ASTVผู้จัดการรายวัน-"แอร์พอร์ตลิงก์ "สุดห่วย หลังพบขบวนรถไฟฟ้าด่วน ( Express Line) หยุดวิ่งตั้งแต่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน แนวโน้มเปิดให้บริการล่าช้า แฉ! เบื้องหลังขาดงบประมาณจัดซื้ออะไหล่ จึงต้องถอดอะไหล่จากขบวนรถไฟฟ้าด่วนมาชดเชยขบวนรถไฟฟ้าธรรมดา ชี้หากไม่รีบแก้ปัญหาอาจต้องหยุดให้บริการ ผู้บริหารโบ้ยตัวรับกระแสไฟฟ้าพังก่อนกำหนด โยนบาปให้ " ซีเมนส์ " สุดชุ่ย ไม่มีสต๊อก สั่งซื้ออีก 3 วันคาดเปิดวิ่งได้เร็วสุดวันที่ 31 มี.ค. ด้าน ร.ฟ.ท.จ่อเรียกค่าเสียหายซีเมนส์ ทำขาดรายได้
จากกรณีที่ รถไฟฟ้าเชื่อมต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารในเมืองหรือแอร์พอร์ตลิงค์ ขบวนรถไฟฟ้าด่วน ( Express Line) ต้องหยุดวิ่งให้บริการตั้งแต่ วันที่ 27 มี.ค. 2554 ที่ผ่านมา โดยมีการให้บริการเฉพาะขบวนรถไฟฟ้าธรรมดา (City Line) เท่านั้น ทำให้ผู้โดยสารขบวน City Line มีความแออัดอย่างมาก
แหล่งข่าวระดับสูงจากแอร์พอร์ตลิงค์ กล่าวกับ " ASTVผู้จัดการรายวัน " ว่า เป็นปัญหาด้านเทคนิคที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์มากว่า 3 เดือน ได้เกิดปัญหากับขบวนรถไฟฟ้าที่ให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีงบประมาณในการจัดซื้ออะไหล่ที่จำเป็น เพื่อนำมาซ่อมบำรุงรักษาสภาพรถไฟฟ้าให้พร้อมใช้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพปัจจุบัน จำเป็นต้องงดให้บริการรถไฟฟ้าด่วนชั่วคราว เพื่อนำอะไหล่บางส่วนมาใช้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถไฟฟ้าธรรมดา
โดยการแก้ไขปัญหา ฝ่ายช่างของแอร์พอร์ตลิงก์ได้นำชิ้นส่วนอะไหล่ที่ใช้กับรถไฟฟ้าด่วนมาใส่ทดแทนรถไฟฟ้าธรรมดา เพื่อให้สามารถให้บริการได้ เช่น ผ้าเบรก จานเบรก และแผงคาบอนรับกระแสไฟฟ้า ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากในการเดินรถไฟฟ้า และจำเป็นต้องเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ซึ่งถ้าไม่มีอุปกรณ์เหล่านี้มาเปลี่ยน ก็จะส่งผลทำให้ไม่สามารถเดินรถไฟฟ้าตามปกติได้ โดยเฉพาะช่วงตั้งแต่วันพฤหัสบดี เป็นต้นมา ซึ่งเลยกำหนดที่แผงคาบอนรับกระแสไฟฟ้าจะต้องได้รับการเปลี่ยน ทำให้รถไฟฟ้าเสียขณะการให้บริการ และส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
"การถอดอะไหล่จากรถไฟฟ้าขบวนหนึ่งไปใส่อีกขบวนหนึ่งเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะไม่มีงบประมาณในการซ่อมบำรุง จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการแก้ปัญหาแบบนี้ เนื่องจากขบวนรถด่วนนั้นมีจำนวนผู้สารน้อย เฉลี่ย 500-600 คนต่อวัน มีรายได้เฉลี่ยน้อยกว่า 1 แสนบาทต่อวันเท่านั้น ซึ่งไม่คุ้มค่า แต่สิ่งที่ทำ เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกวิธี ขณะที่ กระทรวงคมนาคมก็นิ่งเฉยไม่แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น" แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ ขบวนรถมีปัญหาไม่สามารถนำรถไฟฟ้าออกให้บริการได้ จำนวน 5 ขบวน ประกอบไปด้วยรถไฟฟ้าด่วน 4 ขบวน และรถไฟฟ้าธรรมดา 1 ขบวน คงเหลือรถไฟฟ้าธรรมดาให้บริการเพียงแค่ 4 ขบวน ซึ่งไม่พอเพียงในช่วงเวลาเร่งด่วน ทำให้ผู้โดยสารตกค้างเป็นจำนวนมาก และอีกทั้งยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ต้องยกเลิกการให้บริการรถไฟฟ้าด่วนชั่วคราว โดยเริ่มงดการให้บริการตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งหากไม่รีบแก้ไขจะลุกลามและไม่สามารถให้บริการได้จนกลายเป็นวิกฤตสำหรับผู้โดยสาร
แหล่งข่าว ระบุว่า การไม่มีงบประมาณในการจัดซื้ออะไหล่สำหรับการซ่อมบำรุง ถือว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการบริการจัดการภายในที่ล่าช้า และหากไม่รรีบแก้ไขและยังคงเป็นอยู่เช่นนี้ ในไม่ช้า แอร์พอร์ตลิงค์จำเป็นต้องปิดให้บริการสำหรับรถไฟฟ้าธรรมดา
***ซีอีโอโยนซีเมนต์รับผิดชอบ
นายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หรือ ซีอีโอ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด หรือแอร์พอร์ตลิงก์ กล่าวถึงเหตุการณ์ข้างต้นว่า ขณะนี้บริษัท ซีเมนส์ จำกัด ได้ดำเนินการสั่งซื้อและคาดว่าจะมาถึงประเทศไทยในวันที่ 30 มี.ค. คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการ ขบวน Express Line ได้ในวันที่ 31 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบปัญหาการชำรุดของ แปรงถ่านว่า เป็นการสึกหรอที่เร็วกว่ากำหนด เนื่องจาก แปรงถ่านจะมีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือนหรือ 120,000 กิโลเมตร(กม.) ในขณะที่มีการเปลี่ยนแรงถ่านชุดใหม่ไปเมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปกติตัวแปรงถ่านจะมีความหนาประมาณ 21 มิลิเมตร แต่หลังจากใช้งานไป 1 สัปดาห์พบว่า ความหนาเหลือเพียง 6 มิลิเมตรเท่านั้น จึงทำให้การจ่ายกระแสไฟฟ้ามีปัญหา ซึ่งสาเหตุที่แปรงถ่านสึกหรอเร็วเนื่องจากถูกแรงกดทับของแท่งเหล็กขณะสัมผัสเพื่อจ่ายกระแสไฟในระดับที่แรงกว่าปกติ ช่วงอุโมงค์เข้าสู่สถานีสุวรรณภูมิซึ่งเป็นปัญหามาจากการออกแบบ โดยในวันนี้(29 มี.ค.) จะประชุมร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของซีเมนส์ในการปรับแบบเพื่อแก้ปัญหาบริเวณอุโมงค์เข้าสถานีสุวรรณภูมิ
“บริษัทซีเมนส์ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เนื่องจากยังอยู่ในระยะเวลารับประกัน เท่าที่ตรวจสอบพบว่า ขณะนี้โรงงานที่ประเทศอังกฤษมีสต๊อกตัวแปรงถ่าน ซึ่งหากสั่งซื้อวันนี้และจัดส่งให้ทางเครื่องบินจะมาถึงในวันพุธที่ 30 มี.ค. ติดตั้งคืนเดียวก็ให้บริการได้ ”นายภากรณ์กล่าวว่า
นายภากรณ์กล่าวว่า ได้รายงานปัญหาที่เกิดขึ้นต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.ที่มีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน โดยบอร์ดเร่งให้แก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด พร้อมกันนี้จะประเมินความเสียหายจากการหยุดเดินรถตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเรียกค่าเสียหายจากบริษัทซีเมนส์ ซึ่งโดยปกติจะมีรายได้ประมาณ 1.2 ล้านบาทต่อวัน เฉพาะขบวน Express Line มีผู้โดยสารประมาณ 600-700 คน ต่อวัน
จากกรณีที่ รถไฟฟ้าเชื่อมต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารในเมืองหรือแอร์พอร์ตลิงค์ ขบวนรถไฟฟ้าด่วน ( Express Line) ต้องหยุดวิ่งให้บริการตั้งแต่ วันที่ 27 มี.ค. 2554 ที่ผ่านมา โดยมีการให้บริการเฉพาะขบวนรถไฟฟ้าธรรมดา (City Line) เท่านั้น ทำให้ผู้โดยสารขบวน City Line มีความแออัดอย่างมาก
แหล่งข่าวระดับสูงจากแอร์พอร์ตลิงค์ กล่าวกับ " ASTVผู้จัดการรายวัน " ว่า เป็นปัญหาด้านเทคนิคที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์มากว่า 3 เดือน ได้เกิดปัญหากับขบวนรถไฟฟ้าที่ให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีงบประมาณในการจัดซื้ออะไหล่ที่จำเป็น เพื่อนำมาซ่อมบำรุงรักษาสภาพรถไฟฟ้าให้พร้อมใช้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพปัจจุบัน จำเป็นต้องงดให้บริการรถไฟฟ้าด่วนชั่วคราว เพื่อนำอะไหล่บางส่วนมาใช้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถไฟฟ้าธรรมดา
โดยการแก้ไขปัญหา ฝ่ายช่างของแอร์พอร์ตลิงก์ได้นำชิ้นส่วนอะไหล่ที่ใช้กับรถไฟฟ้าด่วนมาใส่ทดแทนรถไฟฟ้าธรรมดา เพื่อให้สามารถให้บริการได้ เช่น ผ้าเบรก จานเบรก และแผงคาบอนรับกระแสไฟฟ้า ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากในการเดินรถไฟฟ้า และจำเป็นต้องเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ซึ่งถ้าไม่มีอุปกรณ์เหล่านี้มาเปลี่ยน ก็จะส่งผลทำให้ไม่สามารถเดินรถไฟฟ้าตามปกติได้ โดยเฉพาะช่วงตั้งแต่วันพฤหัสบดี เป็นต้นมา ซึ่งเลยกำหนดที่แผงคาบอนรับกระแสไฟฟ้าจะต้องได้รับการเปลี่ยน ทำให้รถไฟฟ้าเสียขณะการให้บริการ และส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
"การถอดอะไหล่จากรถไฟฟ้าขบวนหนึ่งไปใส่อีกขบวนหนึ่งเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะไม่มีงบประมาณในการซ่อมบำรุง จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการแก้ปัญหาแบบนี้ เนื่องจากขบวนรถด่วนนั้นมีจำนวนผู้สารน้อย เฉลี่ย 500-600 คนต่อวัน มีรายได้เฉลี่ยน้อยกว่า 1 แสนบาทต่อวันเท่านั้น ซึ่งไม่คุ้มค่า แต่สิ่งที่ทำ เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกวิธี ขณะที่ กระทรวงคมนาคมก็นิ่งเฉยไม่แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น" แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ ขบวนรถมีปัญหาไม่สามารถนำรถไฟฟ้าออกให้บริการได้ จำนวน 5 ขบวน ประกอบไปด้วยรถไฟฟ้าด่วน 4 ขบวน และรถไฟฟ้าธรรมดา 1 ขบวน คงเหลือรถไฟฟ้าธรรมดาให้บริการเพียงแค่ 4 ขบวน ซึ่งไม่พอเพียงในช่วงเวลาเร่งด่วน ทำให้ผู้โดยสารตกค้างเป็นจำนวนมาก และอีกทั้งยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ต้องยกเลิกการให้บริการรถไฟฟ้าด่วนชั่วคราว โดยเริ่มงดการให้บริการตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งหากไม่รีบแก้ไขจะลุกลามและไม่สามารถให้บริการได้จนกลายเป็นวิกฤตสำหรับผู้โดยสาร
แหล่งข่าว ระบุว่า การไม่มีงบประมาณในการจัดซื้ออะไหล่สำหรับการซ่อมบำรุง ถือว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการบริการจัดการภายในที่ล่าช้า และหากไม่รรีบแก้ไขและยังคงเป็นอยู่เช่นนี้ ในไม่ช้า แอร์พอร์ตลิงค์จำเป็นต้องปิดให้บริการสำหรับรถไฟฟ้าธรรมดา
***ซีอีโอโยนซีเมนต์รับผิดชอบ
นายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หรือ ซีอีโอ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด หรือแอร์พอร์ตลิงก์ กล่าวถึงเหตุการณ์ข้างต้นว่า ขณะนี้บริษัท ซีเมนส์ จำกัด ได้ดำเนินการสั่งซื้อและคาดว่าจะมาถึงประเทศไทยในวันที่ 30 มี.ค. คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการ ขบวน Express Line ได้ในวันที่ 31 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบปัญหาการชำรุดของ แปรงถ่านว่า เป็นการสึกหรอที่เร็วกว่ากำหนด เนื่องจาก แปรงถ่านจะมีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือนหรือ 120,000 กิโลเมตร(กม.) ในขณะที่มีการเปลี่ยนแรงถ่านชุดใหม่ไปเมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปกติตัวแปรงถ่านจะมีความหนาประมาณ 21 มิลิเมตร แต่หลังจากใช้งานไป 1 สัปดาห์พบว่า ความหนาเหลือเพียง 6 มิลิเมตรเท่านั้น จึงทำให้การจ่ายกระแสไฟฟ้ามีปัญหา ซึ่งสาเหตุที่แปรงถ่านสึกหรอเร็วเนื่องจากถูกแรงกดทับของแท่งเหล็กขณะสัมผัสเพื่อจ่ายกระแสไฟในระดับที่แรงกว่าปกติ ช่วงอุโมงค์เข้าสู่สถานีสุวรรณภูมิซึ่งเป็นปัญหามาจากการออกแบบ โดยในวันนี้(29 มี.ค.) จะประชุมร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของซีเมนส์ในการปรับแบบเพื่อแก้ปัญหาบริเวณอุโมงค์เข้าสถานีสุวรรณภูมิ
“บริษัทซีเมนส์ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เนื่องจากยังอยู่ในระยะเวลารับประกัน เท่าที่ตรวจสอบพบว่า ขณะนี้โรงงานที่ประเทศอังกฤษมีสต๊อกตัวแปรงถ่าน ซึ่งหากสั่งซื้อวันนี้และจัดส่งให้ทางเครื่องบินจะมาถึงในวันพุธที่ 30 มี.ค. ติดตั้งคืนเดียวก็ให้บริการได้ ”นายภากรณ์กล่าวว่า
นายภากรณ์กล่าวว่า ได้รายงานปัญหาที่เกิดขึ้นต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.ที่มีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน โดยบอร์ดเร่งให้แก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด พร้อมกันนี้จะประเมินความเสียหายจากการหยุดเดินรถตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเรียกค่าเสียหายจากบริษัทซีเมนส์ ซึ่งโดยปกติจะมีรายได้ประมาณ 1.2 ล้านบาทต่อวัน เฉพาะขบวน Express Line มีผู้โดยสารประมาณ 600-700 คน ต่อวัน
