ASTVผู้จัดการรายวัน-บอร์ดแอร์พอร์ตลิ้งค์ประชุมนัดแรกวันนี้ ถกแก้ปัญหาบริการและขาดทุน เผยต้องพ่วงกับบัญชี ร.ฟ.ท.ไปจนกว่าครม.จะใส่ทุนให้ครบ 2,000 ล้าน หลังจากก่อนหน้านี้อนุมัติให้แค่ 140 ล้าน ส่วนการโอนพนักงานจากศศินทร์ คาดใช้เวลา 1 เดือน ด้านยอดผู้ใช้บริการหดเหลือวันละ37,000 คน หลังปรับค่าโดยสาร
นายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว รองผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หรือ ซีอีโอ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด เปิดเผยว่า ในวันนี้ (9 มี.ค.) คณะกรรมการ บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด จะประชุมนัดแรกเพื่อเลือกประธานกรรมการ, รองประธาน, กรรมการอิสระ รวมถึงรักษาการซีอีโออย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งกำหนดโครงสร้างองค์กร กฎระเบียบ สิทธิประโยชน์ อัตรากำลัง โครงสร้างเงินเดือน จากนั้นจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนโอนพนักงานจากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมายังบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. เพื่อทำหน้าที่ในการบริหารโครงการขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (แอร์พอร์ตเรลลิงค์)
ทั้งนี้ เรื่องเร่งด่วนที่ต้องหารือต่อที่ประชุมบอร์ดแอร์พอร์ตลิ้งค์ คือ ปัญหาระบบบัญชีของบริษัทรถไฟฟ้าร.ฟ.ท. เนื่องจากบริษัทมีทุนจดทะเบียนเพียง 140 ล้านบาท ไม่เพียงพอ เพราะมีค่าใช้จ่ายถึงเดือนละกว่า 70 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้เดือนละประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพิ่มเงินทุนอีก 1,860 ล้านบาท
โดยในระหว่างนี้จะขอให้ใช้ระบบรายรับ-รายจ่ายผ่านบัญชีของร.ฟ.ท.ไปก่อน ซึ่งในปี 2554 ร.ฟ.ท.ได้ตั้งงบประมาณบริหารแอร์พอร์ตลิ้งค์ไว้กว่า 900 ล้านบาท
“กระทรวงคมนาคมเสนอเรื่องเพิ่มทุนอีก 1,860 ล้านบาทไปที่ครม.แล้วคาดว่าจะมีการพิจารณาใน 2-3 สัปดาห์นี้ ซึ่งหากได้วงเงินเพิ่มจึงจะสามารถถ่ายโอนทรัพย์สินและหนี้สินแอร์พอร์ตลิ้งค์จากร.ฟ.ท.ได้ และเริ่มใช้ระบบบัญชีของบริษัท รถไฟฟ้าร.ฟ.ท.ได้ทันที”นายภากรณ์กล่าว
นายภากรณ์กล่าวว่า ในระหว่างการถ่ายโอนพนักงาน 1 เดือนนั้น อาจจะมีปัญหาในเรื่องระบบการเบิกเงิน ดังนั้น จะชะลอการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดไว้ก่อน เช่น การจัดซื้ออะไหล่จากบริษัทซีเมนส์ วงเงินประมาณ 200 ล้านบาทเศษ ซึ่งในภาพรวมจะไม่กระทบต่อการให้บริการแต่อย่างใด เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในระยะเวลารับประกันของซีเมนส์ โดยจะหมดอายุประกันในเดือนมี.ค. 2555 แต่เนื่องจากอะไหล่ต่างๆ จะต้องสั่งซื้อล่วงหน้า 1 ปี
สำหรับบริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด โดยร.ฟ.ท.ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2554 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน แอร์พอร์ตลิ้งค์ สาย City Line มีผู้โดยสาร ประมาณ 37,000 คนต่อวัน Express Line ผู้โดยสารประมาณ 700-800 คนต่อวัน ซึ่งลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่เก็บค่าโดยสาร City Line อัตรา 15 บาทตลอดสาย โดยปัจจุบันเก็บ ตั้งแต่ 15-45 บาท ส่วน Express line ก่อนหน้านี้เก็บ 100 บาทตลอดสาย ปรับเป็น 150 บาท ซึ่งบริษัท รถไฟฟ้าร.ฟ.ท.ที่จัดตั้งขึ้นจะสามารถกำหนดกลยุทธ์เพื่อทำโปรโมรชั่นให้ส่วนลดจูงใจและเพิ่มจำนวนผู้โดยสารได้มากขึ้น
นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ ซึ่งได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นประธานบอร์ดบริษัทรถไฟฟ้าร.ฟ.ท.กล่าวว่า หลังจากนี้จะเร่งแก้ปัญหาความไม่สะดวกในการใช้บริการแอร์พอร์ตลิ้งค์ ทั้งเรื่องการเข้าถึงสถานี ที่มีปัญหาร้องเรียนมาก การใช้ประโยชน์พื้นที่ต่างๆ พร้อมกันนี้จะเร่งสรรหา ซีอีโอ เพื่อเข้ามาทำงาน ส่วนพนักงานงานนั้นจะกำหนดอัตรากำลังและเงินเดือนโดยใช้ฐานที่ใกล้เคียงกับ BTS และ BMCL เพราะทำงานในรูปแบบใกล้เคียงกัน
นายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว รองผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หรือ ซีอีโอ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด เปิดเผยว่า ในวันนี้ (9 มี.ค.) คณะกรรมการ บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด จะประชุมนัดแรกเพื่อเลือกประธานกรรมการ, รองประธาน, กรรมการอิสระ รวมถึงรักษาการซีอีโออย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งกำหนดโครงสร้างองค์กร กฎระเบียบ สิทธิประโยชน์ อัตรากำลัง โครงสร้างเงินเดือน จากนั้นจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนโอนพนักงานจากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมายังบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. เพื่อทำหน้าที่ในการบริหารโครงการขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (แอร์พอร์ตเรลลิงค์)
ทั้งนี้ เรื่องเร่งด่วนที่ต้องหารือต่อที่ประชุมบอร์ดแอร์พอร์ตลิ้งค์ คือ ปัญหาระบบบัญชีของบริษัทรถไฟฟ้าร.ฟ.ท. เนื่องจากบริษัทมีทุนจดทะเบียนเพียง 140 ล้านบาท ไม่เพียงพอ เพราะมีค่าใช้จ่ายถึงเดือนละกว่า 70 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้เดือนละประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพิ่มเงินทุนอีก 1,860 ล้านบาท
โดยในระหว่างนี้จะขอให้ใช้ระบบรายรับ-รายจ่ายผ่านบัญชีของร.ฟ.ท.ไปก่อน ซึ่งในปี 2554 ร.ฟ.ท.ได้ตั้งงบประมาณบริหารแอร์พอร์ตลิ้งค์ไว้กว่า 900 ล้านบาท
“กระทรวงคมนาคมเสนอเรื่องเพิ่มทุนอีก 1,860 ล้านบาทไปที่ครม.แล้วคาดว่าจะมีการพิจารณาใน 2-3 สัปดาห์นี้ ซึ่งหากได้วงเงินเพิ่มจึงจะสามารถถ่ายโอนทรัพย์สินและหนี้สินแอร์พอร์ตลิ้งค์จากร.ฟ.ท.ได้ และเริ่มใช้ระบบบัญชีของบริษัท รถไฟฟ้าร.ฟ.ท.ได้ทันที”นายภากรณ์กล่าว
นายภากรณ์กล่าวว่า ในระหว่างการถ่ายโอนพนักงาน 1 เดือนนั้น อาจจะมีปัญหาในเรื่องระบบการเบิกเงิน ดังนั้น จะชะลอการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดไว้ก่อน เช่น การจัดซื้ออะไหล่จากบริษัทซีเมนส์ วงเงินประมาณ 200 ล้านบาทเศษ ซึ่งในภาพรวมจะไม่กระทบต่อการให้บริการแต่อย่างใด เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในระยะเวลารับประกันของซีเมนส์ โดยจะหมดอายุประกันในเดือนมี.ค. 2555 แต่เนื่องจากอะไหล่ต่างๆ จะต้องสั่งซื้อล่วงหน้า 1 ปี
สำหรับบริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด โดยร.ฟ.ท.ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2554 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน แอร์พอร์ตลิ้งค์ สาย City Line มีผู้โดยสาร ประมาณ 37,000 คนต่อวัน Express Line ผู้โดยสารประมาณ 700-800 คนต่อวัน ซึ่งลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่เก็บค่าโดยสาร City Line อัตรา 15 บาทตลอดสาย โดยปัจจุบันเก็บ ตั้งแต่ 15-45 บาท ส่วน Express line ก่อนหน้านี้เก็บ 100 บาทตลอดสาย ปรับเป็น 150 บาท ซึ่งบริษัท รถไฟฟ้าร.ฟ.ท.ที่จัดตั้งขึ้นจะสามารถกำหนดกลยุทธ์เพื่อทำโปรโมรชั่นให้ส่วนลดจูงใจและเพิ่มจำนวนผู้โดยสารได้มากขึ้น
นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ ซึ่งได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นประธานบอร์ดบริษัทรถไฟฟ้าร.ฟ.ท.กล่าวว่า หลังจากนี้จะเร่งแก้ปัญหาความไม่สะดวกในการใช้บริการแอร์พอร์ตลิ้งค์ ทั้งเรื่องการเข้าถึงสถานี ที่มีปัญหาร้องเรียนมาก การใช้ประโยชน์พื้นที่ต่างๆ พร้อมกันนี้จะเร่งสรรหา ซีอีโอ เพื่อเข้ามาทำงาน ส่วนพนักงานงานนั้นจะกำหนดอัตรากำลังและเงินเดือนโดยใช้ฐานที่ใกล้เคียงกับ BTS และ BMCL เพราะทำงานในรูปแบบใกล้เคียงกัน
