต้องการ ครั้งนี้ แม้ว่านายพสิษฐ์ จะไม่พูดตรงๆ ว่า ผู้จัดการสนาม คือใคร หัวหน้าตัดสินคือใคร และกรรมการตัดสินคือใคร แต่เมื่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. พูดว่า คนที่ดำเนินการทั้งหมดคือประธานองคมนตรี ตั้งแต่เขียนจดหมายน้อย การโทรศัพท์ ซึ่งเรื่องจริง นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญไปรับรางวัลนักกฎหมายดีเด่น กับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี หลายปีแล้ว แต่กลับถูกเบี่ยงเบนประเด็นว่า เป็นวันที่ พล.อ.เปรมไปร้องขอให้นายชัช ช่วยคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือว่าเป็นคำเท็จ ที่เรียกว่า หน้าหนา เป็นเรื่องการใส่ความตัวบุคคลที่ไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบโต้ เพราะค่าของคนพูดกับค่าของ พล.อ.เปรม วัดกันไม่ได้ เพราะเป็นไปไม่ได้เลยว่า พล.อ.เปรม จะโทรศัพท์ให้นายพสิษฐ์ ได้ยิน หรือเขียนจดหมายน้อยมาหานายชัช
"กระบวนการนี้หวังผลลึกหลายระดับ เพื่อสั่นคลอนระบบการปกครองของประเทศที่มีการพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พยายามบอนไซ บ่อนเซาะประธานองคมนตรี ทั้งที่ความจริง กกต.สั่งยุติเรื่องนี้ไปนานแล้ว เพราะนายจตุพร ไปข่มขู่จะเผาศาล ทำลายตุลาการ กระบวนการจึงเริ่มตรงนั้น จึงเกิดกระบวนการรับลูก หาข้อมูลภายใน สุดท้ายคนก็รู้ว่าของจริงคืออะไร การกระทำของนายพสิษฐ์ จึงถือเป็นการใส่ความผู้มีบุญคุณที่นายชัช เคยชุบเลี้ยงมา ขอยืนยันว่า ทุกคนในศาลรัฐธรรมนูญเป็นคนดี เห็นแก่ประโยชน์บ้านเมือง สถาบันฯ จึงอยากขอโอกาสนี้ ให้ทุกคนที่ไม่มีโอกาสชี้แจงเสนอความจริงให้รู้ว่า บุคคลทั้งหลายไม่ได้กระทำการอย่างที่นายพสิษฐ์ ปราศรัยบนเวทีเสื้อแดงเลย" นายวิรัตน์กล่าว
***ซัด"พท.-แดง-ทักษิณ"หวังยึดอำนาจรัฐ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เดินทางเข้าพบว่า ได้คุยกันหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง ส่วนที่มีการทำอะไรที่ผิดกฎหมายหรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะได้ดำเนินการไปตามปกติ คือ เวลาที่มีการชุมนุม ก็จะมีการติดตามอยู่แล้วว่ามีการพูดจาปราศรัยอะไรที่ผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเขาก็ดำเนินการตามขั้นตอนของเขาต่อไป
"ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ว่าไปแล้ว เขาเกือบจะยอมรับด้วยซ้ำว่า การเคลื่อนไหวทั้งหลาย ทั้งนอกสภาอะไรต่างๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวของพรรคเขา จะไปคาดหวังให้เขาทำอะไรคงจะยาก เพราะค่อนข้างจะพูดชัดขึ้นทุกวันว่า กรณีการเคลื่อนไหวของเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทย ก็เหมือนกับเป็นเรื่องเดียวกัน เพียงแต่เดินคนละช่องทาง และมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกคนหนึ่งเป็น 3 ส่วนผมยืนยันค่อยข้างชัดว่า เป็นการเคลื่อนไหวไปด้วยกัน คุณทักษิณ เสื้อแดง กับพรรคเพื่อไทย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ตนได้ตั้งข้อสังเกตมาตลอดว่า การอยากได้อำนาจรัฐของพรรคเพื่อไทย คงจะอยากได้เพื่อมาทำอะไรให้กับพ.ต.ท.ทักษิณมากกว่า มันไม่ใช่เรื่องอื่น แต่พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องการอะไรก็แล้วแต่ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย จะไปทำอะไรนอกกฎหมายไม่ได้