ธุรกิจการเมือง..เป็นช่องทางธุรกิจที่คุ้มและน่าลงทุนที่สุดในประเทศไทยยามนี้!
หลายสิบปีที่ผ่านมา ผู้มากอิทธิพลและเงินตราทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น ต่างตบเท้าเข้ามาหากินกับธุรกิจการเมืองกันอย่างมากมาย ทำให้การเมืองไทยด้อยคุณภาพลงไปอย่างสุดกู่
ผู้มากอิทธิพลและเงินตราเข้ามาสู่ธุรกิจการเมือง ด้วยเหตุผล 4 ประการ นั่นคือหนึ่ง-การลงทุนในธุรกิจการเมืองนั้นคุ้มค่า เพราะคืนทุนเร็วและทำกำไรมากอย่างเหลือเชื่อสอง-วิธีใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้งคนจนเมืองและชนบท ยังเป็นช่องทางใหญ่ให้ทำกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีคู่แข่งที่มีอิทธิพลและเงินตราในเวทีการเมืองมากขึ้นก็ตามที
สาม-การควักเงินซื้อตัว ส.ส.ที่มีระบบการจัดตั้งหัวคะแนน และการซื้อเสียงเลือกตั้งเก่งๆ มาไว้ในกำมือนั้น ในเวทีการเมืองกำมะลอยังคงมี ส.ส.ขายตัวให้ซื้อมากมาย ขึ้นกับนายทุนพรรคการเมืองจะกำหนดว่า อยากให้พรรคของตนเล็ก-กลาง-ใหญ่ขนาดไหน หรือตามแต่ฐานะทางการเงินที่ตนและหุ้นส่วนจะลงทุน
แม้การซื้อตัว ส.ส.บางคนจะสูงถึง 60 ล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่รวมเงินซื้อเสียงผู้คนในเขตเลือกตั้ง ซึ่งต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทต่อหนึ่งเขตเลือกตั้ง แต่นักธุรกิจการเมืองก็ยังมองว่าคุ้มต่อการลงทุนครับ
สี่-องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งอย่าง กกต.ซึ่งผู้ปฏิบัติงานทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่น ส่วนใหญ่ยังหลงในลาภยศเงินทอง จนไม่อาจจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมได้ นักธุรกิจการเมืองที่ทรงอิทธิพลและเงินตรา ล้วนรู้ถึงช่องโหว่ที่จะได้มาซึ่ง ส.ส.นี้อย่างชัดแจ้ง
นั่นยิ่งทำให้การเลือกตั้งของชาติไทย มีการใช้อิทธิพลเถื่อน-การโกง-การซื้อเสียงด้วยเงินตรามากยิ่งขึ้น
ผลของความไร้ประสิทธิภาพจนขาดประสิทธิผลของ กกต.ทั้งส่วนกลางและต่างจังหวัด ได้ทำให้การเมืองไทยเผชิญวิกฤตการณ์อย่างร้ายแรงในยามนี้ นั่นคือ ชาติไทยได้ ส.ส.และส.ว.ส่วนใหญ่ที่ขาดจิตสำนึกที่ดี ไร้ความซื่อสัตย์สุจริต ขาดคุณธรรม-ศีลธรรม-จริยธรรม ไม่มีความรักชาติและประชาชนอย่างจริงใจ
ตรงกันข้ามชาติไทยกลับได้ ส.ส.และส.ว.ส่วนใหญ่ เต็มไปด้วยจิตสำนึกที่พร้อมจะโกงกินงบประมาณแผ่นดิน เรียกว่า ส.ส.และส.ว.กำมะลอพวกนี้ คอยจ้องแต่จะทำมาหากินบนความเดือดร้อนของชาติและประชาชนคนส่วนใหญ่ตลอดมา
ที่สำคัญก็คือ..ผู้มีอิทธิพลและมากเงินตราทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น ที่ซื้อเสียงเข้ามายึดอำนาจรัฐบังอาจเหิมเกริมถึงขั้นใช้อำนาจรัฐแอบไปสมคบ-สมยอม-จงใจ-ตั้งใจ ฯลฯ ยกผืนดินไทยให้กับกัมพูชาอย่างหน้าด้านๆ เพื่อแลกกับผลประโยชน์น้ำมันใต้ทะเลไทย-กัมพูชากันเลย
โดยรัฐบาล ชวน หลีกภัย ได้เซ็น MOU 2543 รับรองแผนที่ฯ 1 ต่อ 2 แสน ทำให้เกิดเส้นแบ่งเขตแดนทับซ้อนกินลึกเข้ามาในผืนแผ่นดินไทย อีกทั้งยังเปิดช่องให้ทหารเขมรยกกำลังเข้ามายึดดินแดนไทย ตั้งทั้งค่ายทหาร-หมู่บ้าน-วัด-ตลาด-สร้างถนนขนอาวุธ ฯลฯ
จนวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2554 ทหารกัมพูชาก็เปิดฉากยิงถล่มบ้านและสถานที่ราชการไทยจนวินาศสันตะโร ทำให้ประชาชนคนไทยต้องบาดเจ็บล้มตายไปจำนวนหนึ่ง โดยที่รัฐบาลไทยไม่ได้ดำเนินการใดๆ ในการจะขับไล่ทหารกัมพูชาให้พ้นไปจากผืนแผ่นดินไทยเลย
พิสูจน์ชัดว่า..รัฐบาลอภิสิทธิ์ที่มาจากการซื้อเสียงเลือกตั้ง เต็มไปด้วยนักธุรกิจการเมืองแวดล้อมรอบตัว ไร้จิตสำนึกในการรักชาติรักผืนแผ่นดินบรรพบุรุษ ยังคงปล่อยให้กัมพูชายึดดินแดนไทยต่อไปอย่างไม่มีกำหนด
ชาติและประชาชนกำลังเผชิญภัยร้ายแรง จากการเลือกตั้งที่มีการซื้อเสียงด้วยเงิน-การโกง-การใช้อิทธิพลเถื่อนอย่างเสรี ที่เป็นช่องทางให้คนชั่วสารพัดอาชีพเข้ามายึดอำนาจรัฐ ทำให้สังคมเดินไปหุบเหวแห่งความสามานย์ทั้งปวงดังทุกวันนี้
ประชาชนคนไทยต้องยุติการเลือกตั้งกำมะลอที่มิใช่ประชาธิปไตย ยุติบรรดาผู้มีอิทธิพลและมากเงินตราทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น ที่ซื้อเสียงเลือกตั้งเข้ามาบงการข้าราชการ ให้ร่วมกันโกงกินชาติบ้านเมืองอย่างไม่รู้จักพอกันเสียที
ร่วมกันยุติวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทย หรือประชาธิปไตยจอมปลอมที่ดำเนินมากว่าหลายสิบปีกันเสียที นั่นคือ
วงจร..นักธุรกิจการเมืองใช้เงินซื้อเสียงผู้คนในสนามเลือกตั้ง เพื่อเข้ายึดอำนาจรัฐอย่างฉ้อฉลไว้ในกำมือในฐานะรัฐบาล แล้วใช้อำนาจรัฐอธรรมนั้น..ถอนทุนบวกกำไร เข้ากระเป๋าตนและพวกพ้อง ด้วยการโกงกินงบประมาณชาติ-โกงราษฎร์-โกงหลวง เพื่อเก็บเงินที่โกงมาไว้ซื้อเสียงเลือกตั้งสำหรับการโกงกินครั้งใหม่อีกครา!
VOTE NO เป็นการใช้วิถีประชาธิปไตยของประชาชนอย่างสันติ เพื่อสั่งสอนพวกนักธุรกิจการเมืองทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง นายทุนพรรคการเมืองไทยไม่เคยส่งนักการเมืองที่ดีมาให้ประชาชนคนไทยได้เลือกสรรเลย มีแต่ไอ้พวกอัปรีย์-จัญไรใหญ่น้อยทั้งนั้น..ที่ส่งมาให้คนไทยกากบาทลงคะแนน!
หากประชาชนคนไทยร่วมลงมติ VOTE NO ไม่เลือกตัวแทนจากทุกพรรคการเมืองเกินกว่า 50% ก็เท่ากับ..มิติแห่งการเปลี่ยนแปลงการเมืองของชาติไทยอย่างสันติ ได้ถูกประชาชนคนไทย “เป่านกหวีด” แรกขึ้นแล้ว!!!
หลายสิบปีที่ผ่านมา ผู้มากอิทธิพลและเงินตราทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น ต่างตบเท้าเข้ามาหากินกับธุรกิจการเมืองกันอย่างมากมาย ทำให้การเมืองไทยด้อยคุณภาพลงไปอย่างสุดกู่
ผู้มากอิทธิพลและเงินตราเข้ามาสู่ธุรกิจการเมือง ด้วยเหตุผล 4 ประการ นั่นคือหนึ่ง-การลงทุนในธุรกิจการเมืองนั้นคุ้มค่า เพราะคืนทุนเร็วและทำกำไรมากอย่างเหลือเชื่อสอง-วิธีใช้เงินซื้อเสียงเลือกตั้งคนจนเมืองและชนบท ยังเป็นช่องทางใหญ่ให้ทำกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีคู่แข่งที่มีอิทธิพลและเงินตราในเวทีการเมืองมากขึ้นก็ตามที
สาม-การควักเงินซื้อตัว ส.ส.ที่มีระบบการจัดตั้งหัวคะแนน และการซื้อเสียงเลือกตั้งเก่งๆ มาไว้ในกำมือนั้น ในเวทีการเมืองกำมะลอยังคงมี ส.ส.ขายตัวให้ซื้อมากมาย ขึ้นกับนายทุนพรรคการเมืองจะกำหนดว่า อยากให้พรรคของตนเล็ก-กลาง-ใหญ่ขนาดไหน หรือตามแต่ฐานะทางการเงินที่ตนและหุ้นส่วนจะลงทุน
แม้การซื้อตัว ส.ส.บางคนจะสูงถึง 60 ล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่รวมเงินซื้อเสียงผู้คนในเขตเลือกตั้ง ซึ่งต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทต่อหนึ่งเขตเลือกตั้ง แต่นักธุรกิจการเมืองก็ยังมองว่าคุ้มต่อการลงทุนครับ
สี่-องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งอย่าง กกต.ซึ่งผู้ปฏิบัติงานทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่น ส่วนใหญ่ยังหลงในลาภยศเงินทอง จนไม่อาจจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมได้ นักธุรกิจการเมืองที่ทรงอิทธิพลและเงินตรา ล้วนรู้ถึงช่องโหว่ที่จะได้มาซึ่ง ส.ส.นี้อย่างชัดแจ้ง
นั่นยิ่งทำให้การเลือกตั้งของชาติไทย มีการใช้อิทธิพลเถื่อน-การโกง-การซื้อเสียงด้วยเงินตรามากยิ่งขึ้น
ผลของความไร้ประสิทธิภาพจนขาดประสิทธิผลของ กกต.ทั้งส่วนกลางและต่างจังหวัด ได้ทำให้การเมืองไทยเผชิญวิกฤตการณ์อย่างร้ายแรงในยามนี้ นั่นคือ ชาติไทยได้ ส.ส.และส.ว.ส่วนใหญ่ที่ขาดจิตสำนึกที่ดี ไร้ความซื่อสัตย์สุจริต ขาดคุณธรรม-ศีลธรรม-จริยธรรม ไม่มีความรักชาติและประชาชนอย่างจริงใจ
ตรงกันข้ามชาติไทยกลับได้ ส.ส.และส.ว.ส่วนใหญ่ เต็มไปด้วยจิตสำนึกที่พร้อมจะโกงกินงบประมาณแผ่นดิน เรียกว่า ส.ส.และส.ว.กำมะลอพวกนี้ คอยจ้องแต่จะทำมาหากินบนความเดือดร้อนของชาติและประชาชนคนส่วนใหญ่ตลอดมา
ที่สำคัญก็คือ..ผู้มีอิทธิพลและมากเงินตราทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น ที่ซื้อเสียงเข้ามายึดอำนาจรัฐบังอาจเหิมเกริมถึงขั้นใช้อำนาจรัฐแอบไปสมคบ-สมยอม-จงใจ-ตั้งใจ ฯลฯ ยกผืนดินไทยให้กับกัมพูชาอย่างหน้าด้านๆ เพื่อแลกกับผลประโยชน์น้ำมันใต้ทะเลไทย-กัมพูชากันเลย
โดยรัฐบาล ชวน หลีกภัย ได้เซ็น MOU 2543 รับรองแผนที่ฯ 1 ต่อ 2 แสน ทำให้เกิดเส้นแบ่งเขตแดนทับซ้อนกินลึกเข้ามาในผืนแผ่นดินไทย อีกทั้งยังเปิดช่องให้ทหารเขมรยกกำลังเข้ามายึดดินแดนไทย ตั้งทั้งค่ายทหาร-หมู่บ้าน-วัด-ตลาด-สร้างถนนขนอาวุธ ฯลฯ
จนวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2554 ทหารกัมพูชาก็เปิดฉากยิงถล่มบ้านและสถานที่ราชการไทยจนวินาศสันตะโร ทำให้ประชาชนคนไทยต้องบาดเจ็บล้มตายไปจำนวนหนึ่ง โดยที่รัฐบาลไทยไม่ได้ดำเนินการใดๆ ในการจะขับไล่ทหารกัมพูชาให้พ้นไปจากผืนแผ่นดินไทยเลย
พิสูจน์ชัดว่า..รัฐบาลอภิสิทธิ์ที่มาจากการซื้อเสียงเลือกตั้ง เต็มไปด้วยนักธุรกิจการเมืองแวดล้อมรอบตัว ไร้จิตสำนึกในการรักชาติรักผืนแผ่นดินบรรพบุรุษ ยังคงปล่อยให้กัมพูชายึดดินแดนไทยต่อไปอย่างไม่มีกำหนด
ชาติและประชาชนกำลังเผชิญภัยร้ายแรง จากการเลือกตั้งที่มีการซื้อเสียงด้วยเงิน-การโกง-การใช้อิทธิพลเถื่อนอย่างเสรี ที่เป็นช่องทางให้คนชั่วสารพัดอาชีพเข้ามายึดอำนาจรัฐ ทำให้สังคมเดินไปหุบเหวแห่งความสามานย์ทั้งปวงดังทุกวันนี้
ประชาชนคนไทยต้องยุติการเลือกตั้งกำมะลอที่มิใช่ประชาธิปไตย ยุติบรรดาผู้มีอิทธิพลและมากเงินตราทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น ที่ซื้อเสียงเลือกตั้งเข้ามาบงการข้าราชการ ให้ร่วมกันโกงกินชาติบ้านเมืองอย่างไม่รู้จักพอกันเสียที
ร่วมกันยุติวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทย หรือประชาธิปไตยจอมปลอมที่ดำเนินมากว่าหลายสิบปีกันเสียที นั่นคือ
วงจร..นักธุรกิจการเมืองใช้เงินซื้อเสียงผู้คนในสนามเลือกตั้ง เพื่อเข้ายึดอำนาจรัฐอย่างฉ้อฉลไว้ในกำมือในฐานะรัฐบาล แล้วใช้อำนาจรัฐอธรรมนั้น..ถอนทุนบวกกำไร เข้ากระเป๋าตนและพวกพ้อง ด้วยการโกงกินงบประมาณชาติ-โกงราษฎร์-โกงหลวง เพื่อเก็บเงินที่โกงมาไว้ซื้อเสียงเลือกตั้งสำหรับการโกงกินครั้งใหม่อีกครา!
VOTE NO เป็นการใช้วิถีประชาธิปไตยของประชาชนอย่างสันติ เพื่อสั่งสอนพวกนักธุรกิจการเมืองทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง นายทุนพรรคการเมืองไทยไม่เคยส่งนักการเมืองที่ดีมาให้ประชาชนคนไทยได้เลือกสรรเลย มีแต่ไอ้พวกอัปรีย์-จัญไรใหญ่น้อยทั้งนั้น..ที่ส่งมาให้คนไทยกากบาทลงคะแนน!
หากประชาชนคนไทยร่วมลงมติ VOTE NO ไม่เลือกตัวแทนจากทุกพรรคการเมืองเกินกว่า 50% ก็เท่ากับ..มิติแห่งการเปลี่ยนแปลงการเมืองของชาติไทยอย่างสันติ ได้ถูกประชาชนคนไทย “เป่านกหวีด” แรกขึ้นแล้ว!!!