xs
xsm
sm
md
lg

"พาณิชย์"ขอเหล่าทัพ-ตำรวจ-ศุลกากร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”ส่งหนังสือขอความร่วมมือ 3 เหล่าทัพ ตำรวจ ศุลกากร คุมเข้มสินค้าส่งออก-นำเข้า หลังพบลักลอบขายเพื่อนบ้านฟันส่วนต่างกำไรเพียบ ทั้งน้ำตาล น้ำมันปาล์ม หวังแก้ปัญหาในประเทศขาดแคลน พร้อมส่งทีมตรวจสต๊อกยี่ปั๊ว ซาปั๊ว พบผิดเล่นงานตามกฎหมายหนัก
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงกองทัพไทยทั้ง 3 เหล่าทัพ ได้แก่ กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ รวมถึงตำรวจตระเวณชายแดน ด่านตรวจคนเข้าเมือง กรมศุลกากร และกรมวิชาการเกษตร เพื่อขอความร่วมมือในการเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบการลักลอบนำเข้า-ส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าเกษตร เช่น น้ำมันปาล์มบริโภค น้ำตาลทราย มะนาว เป็นต้น ซึ่งหากมีการลักลอบส่งออกมากก็จะทำให้เกิดปัญหาสินค้าในประเทศขาดแคลน หรือหากนำเข้ามามากก็จะทำให้เกิดปัญหาราคาตกต่ำ
ทั้งนี้ ในส่วนของปัญหาน้ำตาลทรายและน้ำมันปาล์มในช่วงที่ผ่านมา มีกลุ่มคนบางกลุ่ม พยายามลักลอบนำสินค้าไปส่งออกตามประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อขายทำกำไรส่วนต่าง เนื่องจากสินค้าในต่างประเทศขายราคาสูง ขณะที่ในประเทศมีการควบคุมราคา จนทำให้สินค้าสำหรับบริโภคภายในประเทศเหลือไม่เพียงพอและขาดตลาด ส่วนมะนาวต่างด้าว หลังจากขอความร่วมมือ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี มีการจับกุมผู้กระทำผิดได้จำนวนมาก จนทำให้ปัญหาลดน้อยลง และราคามะนาวในประเทศปรับตัวดีขึ้น
สำหรับการปรับขึ้นราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายในประเทศ จะดูแลไม่ให้มีการปรับขึ้นราคา ตามที่ผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลทรายขอปรับค่าบรรจุถุงมาที่ถุงละ 1.40 บาท เพราะหากอนุมัติให้ปรับราคาขึ้น ก็จะทำให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อน และทำให้สินค้าปลายทางอื่นได้รับผลกระทบด้วย โดยขณะนี้กำลังหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้อยู่
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ล่าสุดกรมการค้าภายในได้จัดส่งสายตรวจออกตรวจสอบสต๊อกน้ำตาลของร้านค้าปลีกค้าส่ง (ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว) อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการกักตุน และลักลอบส่งออกไปขายประเทศเพื่อนบ้าน เพราะราคาน้ำตาลทรายในประเทศราคาก.ก.ละ 23.50 บาท ขณะที่ราคาน้ำตาลประเทศเพื่อนบ้านเฉลี่ยก.ก.ละ 30-40 บาท ส่วนต่างดังกล่าวอาจทำให้เกิดแรงจูงใจลักลอกส่งออกมากขึ้น พร้อมกันนี้ ได้ประสานไปยังกรมศุลกากรให้ด่านศุลกากรตามแนวชายแดนตรวจสอบการลักลอบส่งออกน้ำตาลอย่างเข้มงวด เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำตาลภายในประเทศขาดแคลน
ทั้งนี้ ตามประกาศของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ปี 2554 กำหนดให้น้ำตาลเป็นสินค้าควบคุม และใช้มาตรการกำหนดราคาสูงสุด ผู้ใดฝ่าผืนขายเกินราคา มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกำหนดห้ามขนย้ายเข้ามาในพื้นที่ที่กำหนด เว้นแต่ได้รับอนุญาต โดยผู้ขนย้ายน้ำตาลทรายตั้งแต่ 1,000 ก.ก.ต่อครั้ง ต้องขออนุญาตจากเลขาธิการ หรือประธานกกร.ส่วนจังหวัด หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
ขณะที่โรงงานผู้ผลิตต้องแจ้งข้อมูลปริมาณการผลิต การจำหน่ายในประเทศ การส่งออก สต๊อก และสถานที่เก็บ ณ วันสิ้นเดือนของแต่ละเดือน โดยแจ้งข้อมูลภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ในส่วนผู้แทนจำหน่าย ผู้จำหน่ายส่ง (ยี่ปั๊วซาปั๊ว ) ต้องแจ้งรายชื่อผู้ซื้อผู้ใช้น้ำตาลทรายที่มีปริมาณการซื้อตั้งแต่ครั้งละ 10,000 ก.ก.ขึ้นไป
แหล่งข่าวจากโรงงานน้ำตาลทราย กล่าวว่า การผลิตน้ำตาลทรายออกสู่ตลาดเป็นไปตามกลไกที่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) กำหนดไว้ ไม่มีเหตุผลใดที่จะกักตุนน้ำตาลทรายไว้ เพราะต้องมีการแจ้งข้อมูลต่อหน่วยงานราชการอย่างโปร่งใสอยู่แล้ว ส่วนข้อสงสัยการลักลอบส่งออกนั้น ทางโรงงานดำเนินการได้ยาก และไม่จำเป็นต้องทำ เพราะมีโควตาที่กำหนดไว้ให้ส่งออกชัดเจนอยู่แล้ว การลักลอบเพื่อหวังส่วนต่างกำไรไม่คุ้มค่ากับความเสียหายทางธุรกิจ หากถูกดำเนินคดี
กำลังโหลดความคิดเห็น