ทีมเศรษฐกิจไข่แม้ว สับนโยบายประกันรายได้รัฐล้มเหลวงเปรียบเทียยสมัยอดีตนายกฯ สมชาย ชี้ ผลาญภาษีประชาชนไปแล้ว 1 แสนล้านบาท จี้ ให้ประกันราคาข้าวอยู่ที่ 15,000 บาทต่อตัน แก้ปัญหาชาวนาเดือดร้อน
วันนี้ (8 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวถึงความล้มเหลวในนโยบายประกันรายได้ ว่า นโยบายประกันรายได้ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง โดยราคาข้าวเปลือกเจ้า 5% ณ เดือนมีนาคม 2554 มีราคา ณ ราคาตลาด ลดลงมาอยู่ที่ 8,847 บาทต่อตัน แต่พี่น้องชาวนาขายข้าวได้จริงสูงสุดเพียงตันละ 6,000 กว่าบาท เท่านั้น ขณะที่สมัยรัฐบาลสมชาย ในปี 2551 ราคาข้าวที่พี่น้องเกษตรกรเคยขายได้สูงสุดที่ 16,000 บาทต่อตัน และมีข้อน่าสังเกต ว่า ในขณะที่ราคาข้าวที่พี่น้องชาวนาขายได้มีราคาที่ตกต่ำลง แต่ราคาขายปลีกในประเทศกลับมีราคาที่สูงขึ้นอย่างมาก โดยในวันนี้ประชาชนคนไทยต้องซื้อข้าวสารขาว 5% สูงถึงตันละ 26,866 บาท ขณะที่ในปี 2551 ราคาอยู่ที่ 15,861 บาทต่อตันเท่านั้น
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า บทสรุปของนโยบายประกันรายได้ที่รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชีวะ ภาคภูมิใจ แต่ประชาชนต้องทนทุกข์พี่น้องชาวนามีรายได้ลดลง ถึง 45% หรือรายได้ลดลงไป 7,233 บาทต่อตันข้าวเปลือก แต่ได้รับเงินชดเชยเพียงพันกว่าบาทเท่านั้น ในขณะที่นโยบายนี้เป็นการกดราคาข้าวของพี่น้องชาวนาให้ต่ำ แต่กลับเอื้อประโยชน์ให้ราคาข้าวสาร 5% ขายปลีกในประเทศ ขยับสูงขึ้นถึง 69% หรือประชาชนคนไทยที่ต้องซื้อข้าวแพงขึ้นถึง 11,005 บาทต่อตันตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศ
นอกจากนี้ คณะทีมเศรษฐกิจยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตั้งแต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามาบริหารประเทศ และใช้นโยบายประกันรายได้ ซึ่งเป็นนโยบายที่เป็นการกดราคาข้าวในประเทศ ทำให้ราคาข้าวที่เกษตรกรขายได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ปีแรก 2552 ที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศราคาข้าวเปลือกเจ้า 5% ลดลงเหลือตันละ 10,038 บาท จากเดิมในปี 2551 มีราคาอยู่ที่ 10,998 บาทต่อตัน ลดลง 960 บาทต่อตัน รัฐบาลกำหนดปริมาณประกันไว้ที่ 25 ตันต่อคน รายได้พี่น้องชาวนาหายไปเลยในทันที 24,000 บาทต่อคน นอกจากนี้ ผลผลิตข้าวในปี 2551/2552 ประเทศไทยมีผลผลิต 30.6 ล้านตันข้าวเปลือก ฉะนั้น รายได้ของประเทศหายไปเลยทันที 30,336 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ งบประมาณที่รัฐบาลชุดนี้ใช้ในนโยบายประกันรายได้เพียง 2 ปี ใช้เงินภาษีของพี่น้องประชาชนไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท ในขณะที่โครงการรับจำนำในอดีตในปี 2546-2551 ระยะเวลา 5 ปี ใช้งบประมาณ 1.4 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ผลาญงบประมาณอย่างมโหฬารกว่าสองเท่า หรือ มากกว่า 200% หนำซ้ำยังทำให้ราคาข้าวตกต่ำ รายได้ของประเทศของชาวนาลดลง สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นราคาข้าวที่ชาวนาขายได้ลดลง ผู้บริโภคซื้อข้าวสารในประเทศแพงขึ้น เพราะการดำเนินนโยบายประกันรายได้ของรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“พรรคเพื่อไทยจึงเรียกร้องให้รัฐบาลรีบเร่งแก้ปัญหาดังกล่าว โดยหากรัฐบาลยังดึงดันและภาคภูมิใจในนโยบายประกันรายได้ ก็ขอให้ราคาประกันอยู่ที่ระดับ 15,000 บาทต่อตัน และควบคุมราคาข้าวสารในประเทศให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนทุกภาคส่วนในขณะนี้” นายสุชาติ กล่าว
วันนี้ (8 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวถึงความล้มเหลวในนโยบายประกันรายได้ ว่า นโยบายประกันรายได้ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง โดยราคาข้าวเปลือกเจ้า 5% ณ เดือนมีนาคม 2554 มีราคา ณ ราคาตลาด ลดลงมาอยู่ที่ 8,847 บาทต่อตัน แต่พี่น้องชาวนาขายข้าวได้จริงสูงสุดเพียงตันละ 6,000 กว่าบาท เท่านั้น ขณะที่สมัยรัฐบาลสมชาย ในปี 2551 ราคาข้าวที่พี่น้องเกษตรกรเคยขายได้สูงสุดที่ 16,000 บาทต่อตัน และมีข้อน่าสังเกต ว่า ในขณะที่ราคาข้าวที่พี่น้องชาวนาขายได้มีราคาที่ตกต่ำลง แต่ราคาขายปลีกในประเทศกลับมีราคาที่สูงขึ้นอย่างมาก โดยในวันนี้ประชาชนคนไทยต้องซื้อข้าวสารขาว 5% สูงถึงตันละ 26,866 บาท ขณะที่ในปี 2551 ราคาอยู่ที่ 15,861 บาทต่อตันเท่านั้น
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า บทสรุปของนโยบายประกันรายได้ที่รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชีวะ ภาคภูมิใจ แต่ประชาชนต้องทนทุกข์พี่น้องชาวนามีรายได้ลดลง ถึง 45% หรือรายได้ลดลงไป 7,233 บาทต่อตันข้าวเปลือก แต่ได้รับเงินชดเชยเพียงพันกว่าบาทเท่านั้น ในขณะที่นโยบายนี้เป็นการกดราคาข้าวของพี่น้องชาวนาให้ต่ำ แต่กลับเอื้อประโยชน์ให้ราคาข้าวสาร 5% ขายปลีกในประเทศ ขยับสูงขึ้นถึง 69% หรือประชาชนคนไทยที่ต้องซื้อข้าวแพงขึ้นถึง 11,005 บาทต่อตันตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศ
นอกจากนี้ คณะทีมเศรษฐกิจยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตั้งแต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามาบริหารประเทศ และใช้นโยบายประกันรายได้ ซึ่งเป็นนโยบายที่เป็นการกดราคาข้าวในประเทศ ทำให้ราคาข้าวที่เกษตรกรขายได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ปีแรก 2552 ที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศราคาข้าวเปลือกเจ้า 5% ลดลงเหลือตันละ 10,038 บาท จากเดิมในปี 2551 มีราคาอยู่ที่ 10,998 บาทต่อตัน ลดลง 960 บาทต่อตัน รัฐบาลกำหนดปริมาณประกันไว้ที่ 25 ตันต่อคน รายได้พี่น้องชาวนาหายไปเลยในทันที 24,000 บาทต่อคน นอกจากนี้ ผลผลิตข้าวในปี 2551/2552 ประเทศไทยมีผลผลิต 30.6 ล้านตันข้าวเปลือก ฉะนั้น รายได้ของประเทศหายไปเลยทันที 30,336 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ งบประมาณที่รัฐบาลชุดนี้ใช้ในนโยบายประกันรายได้เพียง 2 ปี ใช้เงินภาษีของพี่น้องประชาชนไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท ในขณะที่โครงการรับจำนำในอดีตในปี 2546-2551 ระยะเวลา 5 ปี ใช้งบประมาณ 1.4 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ผลาญงบประมาณอย่างมโหฬารกว่าสองเท่า หรือ มากกว่า 200% หนำซ้ำยังทำให้ราคาข้าวตกต่ำ รายได้ของประเทศของชาวนาลดลง สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นราคาข้าวที่ชาวนาขายได้ลดลง ผู้บริโภคซื้อข้าวสารในประเทศแพงขึ้น เพราะการดำเนินนโยบายประกันรายได้ของรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“พรรคเพื่อไทยจึงเรียกร้องให้รัฐบาลรีบเร่งแก้ปัญหาดังกล่าว โดยหากรัฐบาลยังดึงดันและภาคภูมิใจในนโยบายประกันรายได้ ก็ขอให้ราคาประกันอยู่ที่ระดับ 15,000 บาทต่อตัน และควบคุมราคาข้าวสารในประเทศให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนทุกภาคส่วนในขณะนี้” นายสุชาติ กล่าว
