“สอดแนมการเมือง”
โดย…ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
เลือกตั้ง..ใช้เงินซื้อเสียง คือ ประชาธิปไตยจอมปลอม แถมยังผิดกฏหมายและเป็นอันตรายร้ายแรงต่อระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข!
ประเทศไทยมีการเลือกตั้งและมีการใช้เงินซื้อเสียงมาโดยตลอด แต่นักการเมืองกำมะลอและสื่อมวลชนชั่ว กลับโกหกหลอกลวงผู้คนอย่างหน้าด้านๆโดยไม่รับผิดชอบว่า การ“เลือกตั้งสกปรก”ที่มิใช่ประชาธิปไตย..กลายกลับเป็นประชาธิปไตย..ไปเสียฉิบ..
ตรงกันข้าม..การซื้อเสียง-การโกง-การใช้อิทธิพลเถื่อน เพื่อมุ่งเอาชนะการเลือกตั้งสถานเดียวนั้น ยังเป็นเรื่องผิดกฏหมายบ้านเมือง และเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างร้ายแรงอีกด้วย
การใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้งจากประชาชน ถือเป็นการซื้อหรือยึดอำนาจรัฐอย่างฉ้อฉล และนักธุรกิจการเมืองในคราบนักการเมืองกำมะลอ จะต้องคอร์รัปชั่นถอนทุนบวกกำไรเข้ากระเป๋าตนและพวกพ้องโดยเร็วที่สุด เพื่อเก็บเงินโกงชาติไว้ซื้อเสียงผู้คนในการเลือกตั้งครั้งใหม่ครับ
ผลของการกระทำชั่วของนักการเมืองกำมะลออย่างต่อเนื่อง ได้ทำให้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน อ่อนแอง่อนแง่นลงอย่างเห็นได้ชัด!
ทุกวันนี้..นักธุรกิจรวยทรัพย์กับผู้มีอิทธิพลเถื่อน ทั้งในเมืองหลวงและท้องถิ่นต่างรับรู้กันอย่างกว้างขวางว่า การลงทุนในธุรกิจการเมืองนั้น..คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง เพราะทั้งคืนทุนเร็ว..แถมยังทำกำไรได้มากมายอย่างชนิด..เหลือเชื่อ
ที่สำคัญ..เหตุผลอีกหลายมิติ ที่ชวนให้นักธุรกิจการเมืองกับผู้มีอิทธิพลเถื่อนทั้งหลาย ก้าวเข้ามาทำมาหากินกับ“ขุมทรัพย์ชาติไทย”อย่างมากมาย ก็คือ
การใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้งจากประชาชนคนไทย ทั้งในเมืองและชนบทนั้น..ทำได้โดยไม่ยาก รวมทั้งการซื้อตัวสส.ที่มีระบบหัวคะแนนและการซื้อเสียงดีนั้น แม้ราคาต่อสส.หนึ่งคนจะสูงถึง 60 ล้านบาท และยังไม่รวมเงินซื้อเสียงเลือกตั้งที่ต้องใช้ต่อเขตอีกไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท
ทว่า..เมื่อนำมาคำนวนบวก-ลบ-คูณ-หารกับรายได้ในทางธุรกิจแล้ว บรรดานักลงทุนทางการเมืองก็ยังมั่นใจว่า การลงทุนนี้..ยังคุ้มค่าน่าลงทุนอยู่ดี
กอร์ปกับองค์กรกำกับการเลือกตั้งอย่างกกต. ก็ไม่เคยทำให้การเลือกตั้งชาติไทยที่ผ่านมาบริสุทธิ์ยุติธรรมได้เลย เพราะกกต.อ่อนแอไร้ประสิทธิภาพ ในการกำจัดหรือลงโทษพวกนักการเมืองกำมะลอ ที่ใช้เงินซื้อเสียงเพื่อเอาชนะคู่แข่งทางการเมืองเข้าสู่รัฐสภา!
ความผิดของกกต.นี่แหละ ที่ทำให้ชาติไทยได้สส.และสว.เลว ไร้ทั้งศีลธรรม-คุณธรรม-จริยธรรม-ความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งผู้คนในองค์กรกกต.ทุกคนต้องรับผิดชอบโดยตรง ต่อความเสียหายอย่างร้ายแรงของประเทศไทยในยามนี้!!
ที่สำคัญ..ถ้อยอมตะของใครคนหนึ่งที่ชี้ว่า ชนใดเขียนกฏหมาย..กลุ่มชนนั้น..ย่อมได้ประโยชน์จากกฏหมายที่กลุ่มตนเขียนขึ้น
นักธุรกิจซื้อเสียงเลือกตั้งที่เป็นนักการเมืองกำมะลอ ได้เขียนกฏหมายลงโทษการซื้อเสียงเลือกตั้ง อีกทั้งการใช้อำนาจรัฐคอร์รัปชั่นเงินงบประมาณแผ่นดิน ด้วยบทลงโทษที่เบาโหวงและยากต่อการเอาผิดอีกต่างหาก
นั่นทำให้กระบวนการยุติธรรมของไทย เอาผิดต่อนักการเมืองกำมะลอได้ไม่กี่คน ทั้งๆ ที่มีนักการเมืองกำมะลอมากมายทำผิดอุกฉกรรจ์ แต่ส่วนใหญ่คนชั่วเหล่านั้นกลับรอดพ้นจากความผิดหรือกลไกรัฐยังเอาผิดต่อพวกเขาไม่ได้เลยจนทุกวันนี้
ยิ่งกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำอย่าง..ตำรวจ ที่มีนายตำรวจใหญ่หลายคนยอมตนไปรับใช้นักการเมืองกำมะลอ โดยไม่สนใจในผิด-ชอบ-ชั่ว-ดีใดๆทั้งสิ้น นั่นทำให้กระบวนการยุติธรรมต้นน้ำของตำรวจ กลายเป็นเครื่องมืออธรรมในการทำร้ายคนดีในสังคม ด้วยการยัดเยียดข้อหาเกินจริงให้กับการเคลื่อนไหวอันชอบธรรมของภาคประชาชน
แต่ในขณะเดียวกันภายใต้การ“ปรองดอง”อันจอมปลอมของรัฐบาลนี้ ตำรวจกลับไม่ยอมลงโทษบรรดาผู้ก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมือง ที่ฆ่าทหารและประชาชนกลางเมืองหลวง ซึ่งทักษิณกับพลพรรคร่วมปฏิบัติการกันอย่างโจ่งแจ้งถึง 2 ครั้ง 2 ครา
แถมรัฐบาลอภิสิทธิ์ยังให้รองนายกฯ“หนั่น-หูกาง” กับ“ตำรวจใหญ่”คนหนึ่งไปให้การต่อศาล..ว่า พลพรรคทักษิณชุมนุมกันอย่างสันติปราศจากอาวุธ จนศาลฯได้ให้ประกันตัวแกนนำคนเสื้อแดงทั้ง 9 คน
หลังจากนั้น..ผู้คนที่ถูกรัฐบาลอภิสิทธิ์ออกหมายจับ ในข้อหาเป็นผู้ก่อการร้ายและล้มเจ้าอีกมากมายหลายคน ที่หลบหนีคดีความก็ทยอยออกจากที่ซ่อนมามอบตัวกันเป็นทิวแถว โดยรัฐบาลได้ให้ประกันตัวคนเหล่านั้นอย่างถ้วนทั่ว บางคนยังได้รับอิสระภาพโดยไม่ต้องใช้เงินประกันตัวแม้แต่บาทเดียวอีกด้วย!
งานนี้..แสดงให้เห็นถึงธาตุแท้บรรดานักการเมืองกำมะลอ ที่ไม่เคยแยแสในสิ่งถูกและผิดใดๆทั้งสิ้น เพราะยึดถือแต่ตำรา“ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร” รวมทั้งผลประโยชน์ของตนและพวกพ้องเป็นที่ตั้ง..จริงไหม?
ดังนั้น..สรุปแบบฟันธงได้ว่า..พรรคก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมืองนั้น..ผิดมหันต์อยู่แล้ว
แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์และพรรคปชป.ที่ละเลย-ขี้ขลาด-ขี้กลัว งอมืองอตีนไม่ยอม“ตัดไฟเสียแต่ต้นลม” ปล่อยให้เกิดการเผาบ้านเมือง-ก่อการร้าย ใช้อาวุธสงครามเข่นฆ่าทหารและประชาชนคนบริสุทธิ์ ให้ได้รับบาดเจ็บล้มตายมากมายคาเมืองหลวง
นอกจากรัฐบาลอภิสิทธิ์จะไม่ยอมลงโทษ พวกผู้ก่อการร้ายและล้มเจ้าที่ทำผิดตามกฏหมายอย่างจริงจังแล้ว ที่น่าตกใจคือ..รัฐบาลอภิสิทธิ์ยังดันจะใช้เงินภาษีของประชาชน ไปประกันตัวคนผิดเหล่านั้นอีกด้วย!
นั่นต้องถือว่า..รัฐบาลอภิสิทธิ์กับพรรคปชป.ทำความผิดมหันต์กว่า ผิดจนไม่อาจให้อภัยกันได้อีกต่อไป..จริงไหม..?
นักซื้อเสียงเลือกตั้งที่เข้ามาเป็นนักการเมืองกำมะลอ เพื่อยึดและใช้อำนาจรัฐอย่างฉ้อฉลกับการโกงกินบ้านเมืองอย่างไม่รู้จักพอ ด้วยกลยุทธยุบสภา..ให้มีการเลือกตั้ง(ใช้เงินซื้อเสียง)ด้วยข้ออ้างว่าเป็นประชาธิปไตย(จอมปลอม) ก่อนจะเข้าไปนั่งในรัฐสภา..เลือกนายกฯ..ตั้งรัฐบาลโกงกินบ้านเมืองกระทำกันมาโดยตลอดนั้น
ได้กลายเป็นวงจรอุบาทว์ซ้ำซากทางการเมือง ที่นักซื้อเสียงเลือกตั้งหรือนักการเมืองกำมะลอสร้างขึ้น โดยมีสื่อมวลชนที่โหยหิวเงินช่วยโหมกระพือ โฆษณาชวนเชื่อการโป้ปดหลอกลวงนี้ ให้ผู้คนในสังคมหลงเชื่อว่า การใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้งหรือธนาธิปไตย ให้กลับกลายเป็นประชาธิปไตยไปเสียฉิบ..
เรียกว่า..นักการเมืองกำมะลอกับสื่อมวลชนชั่ว ที่เห็นแก่ลาภ-ยศ-เงินทองได้ก่อกรรมทำเข็ญให้ผู้คนในสังคมไทยหลงผิด ด้วยการทำเรื่องผิดให้เป็นกลายเป็นเรื่องถูก ทำเรื่องชั่วให้กลับกลายเป็นเรื่องดีอย่างไม่รับผิดชอบมาโดยตลอด
นักการเมืองกำมะลอขี้โกงทุกคน มักใช้การยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้ง เพื่อหวังจะซื้อเสียงผู้คนกลับมาเป็นรัฐบาลกันอีกครั้ง ทว่า..หากถูกประชาชนคนไทยร่วมใจกากบาท VOTE NO เกินกว่า 50% สังคมไทยก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทางการเมืองไปในหนทางที่ดีขึ้นอย่างสันติทันที
ประชาชนจึงต้องสั่งสอนนักการเมืองชั่ว และเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยด้วยการลงมือกากบาท VOTE NO ครับ..!!!
