นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัย กล่าวถึงกรณีที่ส.ส.จะแปรญัตติให้ลดวันเลือกตั้งล่วงหน้าเหลือเพียงหนึ่งวันว่า ตนเห็นว่าไม่ควรที่จะมีการเลือกตั้งล่วงหน้าก็ได้ เพราะไม้รู้ว่าจะมีไปทำไม ตนเห็นว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นช่องโหว่ของการทุจริตการเลือกตั้งมากกว่า เช่น การขนคนไปลงคะแนน นอกจากนี้ยังมีเรื่องร้องเรียนในเรื่องของการนับคะแนน ที่อาจจะมีการเปลี่ยนหีบเลือกตั้งได้ จึงเห็นว่าไม่ควรมีจะดีเสียกว่า
นายสมชัย ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางได้วางยุทธศาสตร์โดยการที่จะนำอำนาจของ กกต.ที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งที่ให้กกต.สามารถให้ ใบเหลือง-ใบแดง ได้ก่อนประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ซึ่งในช่วงนี้กกต.มีอำนาจ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 239 เพราะหากประกาศรับรองผลไปแล้ว มาสอยที่หลังผู้สมัครบางคน ที่ได้รับรองให้เป็นส.ส. ก็อาจจะใช้อำนาจในการเป็นส.ส. และไม่เกรงกลัวกกต. เพราะเมื่อไปศาลแล้วเวลาพิจารณาก็จะเคร่งครัด โดยต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนมากกว่า กกต. และเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายต่อสู้ได้เต็มที่
อย่างไรก็ตาม หากกกต.จะให้ใบแดงก่อนประกาศรับรองผล ก็คงต้องไม่เกิน 25 ใบ แต่ถ้ามีมากกว่า 25 ใบก็คงต้องปล่อยไปก่อน แล้วสอยที่หลัง เพราะต้องให้มีการประชุมสภา ซึ่งมาตรา 127 ของรัฐธรรมนูญระบุว่าภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้งส.ส.ให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรก
" ตอนนี้เรายังบอกไม่ได้ว่า เรามียุทธศาสตร์กันอย่างไร เพราะการจับส.ส.ไม่ใช่เรื่องง่าย เราป้องปรามแล้ว แต่เขาก็ไปใช้วิธีอื่น ถ้าบอกไปก่อนตอนนี้ก็จะเป็นช่องทางให้นักการเมืองไปหาทางเอาเปรียบ หลบหลีกเราก็จะทำงานอยากขึ้น แต่ถึงอย่างไร เราก็ได้เตรียมความพร้อมโดยจัดเตรียมเจ้าหน้า พนักงานสืบสวนสอบสวนทั่วประเทศกว่า 2 พันคน และขณะนี้ก็ทราบมาว่าเริ่มมีกระบวนการทุจริต การเลือกตั้งบ้างแล้ว แต่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ก็ยังทำอะไรไม่ได้ แต่ กกต.เองก็จะเก็บข้อมูลเพื่อเอาประกอบการวินิจฉัย แต่หากมีก็จะเอาข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณาร่วมด้วย ส่วนที่มีความเป็นห่วงในเรื่องของการใช้อินเตอร์เน็ตในการใส่ร้ายป้ายสีผู้สมัคร ยอมรับว่าเรื่องนี้การตรวจสอบค่อนข้างลำบาก ต้องอาศัยคู่แข่งขันรวบรวมหลักฐานนำข้อมูลมาให้กับกกต. " นายสมชัย กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคการเมืองบางพรรคที่เป็นพรรครัฐบาล ระบุว่า มั่นใจว่าได้เสียง 70-80 เสียง ในการเลือกตั้งครั้งนี้ กกต.ห่วงความเป็นกลางของข้าราชการหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า เป็นห่วงมาก กลัวว่าเจ้าหน้าที่จะวางตัวไม่เป็นกลางจริงๆ ในช่วงการเลือกตั้ง และขณะนี้ก็มีความเคลื่อนไหวของข้าราชการบางกลุ่มแล้ว จึงขอฝากไปยังข้าราชการทุกคน ควรวางตัวให้เป็นกลาง ซึ่งเราก็ตั้งศูนย์ปฏิบัติการข่าวหาข้อมูล และจับตาการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่วางตัวไม่เป็นกลาง หากพบว่ามีการทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง ก็จะมีโทษทั้งวินัยและอาญาด้วย ตามมาตรา 74 วรรค2 ของรัฐธรรมนูญ ที่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวให้เป็นกลางทางการเมือง
"ขอฝากข้าราชการทุกคนไว้ว่า ประเทศชาติต้องมาก่อนตำแหน่ง ส่วนเจ้าหน้าที่ กกต. ที่กกต.แต่งตั้งเขามาช่วยเหลืองานเลือกตั้งของกกต. ก่อนหน้านี้ ก็ได้รับเรื่องร้องเรียนมาเยอะว่า เข้าไปเอื้อประโยชน์ให้พรรคกาารเมือง ซึ่งเป็นห่วงในเรื่องนี้มาก" นายสมชัยกล่าว
เมื่อถามว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ระบุว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีประมาณ 50 เขตเลือกตั้งจะมีการแข่งขันมีความรุนแรงมาก รวมถึงกลุ่มผู้มีอิทธิพลด้วย นายสมชัย กล่าวว่า เรื่องความรุนแรงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง การยิงกันหรือฆ่ากันตาย ก็ใช้กฎหมายบ้านเมือง ไม่ใช่กฎหมายเลือกตั้ง แต่ในส่วนของกกต. จะดูแลไม่ให้ทำผิดฎหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด
นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องไปยังองค์กรที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง อาทิ กกต. ต้องยึดหลักพิจารณาผู้ถูกร้องเรียนด้วยหลัก" เชื่อได้ว่ามีความผิด" ตามที่กฎหมายลูกกำหนด อย่าไปยึดพยานหลักฐานแบบกระบวนการปกติ และขอเรียกร้องให้ตำรวจต้องจับผู้ซื้อเสียงทุกกรณี เพราะตนในฐานะเป็นประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ พบว่า ตำรวจ 80-90 % มีข้อเสียคือไม่จับฝ่ายใด โดยอ้างว่าเป็นเรื่องการเมือง และกลัวว่าจะเดือดร้อนเวลาฝ่ายไหนขึ้นมามีอำนาจ ซึ่งเป็นทัศนคติไม่ถูกต้องเพราะการซื้อเสียงมีความผิดทางอาญา และขอเรียกร้องข้าราชการวางตัวเป็นกลาง เหล่านี้ถ้าทำได้ความเชื่อมั่นจะกลับมา
นายสมชัย ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางได้วางยุทธศาสตร์โดยการที่จะนำอำนาจของ กกต.ที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งที่ให้กกต.สามารถให้ ใบเหลือง-ใบแดง ได้ก่อนประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ซึ่งในช่วงนี้กกต.มีอำนาจ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 239 เพราะหากประกาศรับรองผลไปแล้ว มาสอยที่หลังผู้สมัครบางคน ที่ได้รับรองให้เป็นส.ส. ก็อาจจะใช้อำนาจในการเป็นส.ส. และไม่เกรงกลัวกกต. เพราะเมื่อไปศาลแล้วเวลาพิจารณาก็จะเคร่งครัด โดยต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนมากกว่า กกต. และเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายต่อสู้ได้เต็มที่
อย่างไรก็ตาม หากกกต.จะให้ใบแดงก่อนประกาศรับรองผล ก็คงต้องไม่เกิน 25 ใบ แต่ถ้ามีมากกว่า 25 ใบก็คงต้องปล่อยไปก่อน แล้วสอยที่หลัง เพราะต้องให้มีการประชุมสภา ซึ่งมาตรา 127 ของรัฐธรรมนูญระบุว่าภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้งส.ส.ให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรก
" ตอนนี้เรายังบอกไม่ได้ว่า เรามียุทธศาสตร์กันอย่างไร เพราะการจับส.ส.ไม่ใช่เรื่องง่าย เราป้องปรามแล้ว แต่เขาก็ไปใช้วิธีอื่น ถ้าบอกไปก่อนตอนนี้ก็จะเป็นช่องทางให้นักการเมืองไปหาทางเอาเปรียบ หลบหลีกเราก็จะทำงานอยากขึ้น แต่ถึงอย่างไร เราก็ได้เตรียมความพร้อมโดยจัดเตรียมเจ้าหน้า พนักงานสืบสวนสอบสวนทั่วประเทศกว่า 2 พันคน และขณะนี้ก็ทราบมาว่าเริ่มมีกระบวนการทุจริต การเลือกตั้งบ้างแล้ว แต่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ก็ยังทำอะไรไม่ได้ แต่ กกต.เองก็จะเก็บข้อมูลเพื่อเอาประกอบการวินิจฉัย แต่หากมีก็จะเอาข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณาร่วมด้วย ส่วนที่มีความเป็นห่วงในเรื่องของการใช้อินเตอร์เน็ตในการใส่ร้ายป้ายสีผู้สมัคร ยอมรับว่าเรื่องนี้การตรวจสอบค่อนข้างลำบาก ต้องอาศัยคู่แข่งขันรวบรวมหลักฐานนำข้อมูลมาให้กับกกต. " นายสมชัย กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคการเมืองบางพรรคที่เป็นพรรครัฐบาล ระบุว่า มั่นใจว่าได้เสียง 70-80 เสียง ในการเลือกตั้งครั้งนี้ กกต.ห่วงความเป็นกลางของข้าราชการหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า เป็นห่วงมาก กลัวว่าเจ้าหน้าที่จะวางตัวไม่เป็นกลางจริงๆ ในช่วงการเลือกตั้ง และขณะนี้ก็มีความเคลื่อนไหวของข้าราชการบางกลุ่มแล้ว จึงขอฝากไปยังข้าราชการทุกคน ควรวางตัวให้เป็นกลาง ซึ่งเราก็ตั้งศูนย์ปฏิบัติการข่าวหาข้อมูล และจับตาการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่วางตัวไม่เป็นกลาง หากพบว่ามีการทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง ก็จะมีโทษทั้งวินัยและอาญาด้วย ตามมาตรา 74 วรรค2 ของรัฐธรรมนูญ ที่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวให้เป็นกลางทางการเมือง
"ขอฝากข้าราชการทุกคนไว้ว่า ประเทศชาติต้องมาก่อนตำแหน่ง ส่วนเจ้าหน้าที่ กกต. ที่กกต.แต่งตั้งเขามาช่วยเหลืองานเลือกตั้งของกกต. ก่อนหน้านี้ ก็ได้รับเรื่องร้องเรียนมาเยอะว่า เข้าไปเอื้อประโยชน์ให้พรรคกาารเมือง ซึ่งเป็นห่วงในเรื่องนี้มาก" นายสมชัยกล่าว
เมื่อถามว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ระบุว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีประมาณ 50 เขตเลือกตั้งจะมีการแข่งขันมีความรุนแรงมาก รวมถึงกลุ่มผู้มีอิทธิพลด้วย นายสมชัย กล่าวว่า เรื่องความรุนแรงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง การยิงกันหรือฆ่ากันตาย ก็ใช้กฎหมายบ้านเมือง ไม่ใช่กฎหมายเลือกตั้ง แต่ในส่วนของกกต. จะดูแลไม่ให้ทำผิดฎหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด
นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องไปยังองค์กรที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง อาทิ กกต. ต้องยึดหลักพิจารณาผู้ถูกร้องเรียนด้วยหลัก" เชื่อได้ว่ามีความผิด" ตามที่กฎหมายลูกกำหนด อย่าไปยึดพยานหลักฐานแบบกระบวนการปกติ และขอเรียกร้องให้ตำรวจต้องจับผู้ซื้อเสียงทุกกรณี เพราะตนในฐานะเป็นประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ พบว่า ตำรวจ 80-90 % มีข้อเสียคือไม่จับฝ่ายใด โดยอ้างว่าเป็นเรื่องการเมือง และกลัวว่าจะเดือดร้อนเวลาฝ่ายไหนขึ้นมามีอำนาจ ซึ่งเป็นทัศนคติไม่ถูกต้องเพราะการซื้อเสียงมีความผิดทางอาญา และขอเรียกร้องข้าราชการวางตัวเป็นกลาง เหล่านี้ถ้าทำได้ความเชื่อมั่นจะกลับมา