ASTVผู้จัดการรายวัน - ครอบรอบ 1 ปี “เสื้อแดง” ไม่สมราคาคุย “คางคก” หน้าแหก ไม่กล้าจัดเต็ม อ้างกลัว “น้องปอย” ถูกฟ้อง ฝนกระหน่ำ! ผู้ชุมนุมหนี “แม้ว”โฟนอินอัด“มาร์ค” ทำสัมพันธ์ซาอุฯพัง อ้อนแกนนำระมัดระวังความปลอดภัยของตัวเอง ส่วนครบรอบ 1 ปี “พล.อ.ร่มเกล้า” แกนนำพันธมิตรร่วมรำลึก
ช่วงเช้าวานนี้ (10 เม.ย.) ที่โรงเรียนผู้ปฏิบัติงานระดับกรรมการจังหวัดทั่วประเทศ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว หลังจากมีกิจกรรมต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. มีนายนิสิต สินธุไพร ผู้อำนวยการโรงเรียน นางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธานนปช. และแกนนำคนอื่น ๆ ร่วมสุมหัวกันโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ ได้อ่านปฏิญญา 8 ข้อนปช.แดงทั้งแผ่นดิน
**คาด 3 หมื่น-ทหารเว่อร์ 7.5 หมื่น
ก่อนหน้านั้น พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) คาดว่าจะมีกลุ่ม นปช.ทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เข้าร่วมมากกว่าการชุมนุมทุกครั้ง โดยประเมินไว้กว่า 2-3หมื่น คน มีตำรวจในนอกเครื่องแบบดูแล 7 กองร้อย ด้านการข่าวกองทัพบก ประเมินจากที่ประชุมกรมฝ่ายเสนาธิการ ว่าน่าจะมีคนเสื้อแดงเข้าร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่า 7.5 หมื่นคน
วันเดียวกันกรมฝ่ายเสนาธิการทหารบก ทีได้รับคำสั่งจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้มานั่งมอนิเตอร์ในทุกเหตุการณ์ทั่วทุกจุดของพื้นที่บริเวณการชุมนุม ซึ่งหน่วยข่าวทหารในพื้นที่ได้มีชุดเข้าไปถ่ายภาพนิ่ง และเคลื่อนไหว ตลอดจนมีการอัดเสียงการปราศรัยของแกนนำทุกคน โดยหากใครเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน หรือจาบจ้วงต่อสถาบันก็จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก ได้มอบหมายให้พล.ท.ศิริชัย ดิษฐกุล รองเสธ.ทบ.(1) ให้มานั่งบัญชาการ
ขณะที่ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเวลา 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ทยอยมาชุมนุมและปิดถนนบริเวณรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งแต่แยกผ่านฟ้าถึงหน้าสี่แยกคอกวัว และถนนดินสอ ตั้งแต่สะพานวันชาติ ถึงบริเวณศาลา กทม.
**ไม่สมราคาคุย “คางคก”หน้าแหก
เวลา 18.00 น.นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ขึ้นปราศัยบนเวทีว่า อยากเรียนว่าตนเจ็บช้ำ ตอนนี้เขาจ้องตนทุกวิถีทางที่จะลากไปในที่ที่เขาต้องการ เและพยายามไม่ให้ตนมาที่นี่
นายพสิษฐ์ ได้เปรียบเทียบว่า ใครที่เคยดูฟุตบอลก็อยากให้การแข่งขันบริสุทธิ์ยุติธรรม ถ้ามีการล็อกผลให้ทีมไหนชนะจะอยากไปดูหรือไม่ ทีมที่แข่งมีทีมหนึ่งถูกกลั่นแกล้งโดยตลอด อีกทีมก็ได้รับการช่วยเหลือโดยตลอด ในสนามจะเหลืออะไร หัวหน้ากรรมการตัดสินเขาก็มีคณะกรรมการตัดสิน แต่หัวหน้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้จัดการสนาม ทั้งๆที่ไม่มีหน้าที่จะเข้ามายุ่ง แต่ก็ทำทุกวิถีทางให้กรรมการตัดสินปั้นให้ครองถ้วยรางวัล
“ผู้จัดการสนามเคยมีบุญคุณต่อเนื่องกับหัวหน้ากรรมการตัดสิน ทุกอย่างก็ง่ายเข้า หัวหน้ากรรมการก็อยากเลื่อนฐานะอยากไปเป็นบอร์ดบริหารของกรรม การสนาม เรียบร้อยสิครับแบบนี้เหลือไหมล่ะ ผู้จัดการพยายามทำทุกวิถีทางเอื้อทั้งมือวิเศษและเท้าวิเศษ สโมสรไหนทีชอบก็ใช้มือวิเศษช่วย ไม่ชอบก็ใช้เท้าวิเศษกระทืบซะ ทีมอื่นพลอยฟ้าพลอยฝน ทีมที่เคยเชื่อมกับทีมที่ถูกกลั่นแกล้งก็โดนเท้าไปด้วย จะได้เข็ด เมื่อเข็ดก็เลยไปเชื่อมกับทีมที่โดนช่วยเหลือ” นายพสิษฐ์ กล่าว
นายพสิษฐ์ กล่าวต่อว่า ต่อมาเมื่อทีมที่ถูกช่วยได้ถ้วยไปครอง เขาก็พยายามทำทถุกวิถีทางเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้จัดการสนามถ้าทำผิดกติกาเรื่อยๆอย่างนี้ก็ไม่ไหว คนใกล้ชิดกับหัวหน้ากรรมการก็ได้แต่พูดว่า ครั้งนี้ช่วยไม่ไหวถ้าช่วยก็พัง และให้เห็นแก่ส่วนนรวมมากกว่าส่วนตัว อย่าอยากไปนั่งเป็นบอร์ดเลย แค่นี้ก็มีศักดิ์ศรีมีนกหวีดทองคำแล้ว แต่เขาก็ยังใช้จังหวะช่วยอีก คนใกล้ชิดของหัวหน้ากรรมการจึงยอมเดินออกจากบ้านพักนักกีฬา แต่เมื่อเแหงนหน้าไปดูก็พบว่าหลังคาจะพังเพราะไม่มีขื่อมีแป รรมการก็ฟังแต่คำสั่งผู้จัดการสนามแล้วเมื่อไหร่จะหยุดสั่ง
**ไม่จัดเต็มกลัว “น้องปอย” ถูกฟ้อง
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้นนายจตุพร และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ต่างก็พูดว่า จะมีการเปิดประเด็นใหม่ จากนายพศิษฐ์ โดยเฉพาะนายจตุพร โอ้อวดว่าจะมีเปิดข้อมูลจนทำให้สื่อมวลชนเลือกพาดหัวข่าวไม่ถูก
ทั้งนี้ นายจตุพร กล่าวเปิดตัวนายพสิษฐ์ อ้างถึงความไม่เป็นธรรมในการตัดสินคดีของ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ออกรายการชิมไปบ่นไป คดียุบพรรคพลังประชาชน และตัดสินไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีเงินบริจาคสนับสนุนพรรค
ขณะที่ นายพสิษฐ์เลี่ยงจะกล่าวถึงคดีทั้งหมดโดยตรง แต่เปรียบเทียบกับการแข่งขันฟุตบอล ทำให้ผู้ชุมนุม นปช.ที่ฟังการปราศรัยบางส่วน บอกว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่นายพสิษฐ์พูด แต่เห็นใจนายพสิษฐ์เพราะอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ขณะที่ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งบอกว่า เข้าใจว่ามีความไม่เป็นธรรมในการตัดสินคดียุบพรรค และคดีของกลุ่ม นปช.
นายจตุพรยังปราศรัยด้วยว่า ขอถามไปยังพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ว่าตอนคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ได้เขียนจดหมายน้อยไปยังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหัวขาวคนหนึ่ง และได้โทรไปหานายชัช ชลวร ประธานศาลรธน.หรือไม่ และคนที่เห็นทุกอย่างคือนายพสิษฐ์
**แม้วอัด“มาร์ค” ทำสัมพันธ์ซาอุฯพัง
เวลา 20.00 น. พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอินว่า ในวันเดียวกันนี้ของปีที่แล้ว เป็นช่วงเวลาที่ตนได้เข้าเฝ้าเจ้าชอยของประเทศซาอุดิอาระเบียจำนวน 2 พระองค์ ซึ่งตนพยายามที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับทางประเทศเขา แต่แล้วทางรัฐบาลของไทยก็กลับไปโอบอุ้มเจ้าหน้าที่ของประเทศทำให้ความพยายามครั้งนั้นต้องล้มเหลวไป ซึ่งก็ได้สร้างความเสียใจให้กับตนเป็นอย่างมาก
***ขอให้เลือกตั้งยุติธรรม
นอกจากนั้นยังอ้างว่าได้พูดคุยกับทางญาติของผู้เสียชีวิตของกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมทั้งยังหวังว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะบริสุทธิ์ยุติธรรม ทั้งนี้ยังขอให้แกนนำทุกคนระมัดระวังความปลอดภัยของตัวเองด้วย
จากนั้นนายโรเบิร์ต อัมเตอร์ดัม ทนายความกลุ่มนปช .ได้วีดีโอลิงค์เข้ามาเพื่อรายงานความคืบหน้า ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและพวกพ้อง ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ กรณีมีผู้เสียชีวิตจำนวน91 ราย ทั้งนี้ การชุมนุมใหญ่ได้ยุติในช่วงเวลา 01.00 น. แต่ส่วนใหญ่เดินทางกลับเนื่องจากฝนตกหนัก
**ครอบครัว “พล.อ.ร่มเกล้า” ทำบุญ 1 ปี
อีกด้านเมื่อเวลา 10.00 น. ที่วัดบวรนิเวศวิหาร นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (รองเสธ.พล.ร.2 รอ.) พร้อมครอบครัว ได้ร่วมกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลในโอกาสครบรอบ 1 ปี การเสียชีวิต พล.อ.ร่มเกล้า จากการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยและขอคืนพื้นจากกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) บริเวณสี่แยกคอกวัวและหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา เมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย.53 โดยมี พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.วลิต โรจนภักดี รองแม่ทัพภาคที่ 1 นาย ปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรสุข แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)
**“ภรรยา” ชี้เป็นบทเรียน“คนไทยฆ่ากันเอง”
นางนิชา ให้สัมภาษณ์ว่า การทำบุญวันนี้เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ พล.อ.ร่มเกล้าแล้ว และทหารทุกคนที่เสียชีวิตในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาทางกองทัพได้ดูแลครอบครัวมาเป็นอย่างดี หลายคนยังหวั่นใจอยู่ว่าบ้านเมืองยังไม่สงบ กังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์การซ้ำรอยเช่นนี้อีก และคงไม่มีต้องตายอีก ไม่มีการสูญเสียไม่ว่าจากฝ่ายใดก็ตาม ทั้งนี้ เชื่อว่าประชาชนคนไทยอยากให้บ้านเมืองมีความสงบสุข กลับมาสู่ชีวิตที่ปกติเหมือนเดิม
“เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนต่อสังคมว่าคนไทยไม่ควรทำร้ายกันเอง ครั้งนี้เป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่คนไทยต้องตายด้วยน้ำมือคนไทยด้วยกัน เอง พี่ร่มเกล้าเป็นคนหนึ่งที่สะท้อนชีวิตของทหารที่ดีและชีวิตของคนไทยที่เป็น คนดีมีตัวตนจริงๆ ซึ่งไม่ได้มีพี่ร่มเกล้าคนเดียว เชื่อว่ายังมีคนดีในสังคมอีกมาก ดังนั้นอย่าฆ่าคนดีแบบนี้อีกเลย เพราะทหารเกิดมาเพื่อเสียสละชีวิตดูแลบ้านเมือง ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และดูแลประชาชน หากทหารแบบพี่ร่มเกล้าจะตายแล้ววันข้างหน้าเกิดภัยใหญ่หลวง ใครจะมาช่วยคุ้มภัยให้ประชาชน อย่างไรก็ตาม หากพี่ร่มเกล้าพูดได้คงกล่าวว่า อย่าให้มีทหารคนไหนต้องตายอีกให้เขาตายคนเดียวก็พอ” นางนิชาระบุ.
ช่วงเช้าวานนี้ (10 เม.ย.) ที่โรงเรียนผู้ปฏิบัติงานระดับกรรมการจังหวัดทั่วประเทศ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว หลังจากมีกิจกรรมต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. มีนายนิสิต สินธุไพร ผู้อำนวยการโรงเรียน นางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธานนปช. และแกนนำคนอื่น ๆ ร่วมสุมหัวกันโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ ได้อ่านปฏิญญา 8 ข้อนปช.แดงทั้งแผ่นดิน
**คาด 3 หมื่น-ทหารเว่อร์ 7.5 หมื่น
ก่อนหน้านั้น พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) คาดว่าจะมีกลุ่ม นปช.ทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เข้าร่วมมากกว่าการชุมนุมทุกครั้ง โดยประเมินไว้กว่า 2-3หมื่น คน มีตำรวจในนอกเครื่องแบบดูแล 7 กองร้อย ด้านการข่าวกองทัพบก ประเมินจากที่ประชุมกรมฝ่ายเสนาธิการ ว่าน่าจะมีคนเสื้อแดงเข้าร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่า 7.5 หมื่นคน
วันเดียวกันกรมฝ่ายเสนาธิการทหารบก ทีได้รับคำสั่งจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้มานั่งมอนิเตอร์ในทุกเหตุการณ์ทั่วทุกจุดของพื้นที่บริเวณการชุมนุม ซึ่งหน่วยข่าวทหารในพื้นที่ได้มีชุดเข้าไปถ่ายภาพนิ่ง และเคลื่อนไหว ตลอดจนมีการอัดเสียงการปราศรัยของแกนนำทุกคน โดยหากใครเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน หรือจาบจ้วงต่อสถาบันก็จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก ได้มอบหมายให้พล.ท.ศิริชัย ดิษฐกุล รองเสธ.ทบ.(1) ให้มานั่งบัญชาการ
ขณะที่ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเวลา 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ทยอยมาชุมนุมและปิดถนนบริเวณรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งแต่แยกผ่านฟ้าถึงหน้าสี่แยกคอกวัว และถนนดินสอ ตั้งแต่สะพานวันชาติ ถึงบริเวณศาลา กทม.
**ไม่สมราคาคุย “คางคก”หน้าแหก
เวลา 18.00 น.นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ขึ้นปราศัยบนเวทีว่า อยากเรียนว่าตนเจ็บช้ำ ตอนนี้เขาจ้องตนทุกวิถีทางที่จะลากไปในที่ที่เขาต้องการ เและพยายามไม่ให้ตนมาที่นี่
นายพสิษฐ์ ได้เปรียบเทียบว่า ใครที่เคยดูฟุตบอลก็อยากให้การแข่งขันบริสุทธิ์ยุติธรรม ถ้ามีการล็อกผลให้ทีมไหนชนะจะอยากไปดูหรือไม่ ทีมที่แข่งมีทีมหนึ่งถูกกลั่นแกล้งโดยตลอด อีกทีมก็ได้รับการช่วยเหลือโดยตลอด ในสนามจะเหลืออะไร หัวหน้ากรรมการตัดสินเขาก็มีคณะกรรมการตัดสิน แต่หัวหน้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้จัดการสนาม ทั้งๆที่ไม่มีหน้าที่จะเข้ามายุ่ง แต่ก็ทำทุกวิถีทางให้กรรมการตัดสินปั้นให้ครองถ้วยรางวัล
“ผู้จัดการสนามเคยมีบุญคุณต่อเนื่องกับหัวหน้ากรรมการตัดสิน ทุกอย่างก็ง่ายเข้า หัวหน้ากรรมการก็อยากเลื่อนฐานะอยากไปเป็นบอร์ดบริหารของกรรม การสนาม เรียบร้อยสิครับแบบนี้เหลือไหมล่ะ ผู้จัดการพยายามทำทุกวิถีทางเอื้อทั้งมือวิเศษและเท้าวิเศษ สโมสรไหนทีชอบก็ใช้มือวิเศษช่วย ไม่ชอบก็ใช้เท้าวิเศษกระทืบซะ ทีมอื่นพลอยฟ้าพลอยฝน ทีมที่เคยเชื่อมกับทีมที่ถูกกลั่นแกล้งก็โดนเท้าไปด้วย จะได้เข็ด เมื่อเข็ดก็เลยไปเชื่อมกับทีมที่โดนช่วยเหลือ” นายพสิษฐ์ กล่าว
นายพสิษฐ์ กล่าวต่อว่า ต่อมาเมื่อทีมที่ถูกช่วยได้ถ้วยไปครอง เขาก็พยายามทำทถุกวิถีทางเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้จัดการสนามถ้าทำผิดกติกาเรื่อยๆอย่างนี้ก็ไม่ไหว คนใกล้ชิดกับหัวหน้ากรรมการก็ได้แต่พูดว่า ครั้งนี้ช่วยไม่ไหวถ้าช่วยก็พัง และให้เห็นแก่ส่วนนรวมมากกว่าส่วนตัว อย่าอยากไปนั่งเป็นบอร์ดเลย แค่นี้ก็มีศักดิ์ศรีมีนกหวีดทองคำแล้ว แต่เขาก็ยังใช้จังหวะช่วยอีก คนใกล้ชิดของหัวหน้ากรรมการจึงยอมเดินออกจากบ้านพักนักกีฬา แต่เมื่อเแหงนหน้าไปดูก็พบว่าหลังคาจะพังเพราะไม่มีขื่อมีแป รรมการก็ฟังแต่คำสั่งผู้จัดการสนามแล้วเมื่อไหร่จะหยุดสั่ง
**ไม่จัดเต็มกลัว “น้องปอย” ถูกฟ้อง
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้นนายจตุพร และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ต่างก็พูดว่า จะมีการเปิดประเด็นใหม่ จากนายพศิษฐ์ โดยเฉพาะนายจตุพร โอ้อวดว่าจะมีเปิดข้อมูลจนทำให้สื่อมวลชนเลือกพาดหัวข่าวไม่ถูก
ทั้งนี้ นายจตุพร กล่าวเปิดตัวนายพสิษฐ์ อ้างถึงความไม่เป็นธรรมในการตัดสินคดีของ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ออกรายการชิมไปบ่นไป คดียุบพรรคพลังประชาชน และตัดสินไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีเงินบริจาคสนับสนุนพรรค
ขณะที่ นายพสิษฐ์เลี่ยงจะกล่าวถึงคดีทั้งหมดโดยตรง แต่เปรียบเทียบกับการแข่งขันฟุตบอล ทำให้ผู้ชุมนุม นปช.ที่ฟังการปราศรัยบางส่วน บอกว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่นายพสิษฐ์พูด แต่เห็นใจนายพสิษฐ์เพราะอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ขณะที่ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งบอกว่า เข้าใจว่ามีความไม่เป็นธรรมในการตัดสินคดียุบพรรค และคดีของกลุ่ม นปช.
นายจตุพรยังปราศรัยด้วยว่า ขอถามไปยังพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ว่าตอนคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ได้เขียนจดหมายน้อยไปยังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหัวขาวคนหนึ่ง และได้โทรไปหานายชัช ชลวร ประธานศาลรธน.หรือไม่ และคนที่เห็นทุกอย่างคือนายพสิษฐ์
**แม้วอัด“มาร์ค” ทำสัมพันธ์ซาอุฯพัง
เวลา 20.00 น. พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอินว่า ในวันเดียวกันนี้ของปีที่แล้ว เป็นช่วงเวลาที่ตนได้เข้าเฝ้าเจ้าชอยของประเทศซาอุดิอาระเบียจำนวน 2 พระองค์ ซึ่งตนพยายามที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับทางประเทศเขา แต่แล้วทางรัฐบาลของไทยก็กลับไปโอบอุ้มเจ้าหน้าที่ของประเทศทำให้ความพยายามครั้งนั้นต้องล้มเหลวไป ซึ่งก็ได้สร้างความเสียใจให้กับตนเป็นอย่างมาก
***ขอให้เลือกตั้งยุติธรรม
นอกจากนั้นยังอ้างว่าได้พูดคุยกับทางญาติของผู้เสียชีวิตของกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมทั้งยังหวังว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะบริสุทธิ์ยุติธรรม ทั้งนี้ยังขอให้แกนนำทุกคนระมัดระวังความปลอดภัยของตัวเองด้วย
จากนั้นนายโรเบิร์ต อัมเตอร์ดัม ทนายความกลุ่มนปช .ได้วีดีโอลิงค์เข้ามาเพื่อรายงานความคืบหน้า ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและพวกพ้อง ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ กรณีมีผู้เสียชีวิตจำนวน91 ราย ทั้งนี้ การชุมนุมใหญ่ได้ยุติในช่วงเวลา 01.00 น. แต่ส่วนใหญ่เดินทางกลับเนื่องจากฝนตกหนัก
**ครอบครัว “พล.อ.ร่มเกล้า” ทำบุญ 1 ปี
อีกด้านเมื่อเวลา 10.00 น. ที่วัดบวรนิเวศวิหาร นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (รองเสธ.พล.ร.2 รอ.) พร้อมครอบครัว ได้ร่วมกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลในโอกาสครบรอบ 1 ปี การเสียชีวิต พล.อ.ร่มเกล้า จากการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยและขอคืนพื้นจากกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) บริเวณสี่แยกคอกวัวและหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา เมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย.53 โดยมี พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.วลิต โรจนภักดี รองแม่ทัพภาคที่ 1 นาย ปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรสุข แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)
**“ภรรยา” ชี้เป็นบทเรียน“คนไทยฆ่ากันเอง”
นางนิชา ให้สัมภาษณ์ว่า การทำบุญวันนี้เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ พล.อ.ร่มเกล้าแล้ว และทหารทุกคนที่เสียชีวิตในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาทางกองทัพได้ดูแลครอบครัวมาเป็นอย่างดี หลายคนยังหวั่นใจอยู่ว่าบ้านเมืองยังไม่สงบ กังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์การซ้ำรอยเช่นนี้อีก และคงไม่มีต้องตายอีก ไม่มีการสูญเสียไม่ว่าจากฝ่ายใดก็ตาม ทั้งนี้ เชื่อว่าประชาชนคนไทยอยากให้บ้านเมืองมีความสงบสุข กลับมาสู่ชีวิตที่ปกติเหมือนเดิม
“เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนต่อสังคมว่าคนไทยไม่ควรทำร้ายกันเอง ครั้งนี้เป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่คนไทยต้องตายด้วยน้ำมือคนไทยด้วยกัน เอง พี่ร่มเกล้าเป็นคนหนึ่งที่สะท้อนชีวิตของทหารที่ดีและชีวิตของคนไทยที่เป็น คนดีมีตัวตนจริงๆ ซึ่งไม่ได้มีพี่ร่มเกล้าคนเดียว เชื่อว่ายังมีคนดีในสังคมอีกมาก ดังนั้นอย่าฆ่าคนดีแบบนี้อีกเลย เพราะทหารเกิดมาเพื่อเสียสละชีวิตดูแลบ้านเมือง ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และดูแลประชาชน หากทหารแบบพี่ร่มเกล้าจะตายแล้ววันข้างหน้าเกิดภัยใหญ่หลวง ใครจะมาช่วยคุ้มภัยให้ประชาชน อย่างไรก็ตาม หากพี่ร่มเกล้าพูดได้คงกล่าวว่า อย่าให้มีทหารคนไหนต้องตายอีกให้เขาตายคนเดียวก็พอ” นางนิชาระบุ.