“พาณิชย์” ยอมรับ มีผู้ประกอบการทยอยยื่นขอปรับราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง “เหล็ก-อาหารกระป๋อง” จ่อขึ้นราคาหลังต้นทุนเพิ่ม ยืนยันจะพิจารณาต้นทุนราคาสินค้าอย่างละเอียด และปรับขึ้นตามความจำเป็นเท่านั้น ส่วนน้ำมันปาล์มคลี่คลายดีขึ้นแล้ว สั่งคุมเข้มตรวจสอบการกดราคารับซื้อข้าวจากชาวนา ขณะที่ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย ชี้แจง โรงสีส่วนใหญ่ตั้งราคารับซื้อข้าวเปลือกเจ้าสูงกว่าราคาประกันของรัฐบาล
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาสินค้าจนถึงสิ้นเดือนนี้ แต่ยอมรับว่า มีผู้ประกอบการบางรายได้ทยอยขออนุมัติปรับขึ้นราคาสินค้ามาแล้ว เช่น น้ำมันถั่วเหลือง ปุ๋ยเคมี นมสด รวมถึงเหล็ก ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาสูงขึ้น ส่วนสินค้าปลากระป๋องนั้น ยอมรับว่า มีต้นทุนขึ้นจากเหล็กที่ใช้ทำกระป๋อง (ทินเพลต) ราคาแพงขึ้น แต่ราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น ยังไม่เกินเพดานที่กรมการค้าภายในกำหนด ซึ่งหากมีการยื่นขอปรับราคาเข้ามา ก็ต้องพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่วาว่า ตนเองได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในไปพิจารณาโครงสร้างต้นทุนทั้งหมดและให้พิจารณาความจำเป็นในการปรับราคา เป็นรายสินค้าตามความเหมาะสม แต่หากสินค้าใดที่ต้นทุนสูงขึ้นไม่มาก และยังมีการแข่งขันสูง จะยังไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นราคา โดยการอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาทุกครั้ง จะต้องมีการชี้แจงต้นทุนต่อสาธารณชนให้เกิดความเข้าใจด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่า อาจจะมีการพิจารณาอนุมัติให้ปรับขึ้นประมาณร้อยละ 10 ของรายการสินค้าทั้งหมด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคในประเทศ ว่า หลังจากที่นำเข้าน้ำมันปาล์มดิบล็อตแรก จำนวน 30,000 ตัน ได้มีการจัดสรรให้กับสมาชิกโรงกลั่น 10 แห่ง เพื่อเร่งผลิตน้ำมันพืชวันละ 2.5 ล้านลิตร สูงขึ้นจากความต้องการปกติวันละประมาณ 1 ล้านลิตร เพื่อให้สามารถกระจายน้ำมันปาล์มไปถึงมือประชาชนอย่างรวดเร็วและทั่วถึง โดยผ่านช่องทางห้างค้าปลีกค้าส่ง พ่อค้าคนกลาง และตลาดสด
ทั้งนี้ จากการกระจายน้ำมันพืชปาล์มฝาสีชมพู ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2554 ถึงวันที่ 7 มีนาคม 2554 ได้มีการกระจายไปมากกว่า 19 ล้านลิตร แยกเป็นกรุงเทพมหานคร ห้างค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ และร้านสะดวกซื้อ 7.6 ล้านลิตร และต่างจังหวัด 11.4 ล้านลิตร ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้เริ่มคลี่คลายแล้ว รวมทั้งผลผลิตปาล์มน้ำมันภายในประเทศเริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าน้ำมันพืชปาล์มมีเพียงพอต่อความต้องการอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมการค้าภายใน เข้าไปตรวจสอบและดูแลปัญหาการเอาเปรียบชาวนา รวมถึงการกดราคารับซื้อข้าวจากผู้ประกอบการโรงสี ซึ่งได้เพิ่มความเข้มงวดในเรื่องการติดป้ายแสดงราคารับซื้อ และการตรวจสอบความชื้น ซึ่งหากเกษตรกรพบปัญหาการเอารัดเอาเปรียบ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะใช้มาตรการเข้าไปรับซื้อข้าวจากเกษตรกรโดยตรงหากราคาข้าวตกต่ำ แต่ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการดังกล่าว
ด้าน นายชาญชัย รักษ์ธนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย ยอมรับว่า โรงสีส่วนใหญ่ทั่วประเทศตั้งราคารับซื้อข้าวเปลือกเจ้าสูงกว่าราคาประกันของรัฐบาล หรืออยู่ที่ตันละ 9,000 บาท เนื่องจากผลผลิตข้าวยังออกสู่ตลาดไม่มาก และโรงสียังแย่งกันซื้อข้าวจากชาวนา จึงยืนยันว่า ไม่มีการกดราคารับซื้อ แต่ราคาข้าวที่ตกต่ำมาจากความชื้นของข้าวที่เกษตรกรนำมาขาย
