เราได้บอกความจริงต่อรัฐบาลอภิสิทธิ์มามากต่อมาก เฉกเช่นเดียวกับอดีตรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้สภาพที่แท้จริงของชาติ มีอำนาจแล้วควรแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ แต่กลับทำไม่ได้เพราะเป็นรัฐบาลโมหจริต คือเป็นรัฐบาลที่โง่เขลาเบาปัญญาเอามากๆ
รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เช่นเดียวกันไม่รู้สภาพการณ์ที่แท้จริงของชาติ ทั้งยังเห็นผิดว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยแล้ว นี่คือความเห็นผิดที่ไม่ตรงกับสภาพการณ์ที่เป็นจริงของชาติ ถามว่ารัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 มาตราประชาชนได้อะไร เมื่อมองทั้งกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แท้จริงพวกเขาเป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ ลัทธิที่ยึดเอากฎหมายมาเป็นจุดมุ่งหมายในการปกครอง ซึ่งก็คือยึดเอาอำนาจมาใช้กับประชาชนนั่นเอง ความคิดของพวกเขา คิดที่จะปกครองผู้อื่นโดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือเพียงอย่างเดียว พวกเขาจึงคิดผิด คิดไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริงของชาติ ดังนั้นการกระทำใดๆ นโยบายใดๆ ของพวกเขา ย่อมไม่สำเร็จใดๆ ทั้งสิ้นต่อชาติและประชาชน แต่เป็นความสำเร็จ ร่ำรวยของพวกผู้ปกครองที่ได้ค่าคอมมิชชัน 30-35%หรือคอร์รัปชันเชิงนโยบายจากงบประมาณมหาศาล
สภาพการณ์ที่แท้จริงของชาติเป็นการเมืองการปกครองแบบเผด็จการ โดยรัฐธรรมนูญ รัฐบาลภายใต้การเมืองการปกครองแบบเผด็จการ จะเอื้ออำนวยประโยชน์ให้แก่ประชาชนไม่เกิน 25% ของปวงชนในชาติและส่วนใหญ่ที่ได้ประโยชน์มักจะเป็นพวกพ่อค้านายทุนที่สนับสนุนรัฐบาล
สภาพการณ์ของการเมืองการปกครองเป็นเผด็จการ ย่อมมีกลุ่มมวลชนในรูปแบบต่างๆ ออกมาเรียกร้องทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจกันอย่างไม่หยุดหย่อน มันน่าแปลกไหมพวกเขาบอกว่าบ้านเมืองเราเป็นประชาธิปไตยมาแล้ว 78 ปี แต่ขณะเดียวกันก็มีขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตย เช่น มวลชนเสื้อแดง แต่จริงๆ แล้ว มวลชนเสื้อแดงก็เป็นพวกเผด็จการ อีกฝ่ายหนึ่งที่ไม่เอาเจ้า ดูได้จากไหน ขบวนการเผด็จการทุกชนิดจะไม่กล้าเปิดเผยหลักการของตนเอง เปิดเผยไม่ได้ ขบวนการประชาธิปไตยที่แท้จริง จะเปิดเผยหลักการปกครองอย่างตรงไปตรงมา ว่ามีอะไรบ้าง กลุ่มมวลชนใดไม่เปิดเผยหลักการปกครองฯ กลุ่มมวลชนนั้นไม่ได้เชิดชูระบอบประชาธิปไตยจริงๆ
ในสภาพการณ์ที่แท้จริงเป็นเผด็จการ การเรียกร้อง การชุมนุมทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นลัทธิใดๆ ก็ตาม เช่น รัฐบาลที่เป็นผู้ปกครองอยู่นั้น ย่อมตกเป็นฝ่ายรับทางการเมือง ตัวอย่างในอดีต รัฐบาลเผด็จการรัฐธรรมนูญ ปี 40 โดยทักษิณ ชินวัตร ได้ตกเป็นฝ่ายรับทางการเมืองของกลุ่มมวลชนพันธมิตรฯ และถูกรัฐประหารโค่นรัฐบาลทักษิณ ลงได้ในที่สุด
มันน่าเสียดายเป็นที่สุด ที่รัฐบาลของคณะรัฐประหาร โดยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ กลับรักษาและสร้างระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 50
สมมติว่าหากรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ ก่อนอื่นใดมีนโยบายขอพระราชทานหลักการปกครองโดยธรรม (หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9) ตามที่ได้แนะนำรัฐบาลไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ด้วยการออกพระราชกฤษฎีกา จากนั้นรัฐบาลก็นำไปประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้อย่างทั่วถึง พร้อมๆ กับรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยร่างสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกับหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เพียงเท่านี้ สภาพการณ์ของการเมืองไทยก็จะหลุดพ้นจากสภาพการณ์ที่เป็นเผด็จการรัฐธรรมนูญ นับหนึ่งถูกต้องยิ่งใหญ่ขึ้นมาทันที แต่พลเอกสุรยุทธ์ ท่านไม่มีปัญญา และใช้คนเก่าๆ ความคิดเก่าๆ ที่เป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญมาร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ก็ทำให้ผู้คนจำนวนมากที่เข้าใจผิดและหลงยึดรัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญเผด็จการอีกฉบับหนึ่งเฉกเช่นรัฐธรรมนูญฉบับอื่นๆ
รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เช่นเดียวกัน เป็นรัฐบาลมา 2 ปีกว่า ก็คิดทำแต่ปัญหาปลายเหตุ ออกนโยบายมาก็เพื่อคะแนนเสียงของตัวเอง พวกเขาไม่ได้รู้ไม่ได้สำนึกเลยว่า กำลังนำพาประเทศชาติไปสู่ความหายนะมากขึ้น ประชาชนเดือดร้อนมากขึ้นๆ มวลชนต่างๆ ก็จะเพิ่มมากขึ้นๆ และมวลชนกลุ่มต่างๆ ก็จะกลายเป็นกำลังทางยุทธวิธีให้กับพวกเสื้อแดง ทั้งนี้เพราะมวลชนเสื้อแดงเป็นกลุ่มมวลชนหลักที่ใหญ่กว่า ทุนมากกว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นกลุ่มมวลชนการเมืองที่แย้งต่อสถาบันหลักของชาติ ก็ตาม
ดังนั้น รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มัวแต่แก้ปัญหาปลายเหตุ ยังคงรักษาเงื่อนไขเผด็จการอยู่ ก็จะกลายเป็นว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ ตกเป็นฝ่ายรับทางการเมืองและเป็นแนวร่วมมุมกลับ เป็นกำลังทางยุทธวิธีให้กับกลุ่มมวลชนแดงโค่นสถาบันหลักของชาติให้เร็วมากขึ้น สถาบันหลักของชาติ สถาบันองคมนตรีที่สนับสนุนรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เท่ากับว่าส่งเสริมรัฐบาลให้ทำผิดต่อสถาบันหลักของชาติและปวงชนในชาติ นั่นเอง
พสกนิกรผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยแท้ จะทำอย่างไรต่อสภาพการณ์เผด็จการรัฐธรรมนูญเช่นนี้ มีทางเดียวคือ รู้รักสามัคคีธรรมร่วมใจกันอย่างมีปัญญาดำเนินการขอพระราชทานหลักการปกครองโดยธรรม (ธรรมาธิปไตย9) “ทรงพระเจริญ ขอพระราชทานหลักการปกครองโดยธรรม” เพื่อรุกกลับทางการเมืองของฝ่ายแดงและขจัดเงื่อนไขเผด็จการลงทั้งหมด รวมทั้งปัญหารุนแรง 3 จังหวัดภาคใต้ก็จะหมดเงื่อนไขไปด้วย
รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เช่นเดียวกันไม่รู้สภาพการณ์ที่แท้จริงของชาติ ทั้งยังเห็นผิดว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยแล้ว นี่คือความเห็นผิดที่ไม่ตรงกับสภาพการณ์ที่เป็นจริงของชาติ ถามว่ารัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 มาตราประชาชนได้อะไร เมื่อมองทั้งกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แท้จริงพวกเขาเป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ ลัทธิที่ยึดเอากฎหมายมาเป็นจุดมุ่งหมายในการปกครอง ซึ่งก็คือยึดเอาอำนาจมาใช้กับประชาชนนั่นเอง ความคิดของพวกเขา คิดที่จะปกครองผู้อื่นโดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือเพียงอย่างเดียว พวกเขาจึงคิดผิด คิดไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริงของชาติ ดังนั้นการกระทำใดๆ นโยบายใดๆ ของพวกเขา ย่อมไม่สำเร็จใดๆ ทั้งสิ้นต่อชาติและประชาชน แต่เป็นความสำเร็จ ร่ำรวยของพวกผู้ปกครองที่ได้ค่าคอมมิชชัน 30-35%หรือคอร์รัปชันเชิงนโยบายจากงบประมาณมหาศาล
สภาพการณ์ที่แท้จริงของชาติเป็นการเมืองการปกครองแบบเผด็จการ โดยรัฐธรรมนูญ รัฐบาลภายใต้การเมืองการปกครองแบบเผด็จการ จะเอื้ออำนวยประโยชน์ให้แก่ประชาชนไม่เกิน 25% ของปวงชนในชาติและส่วนใหญ่ที่ได้ประโยชน์มักจะเป็นพวกพ่อค้านายทุนที่สนับสนุนรัฐบาล
สภาพการณ์ของการเมืองการปกครองเป็นเผด็จการ ย่อมมีกลุ่มมวลชนในรูปแบบต่างๆ ออกมาเรียกร้องทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจกันอย่างไม่หยุดหย่อน มันน่าแปลกไหมพวกเขาบอกว่าบ้านเมืองเราเป็นประชาธิปไตยมาแล้ว 78 ปี แต่ขณะเดียวกันก็มีขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตย เช่น มวลชนเสื้อแดง แต่จริงๆ แล้ว มวลชนเสื้อแดงก็เป็นพวกเผด็จการ อีกฝ่ายหนึ่งที่ไม่เอาเจ้า ดูได้จากไหน ขบวนการเผด็จการทุกชนิดจะไม่กล้าเปิดเผยหลักการของตนเอง เปิดเผยไม่ได้ ขบวนการประชาธิปไตยที่แท้จริง จะเปิดเผยหลักการปกครองอย่างตรงไปตรงมา ว่ามีอะไรบ้าง กลุ่มมวลชนใดไม่เปิดเผยหลักการปกครองฯ กลุ่มมวลชนนั้นไม่ได้เชิดชูระบอบประชาธิปไตยจริงๆ
ในสภาพการณ์ที่แท้จริงเป็นเผด็จการ การเรียกร้อง การชุมนุมทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นลัทธิใดๆ ก็ตาม เช่น รัฐบาลที่เป็นผู้ปกครองอยู่นั้น ย่อมตกเป็นฝ่ายรับทางการเมือง ตัวอย่างในอดีต รัฐบาลเผด็จการรัฐธรรมนูญ ปี 40 โดยทักษิณ ชินวัตร ได้ตกเป็นฝ่ายรับทางการเมืองของกลุ่มมวลชนพันธมิตรฯ และถูกรัฐประหารโค่นรัฐบาลทักษิณ ลงได้ในที่สุด
มันน่าเสียดายเป็นที่สุด ที่รัฐบาลของคณะรัฐประหาร โดยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ กลับรักษาและสร้างระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 50
สมมติว่าหากรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ ก่อนอื่นใดมีนโยบายขอพระราชทานหลักการปกครองโดยธรรม (หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9) ตามที่ได้แนะนำรัฐบาลไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ด้วยการออกพระราชกฤษฎีกา จากนั้นรัฐบาลก็นำไปประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้อย่างทั่วถึง พร้อมๆ กับรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยร่างสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกับหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เพียงเท่านี้ สภาพการณ์ของการเมืองไทยก็จะหลุดพ้นจากสภาพการณ์ที่เป็นเผด็จการรัฐธรรมนูญ นับหนึ่งถูกต้องยิ่งใหญ่ขึ้นมาทันที แต่พลเอกสุรยุทธ์ ท่านไม่มีปัญญา และใช้คนเก่าๆ ความคิดเก่าๆ ที่เป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญมาร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ก็ทำให้ผู้คนจำนวนมากที่เข้าใจผิดและหลงยึดรัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญเผด็จการอีกฉบับหนึ่งเฉกเช่นรัฐธรรมนูญฉบับอื่นๆ
รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เช่นเดียวกัน เป็นรัฐบาลมา 2 ปีกว่า ก็คิดทำแต่ปัญหาปลายเหตุ ออกนโยบายมาก็เพื่อคะแนนเสียงของตัวเอง พวกเขาไม่ได้รู้ไม่ได้สำนึกเลยว่า กำลังนำพาประเทศชาติไปสู่ความหายนะมากขึ้น ประชาชนเดือดร้อนมากขึ้นๆ มวลชนต่างๆ ก็จะเพิ่มมากขึ้นๆ และมวลชนกลุ่มต่างๆ ก็จะกลายเป็นกำลังทางยุทธวิธีให้กับพวกเสื้อแดง ทั้งนี้เพราะมวลชนเสื้อแดงเป็นกลุ่มมวลชนหลักที่ใหญ่กว่า ทุนมากกว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นกลุ่มมวลชนการเมืองที่แย้งต่อสถาบันหลักของชาติ ก็ตาม
ดังนั้น รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มัวแต่แก้ปัญหาปลายเหตุ ยังคงรักษาเงื่อนไขเผด็จการอยู่ ก็จะกลายเป็นว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ ตกเป็นฝ่ายรับทางการเมืองและเป็นแนวร่วมมุมกลับ เป็นกำลังทางยุทธวิธีให้กับกลุ่มมวลชนแดงโค่นสถาบันหลักของชาติให้เร็วมากขึ้น สถาบันหลักของชาติ สถาบันองคมนตรีที่สนับสนุนรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เท่ากับว่าส่งเสริมรัฐบาลให้ทำผิดต่อสถาบันหลักของชาติและปวงชนในชาติ นั่นเอง
พสกนิกรผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยแท้ จะทำอย่างไรต่อสภาพการณ์เผด็จการรัฐธรรมนูญเช่นนี้ มีทางเดียวคือ รู้รักสามัคคีธรรมร่วมใจกันอย่างมีปัญญาดำเนินการขอพระราชทานหลักการปกครองโดยธรรม (ธรรมาธิปไตย9) “ทรงพระเจริญ ขอพระราชทานหลักการปกครองโดยธรรม” เพื่อรุกกลับทางการเมืองของฝ่ายแดงและขจัดเงื่อนไขเผด็จการลงทั้งหมด รวมทั้งปัญหารุนแรง 3 จังหวัดภาคใต้ก็จะหมดเงื่อนไขไปด้วย
