ข่าวที่ว่า นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แถลงว่า ตามที่พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาว่า พรรคเพื่อไทย ทำเพื่อคนคนเดียว คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เสนอการนิรโทษกรรมนั้นเป็นการกระทำเพื่อตนเอง ขอแถลงว่า พรรคเพื่อไทย มองอนาคตของประเทศเป็นหลัก และรู้ว่า ปัญหาของประเทศ คือ ความแตกแยกจากการที่ไม่มีความยุติธรรม และสองมาตรฐาน และในขณะนี้ ประเทศประสบปัญหาเศรษฐกิจ และเข้ายุคข้าวยากหมากแพง
คำแถลงดังกล่าว ทำให้พวกเรารู้ นายนพดล ปัทมะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีความรู้ทางการเมืองที่แท้จริงแม้แต่น้อยและมองไม่เห็นว่าอะไรคือเหตุวิกฤตชาติที่แท้จริงเช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อทั้งสองฝ่ายไม่รู้ว่าอะไรคือเหตุวิกฤตชาติ ก็ไม่สามารถที่จะแก้เหตุวิกฤตชาติให้ผ่านพ้นไปได้ พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นรัฐบาลมาแล้วทั้งนั้น ทั้งสองพรรคล้วนแล้วแต่เพิ่มปัญหาให้กับประเทศชาติและหลอกลวงปวงชนทั้งสิ้น นี่คือความจริง ใครจะเข้าใจถูกต้องตรงอย่างนี้บ้างหนอ
ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ เป็นพวกหลงผิด เป็นพวกไร้ปัญญา เป็นพวกหลอกลวงประชาชน เป็นพวกทำลายประเทศชาติ และทั้งสองฝ่ายต่างก็ยึดรัฐธรรมนูญเป็นสรณะ ฝ่ายทักษิณพรรคเพื่อไทยยึดรัฐธรรมนูญ ปี 40 ว่าเป็นของพวกตนและอ้างว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เป็นการหลอกประชาชนอย่างแยบยลร้ายกาจที่สุด ส่วนฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ยึดรัฐธรรมนูญฉบับ 50 ซึ่งต่างก็โฆษณาชวนเชื่อว่ารัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย พออ้าปาก พวกเราก็รู้ได้ทันทีว่า ที่แท้พวกเขาเป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ
นายนพดล หารู้ไหมว่า ปัญหารัฐประหาร เกิดจากเหตุคือระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ และรัฐบาลทักษิณบริหารประเทศห่วยแตก คอร์รัปชันอย่างมโหฬาร แปรรูปรัฐวิสาหกิจเอาสมบัติของชาติไปเป็นของตน ญาติ และพวกพ้อง ประชาชนทนไม่ได้และกองทัพก็ทนไม่ได้จึงได้ร่วมกันทำรัฐประหาร เมื่อทำรัฐประหารล้มรัฐธรรมนูญเผด็จการและรัฐบาลเผด็จการลงแล้ว
มันผิดพลาดตรงที่กองทัพไม่มีความรู้เรื่องการเมือง ก็เลยไปมอบอำนาจให้พวกเผด็จการรัฐธรรมนูญอีกขั้วหนึ่งตรงข้ามกับทักษิณ ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จึงกลายเป็นเผด็จการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซ้ำวิธีเดิมๆ ทำผิดพลาดมาแล้ว 18 ครั้ง 18 รัฐธรรมนูญ ในช่วงเวลา 79 ปี นี่คือความจริง ไม่เป็นอาชญากรทางปัญญาเฉกเช่นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ
หากว่าเมื่อกองทัพทำรัฐประหารแล้ว กองทัพมีความรู้การเมืองแบบประชาธิปไตยสากล หรือธรรมาธิปไตยแก่นแท้การเมืองของชาวสยาม กองทัพก็จะดำเนินการด้วยนโยบาย ให้ความรู้ ผลักดัน ส่งเสริม การสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม (ธรรมาธิปไตย 9 อ่านดูจากบทความก่อนหน้านี้) อันเป็นหลักการที่สำคัญซ้อนอยู่ในหลายๆ มิติเป็นหนึ่งเดียวกัน คือ 1. เป็นแก่นแท้ของชาติ (ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์) เป็นแกนกลาง 2. เป็นกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ 3. เป็นกฎหมายสูงสุด (พวกเผด็จการรัฐธรรมนูญ เขียนในตำรา และโฆษณาชวนเชื่อว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ซึ่งไม่มีประเทศไหนๆ สอนเช่นนั้น) 4. เป็นหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 5. เป็นหลักนิติธรรม 6. เป็นศูนย์กลางของปวงชนในชาติ 7. เป็นศูนย์กลางทางการเมืองโดยธรรมของปวงชนในชาติ
ดังนั้น การที่นายนพดล เหล่ แถลงว่า “...ปัญหาของประเทศ คือ ความแตกแยกจากการที่ไม่มีความยุติธรรม และสองมาตรฐาน และประเทศประสบปัญหาเศรษฐกิจ...” แท้จริงนายนพดล โฆษณาชวนเชื่อนี้เป็นเพียงปัญหาปลายเหตุ อันเป็นผลมาจากระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ นั่นเอง ดังสัมพันธภาพเป็นไปตามกฎแห่งกรรม “เหตุเลว ผลย่อมเลวเสมอไป”
นายนพดล กล่าวว่า “...จากการยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ในเดือนกันยายน 2549 เป็นต้นมา ซึ่งการคืนความเป็นธรรมนั้น จะทำให้กับทุกคน โดยไม่เลือกสี เลือกข้าง ซึ่งเมื่อบ้านเมืองมีความยุติธรรมแล้วเท่านั้น ความปรองดองจึงจะเกิดได้”
เหตุผลของนายนพดล เป็นการอำพราง เล่นมายากลตบตาเพื่อปล่อยนายใหญ่ให้พ้นผิด ไม่ต้องรับโทษและได้ทรัพย์คืนเท่านั้น คนดีไม่มีใครต้องการและไม่มีใครยอม เว้นแต่พวกนายใหญ่ นพดลและพวกเสื้อแดงเท่านั้น ใครจะให้พวกคุณ เมื่อพวกคุณทำผิด ทักษิณทำผิดก็ต้องถูกลงโทษเสมอกับกรรมกร ชาวนา ชาวไร่ คนทั่วไป อันใครๆ ก็ไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น หากว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี ถูกลงโทษเช่นเดียวกัน
และหากเราปล่อยให้มีการเลือกตั้ง ก็เท่ากับว่าพวกเราอนุญาต ให้พวกนักการเมืองลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญเข้ามามีอำนาจทำลายชาติบ้านเมืองและฉกฉวยทรัพย์สมบัติแห่งชาติ ไปเป็นของพวกนักการเผด็จการ ขี้โกงเลวๆ ต่อไป ร่วมกันหยุดพวกเขา “โหวต โน” และต้องเสนอหลักการปกครอง (ระบอบ) ธรรมาธิปไตย 9 “ทรงพระเจริญ ขอพระราชทานสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 แก้ไขเหตุวิกฤตชาติ” นี่ของจริง
คำแถลงดังกล่าว ทำให้พวกเรารู้ นายนพดล ปัทมะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีความรู้ทางการเมืองที่แท้จริงแม้แต่น้อยและมองไม่เห็นว่าอะไรคือเหตุวิกฤตชาติที่แท้จริงเช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อทั้งสองฝ่ายไม่รู้ว่าอะไรคือเหตุวิกฤตชาติ ก็ไม่สามารถที่จะแก้เหตุวิกฤตชาติให้ผ่านพ้นไปได้ พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นรัฐบาลมาแล้วทั้งนั้น ทั้งสองพรรคล้วนแล้วแต่เพิ่มปัญหาให้กับประเทศชาติและหลอกลวงปวงชนทั้งสิ้น นี่คือความจริง ใครจะเข้าใจถูกต้องตรงอย่างนี้บ้างหนอ
ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ เป็นพวกหลงผิด เป็นพวกไร้ปัญญา เป็นพวกหลอกลวงประชาชน เป็นพวกทำลายประเทศชาติ และทั้งสองฝ่ายต่างก็ยึดรัฐธรรมนูญเป็นสรณะ ฝ่ายทักษิณพรรคเพื่อไทยยึดรัฐธรรมนูญ ปี 40 ว่าเป็นของพวกตนและอ้างว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เป็นการหลอกประชาชนอย่างแยบยลร้ายกาจที่สุด ส่วนฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ยึดรัฐธรรมนูญฉบับ 50 ซึ่งต่างก็โฆษณาชวนเชื่อว่ารัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย พออ้าปาก พวกเราก็รู้ได้ทันทีว่า ที่แท้พวกเขาเป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ
นายนพดล หารู้ไหมว่า ปัญหารัฐประหาร เกิดจากเหตุคือระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ และรัฐบาลทักษิณบริหารประเทศห่วยแตก คอร์รัปชันอย่างมโหฬาร แปรรูปรัฐวิสาหกิจเอาสมบัติของชาติไปเป็นของตน ญาติ และพวกพ้อง ประชาชนทนไม่ได้และกองทัพก็ทนไม่ได้จึงได้ร่วมกันทำรัฐประหาร เมื่อทำรัฐประหารล้มรัฐธรรมนูญเผด็จการและรัฐบาลเผด็จการลงแล้ว
มันผิดพลาดตรงที่กองทัพไม่มีความรู้เรื่องการเมือง ก็เลยไปมอบอำนาจให้พวกเผด็จการรัฐธรรมนูญอีกขั้วหนึ่งตรงข้ามกับทักษิณ ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จึงกลายเป็นเผด็จการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซ้ำวิธีเดิมๆ ทำผิดพลาดมาแล้ว 18 ครั้ง 18 รัฐธรรมนูญ ในช่วงเวลา 79 ปี นี่คือความจริง ไม่เป็นอาชญากรทางปัญญาเฉกเช่นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ
หากว่าเมื่อกองทัพทำรัฐประหารแล้ว กองทัพมีความรู้การเมืองแบบประชาธิปไตยสากล หรือธรรมาธิปไตยแก่นแท้การเมืองของชาวสยาม กองทัพก็จะดำเนินการด้วยนโยบาย ให้ความรู้ ผลักดัน ส่งเสริม การสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม (ธรรมาธิปไตย 9 อ่านดูจากบทความก่อนหน้านี้) อันเป็นหลักการที่สำคัญซ้อนอยู่ในหลายๆ มิติเป็นหนึ่งเดียวกัน คือ 1. เป็นแก่นแท้ของชาติ (ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์) เป็นแกนกลาง 2. เป็นกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ 3. เป็นกฎหมายสูงสุด (พวกเผด็จการรัฐธรรมนูญ เขียนในตำรา และโฆษณาชวนเชื่อว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ซึ่งไม่มีประเทศไหนๆ สอนเช่นนั้น) 4. เป็นหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 5. เป็นหลักนิติธรรม 6. เป็นศูนย์กลางของปวงชนในชาติ 7. เป็นศูนย์กลางทางการเมืองโดยธรรมของปวงชนในชาติ
ดังนั้น การที่นายนพดล เหล่ แถลงว่า “...ปัญหาของประเทศ คือ ความแตกแยกจากการที่ไม่มีความยุติธรรม และสองมาตรฐาน และประเทศประสบปัญหาเศรษฐกิจ...” แท้จริงนายนพดล โฆษณาชวนเชื่อนี้เป็นเพียงปัญหาปลายเหตุ อันเป็นผลมาจากระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ นั่นเอง ดังสัมพันธภาพเป็นไปตามกฎแห่งกรรม “เหตุเลว ผลย่อมเลวเสมอไป”
นายนพดล กล่าวว่า “...จากการยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ในเดือนกันยายน 2549 เป็นต้นมา ซึ่งการคืนความเป็นธรรมนั้น จะทำให้กับทุกคน โดยไม่เลือกสี เลือกข้าง ซึ่งเมื่อบ้านเมืองมีความยุติธรรมแล้วเท่านั้น ความปรองดองจึงจะเกิดได้”
เหตุผลของนายนพดล เป็นการอำพราง เล่นมายากลตบตาเพื่อปล่อยนายใหญ่ให้พ้นผิด ไม่ต้องรับโทษและได้ทรัพย์คืนเท่านั้น คนดีไม่มีใครต้องการและไม่มีใครยอม เว้นแต่พวกนายใหญ่ นพดลและพวกเสื้อแดงเท่านั้น ใครจะให้พวกคุณ เมื่อพวกคุณทำผิด ทักษิณทำผิดก็ต้องถูกลงโทษเสมอกับกรรมกร ชาวนา ชาวไร่ คนทั่วไป อันใครๆ ก็ไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น หากว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี ถูกลงโทษเช่นเดียวกัน
และหากเราปล่อยให้มีการเลือกตั้ง ก็เท่ากับว่าพวกเราอนุญาต ให้พวกนักการเมืองลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญเข้ามามีอำนาจทำลายชาติบ้านเมืองและฉกฉวยทรัพย์สมบัติแห่งชาติ ไปเป็นของพวกนักการเผด็จการ ขี้โกงเลวๆ ต่อไป ร่วมกันหยุดพวกเขา “โหวต โน” และต้องเสนอหลักการปกครอง (ระบอบ) ธรรมาธิปไตย 9 “ทรงพระเจริญ ขอพระราชทานสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 แก้ไขเหตุวิกฤตชาติ” นี่ของจริง
