แดงชุมนุมครบรอบ 1 ปี ปะทะเดือดสมรภูมิคอกวัว 10 เมษา แกนนำวางดอกไม้ทำบุญผู้เสียชีวิต ด้าน “พสิษฐ์” เปรียบการเมืองเหมือนทีมบอล กรรมการช่วยอีกทีมกลั่นแกล้งอีกทีมตลอด แถมฟังคำสั่งผู้จัดการทีม ถาม กก.ตั้งวอร์รูมนอกสถานที่ได้หรือ “ไอ้ตู่” สอดถาม “ป๋าเปรม” ติดต่อ “ชัช-ตุลาการหัวขาว” เอี่ยวคดียุบ ปชป.หรือไม่
วันนี้ (10 เม.ย.) ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) รำลึกครบรอบ 1 ปี ของเหตุการณ์ปะทะที่สี่แยกคอกวัว เป็นไปอย่างคึกคัก มีการนำรูปของผู้เสียชีวิต มาตั้งรับบริจาคขอความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวนกว่า 23 กองร้อย ต่อมาเวลา 13.30 น.บริเวณถนนดินสอ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ได้มีตัวแทนจากสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย และศูนย์พัฒนาประชาธิปไตยบ้าน 111 นำดอกกุหลาบสีแดง มาร่วมทำการไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิต ซึ่งรวมถึง นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ชาวญี่ปุ่น โดยผู้ชุมนุมได้ร่วมกันส่งเสียงตะโกน “ที่นี่มีคนตาย” ขณะที่บริเวณใกล้เคียงได้มีการแสดงละคร โดยจำลองสถานการณ์การปะทะ ที่ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต ก่อนจะทำการจุดเทียนแดงเพื่อรำลึกแด่ผู้เสียชีวิต
เมื่อเวลา 15.00 น.กลุ่มคนเสื้อแดง นำโดย นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการ นปช. นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายชินวัฒน์ หาบุญพาด และแกนนำรายอื่นๆ ได้ร่วมกันประกอบพิธีสงฆ์อุทิศส่วนกุศลให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุมที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์กระชับพื้นที่ โดยมีญาติผู้เสียชีวิตถือรูปถ่ายผู้ตายร่วมเป็นสักขีพยาน มีพระสงฆ์เข้าร่วมพิธีทั้งหมด 10 รูป นำสวดบทกรวดน้ำ บทอภิธรรม 7 รวมถึงให้พรแก่ผู้ชุมนุมตามลำดับ โดยใช้เวลาประกอบพิธีทั้งหมดประมาณ 40 นาที
จากนั้น นายจตุพร กล่าวว่า 1 ปีที่ผ่านมา จากกรณีการเสียชีวิตของช่างภาพชาวญี่ปุ่น และผู้ที่เสียชีวิตในวัดปทุมวนารามนั้น ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังไม่ได้สรุปข้อเท็จจริงว่า ใครเป็นผู้ทำให้เสียชีวิต ซึ่งทางดีเอสไอได้พยายามโยนเรื่องไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบเพิ่มเติม ดังนั้น จึงขอให้ทางดีเอสไอออกมารับผิดชอบ โดยแสดงความชัดจนในเรื่องดังกล่าว และขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก นำเหล่าทหารกลับไปทำหน้าที่ของตนเอง โดยเป็นรั้วของชาติ และหยุดแทรกแซงระบบการเมือง
ขณะที่ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า โดยเปรียบเทียบการเมืองเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลของสองทีม ทีมหนึ่งได้รับความช่วยเหลือมาตลอด กับอีกทีมกลับถูกกลั่นแกล้งทุกเรื่อง และเปรียบกรรมการข้างสนามคอยตัดสินตามความต้องการผู้จัดการสนามฟุตบอล โดยไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรเลย และกรรมการแอบไปตั้งวอร์รูมนอกสถานที่ได้หรือ และยังต้องคอยฟังคำสั่งของผู้จัดการสนาม แล้วอย่างนี้บ้านเมืองจะมีขื่อมีแป ทั้งนี้ ทีมที่ได้รับการช่วยเหลือตลอด เขาใช้มือวิเศษ แล้วอย่างนี้จะมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร
ด้าน นายจตุพร ปราศรัยต่อทันที ว่า ขอถามไปยัง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ว่า ตอนคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ได้เขียนจดหมายน้อยไปยังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหัวขาวคนหนึ่ง และได้โทร.ไปหา นายชัช ชลวร ประธานศาล รธน.หรือไม่ และคนที่เห็นทุกอย่าง คือ นายพสิษฐ์