xs
xsm
sm
md
lg

เย้ย"เจ๊มิ่ง"ไร้ภาวะผู้นำ คุมแก๊งแดงไม่ได้เลิกคิดชิงนายกฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากวิจารณ์การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผ่านมา เป็นแค่เวทีหาเสียงมากกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ผู้อภิปรายก็อภิปรายไปรัฐบาลก็มีหน้าที่ชี้แจง ประชาชนที่ติดตามคงสรุปได้เอง
ส่วนนโยบายที่ถูกประกาศผ่านเวทีอภิปราย เหมือนเป็นการเกทับกันระหว่าง 2 พรรคการเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าตอนสรุปจะเป็นลักษณะอย่างนั้น แต่ก็เป็นธรรมดา เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง ต้องมีการแข่งขัน ก็ต้องมาพูดกัน ซึ่งตนคิดว่าความแตกต่างเป็นเรื่องดี จะได้เป็นทางเลือก เช่น โครงการประกันรายได้ กับโครงการจำนำพืชผล จะเอาแบบไหนกัน หรือว่าประเด็นเรื่องค่าจ้าง ให้ดูว่าอะไรสมเหตุสมผล
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะนำข้อมูลบางส่วนไปปรับปรุงนโยบายของพรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นโยบายพรรคคงเป็นคนละส่วน และพรรคคงดำเนินการไปตามความเหมาะสม แต่เสียงอภิปรายอะไรที่ใช้ประโยชน์ได้ หรือสะท้อนปัญหาได้ เราก็นำมาพิจารณา เช่น การอภิปรายเรื่องภาคใต้ ก็เป็นการอภิปรายเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ และอาจจะมีช่องว่างตรงไหน เราก็จะมาดู
ส่วนกรณีที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ระบุว่า จะกำหนดราคาข้าวไว้ที่ตันละ 15,000 – 20,000 บาทนั้น ตนอยากจะย้ำว่า ราคาของสินค้าเกษตร เราหลีกหนีตลาดโลกไม่ได้ และวิกฤติอาหารปี 2551 ก็ทำให้ราคาสูง ปีนี้ก็ทำให้ราคาสูงเกือบทุกอย่าง ยกเว้นข้าว และตนตั้งข้อสังเกตว่า ข้าวที่มีปัญหาตลอด เพราะว่าเราเคยไปใช้นโยบายจำนำในราคาที่สูงกว่าตลาด ทำให้เราเก็บข้าวมาในสต็อกจำนวนมาก เมื่อเก็บเข้ามามากตลาดโลกก็เก็งได้ว่ามีข้าวจำนวนนี้อยู่ และเราก็มีปัญหามาโดยตลอด ฝ่ายค้านก็หยิบเรื่องการระบายข้าวมาเป็นปัญหาการทุจริต ฉะนั้นเรายังไปฝืน พยายามที่จะให้รัฐบาลกลายเป็นผู้ค้าข้าวเสียเอง ทำลายตลาดข้าวภายในประเทศ เราก็จะซื้อเข้ามาในราคาที่แพง เราก็จะมีปัญหาการบริหาร ทุจริต คุณภาพข้าว และปัญหาการจำนำข้าวของประเทศเพื่อนบ้าน เราจะมีปัญหาข้าวไทยต้นทุนสูง แข่งขันไม่ได้ในตลาดโลก อาจจะได้สั้นๆ แต่ไม่ได้เป็นคำตอบ
ส่วนที่นายมิ่งขวัญ เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างชัดเจนนั้น ก็ดี ก็ขอให้เป็นความชัดเจนไปเลย ก็จะได้มีการแข่งขันกัน ตนก็ต้องการให้การแข่งขันเป็นไปในเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนว่าจะแก้ไขกันอย่างไร
"หวังว่าเมื่อคุณมิ่งขวัญ เสนอตัวเป็นนายกฯแล้ว จะกำหนดทิศทางของพรรคเพื่อไทยว่ามาแข่งขันกันเรื่องนี้จริงๆ จะได้หลุดพ้นจากการลากเอาความขัดแย้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และก็วนเวียนอยู่ มีการเคลื่อนไหว เดี๋ยวก็มีมวลชน เดี๋ยวก็มีกองกำลัง ถ้าคุณมิ่งขวัญ สามารถประกาศและหยุดตรงนี้ได้ ก็จะเป็นการแสดงภาวะความเป็นผู้นำ จะได้มาแข่งขันกัน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว และว่า ถ้านายมิ่งขวัญเสนอตัวแล้ว จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ถ้ายังไม่สามารถทำให้หลุดพ้นจากความขัดแย้งตรงนี้ได้ แสดงให้เห็นว่า นายมิ่งขวัญ รู้เห็นเป็นใจ และไม่อยู่ในสภาพเป็นผู้นำอย่างแท้จริง
สำหรับผลคะแนนการลงมติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คนที่ได้คะแนนสูงสุดกลับค้านเสียงประชาชน ที่มีผลโพลออกมาว่าชี้แจงไม่ชัดเจนมากที่สุดนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องถามคนลงคะแนน เมื่อถามว่าอย่างนี้จะทำให้เกิดคำถามต่อระบบรัฐบาลมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส.ส.แต่ละคนมีสิทธิ์ต่อการตัดสินใจ และระบบของเรามีการเปิดเผยชื่อ ฉะนั้นใครสงสัยการตัดสินใจของส.ส.คนใด ก็ต้องไปถามส.ส.คนนั้น เมื่อถามว่าการลงมติไม่ได้ขึ้นอยู่กับการชี้แจง แต่ขึ้นอยู่กับการล็อบบี้มากกว่าหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของผู้ลงคะแนนที่ต้องชี้แจง

**ยุ"เจ๊มิ่ง"อย่าใจอ่อนยอม"เป็ดเหลิม"

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ประกาศวางมือทางการเมือง หากนายมิ่งขวัญ ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า แค่เป็นการต่อรองวัดกำลังภายในพรรคเพื่อไทย เพื่อแย่งชิงความใกล้ชิดกับนายใหญ่ การที่ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศเช่นนี้เป็นเกมกดดันนายใหญ่มากกว่า ที่ได้ให้ความสำคัญกับนายมิ่งขวัญ ทาง ร.ต.อ.เฉลิม เลยหยิบชื่อของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นมาเป็นคู่แข่งภายในพรรค หลังจากตัวเองพ่ายแพ้นายมิ่งขวัญไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่นายใหญ่ให้นายมิ่งขวัญ มาทำหน้าที่เป็นผู้นำการอภิปรายฯ ก็ได้แสดงวุฒิภาวะในฐานะแคนดิเดตนายกฯให้คนทั้งประเทศได้เห็นแล้วว่ามีความสามารถมากน้อยเพียงใด พรรคเพื่อไทยไม่ควรที่จะเปลี่ยนไปมา เพราะที่ผ่านมาก็เคยจะให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นหัวหน้าพรรค ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
"ถ้าครั้งนี้มีการเปลี่ยนจากนายมิ่งขวัญอีก พรรคเพื่อไทยก็เหมือนไม้หลักปักขี้เลน เอาความแน่นอนไม่ได้ การหยิบยกชื่อ น.ส ยิ่งลักษณ์ ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค น่าจะเป็นเรื่องของขบวนการประจบสอพลอของคนที่ผิดหวัง และไม่ได้อยู่ในกลุ่มของนายมิ่งขวัญ โดยตั้งความหวังล้มๆ แล้งๆ คิดว่าน.ส. ยิ่งลักษณ์ เป็นมือใหม่หัดขับ หวังที่จะปลอกลอกได้เต็มที่ แต่ก็เชื่อว่าเมื่อนายมิ่งขวัญ ยอมเปลืองตัวเป็นผู้นำอภิปราย และประกาศท้าแข่งกับนายอภสิทธิ์ ในตำแหน่งนายกฯ กลางสภามาแล้ว ก็ไม่ควรที่จะยอมแพ้ต่อขบวนการขัดขวางตัวเอง และส.ส.ในกลุ่มของนายมิ่งขวัญ ก็คงจะออกมาต่อสู้ให้กับหัวหน้ากลุ่มของตัวเองให้คุ้มค่ากับเงินพิเศษรายเดือนที่นายมิ่งขวัญได้จ่ายให้มาแล้วทุกเดือน และอย่าให้สังคมต้องนินทาว่า เลี้ยงส.ส.พวกนี้ไว้เปลือกข้าวสุกเปล่าๆ"

**ส.ส.เสือหิวจ้องกินตับ"ยิ่งลักษณ์"
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม ยก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขึ้นมาเปรียบเทียบกับ นายอภิสิทธิ์ ว่า 1. เป็นนักเรียนนอกเหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่านักเรียนนอกจะเป็นคนเก่งทุกคน 2.น.ส. ยิ่งลักษณ์ ประสบความสำเร็จในการบริหารธุรกิจ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะบริหหารประเทศให้สำเร็จได้ นักธุรกิจการเมืองบางคน ก็ทำให้ประเทศพังมาแล้ว อย่างที่เห็นอยู่ 3. บอกว่านายมิ่งขวัญ เป็นผู้นำไม่ได้ เพราะไม่เก่งเศรษฐกิจ เก่งแต่การตลาดนั้น ข้อเท็จจริงผู้นำประเทศจบทางด้านไหนก็ได้ ขอให้เป็นคนเก่ง คนดี มีความซื่อสัตย์สุจริต
4. บอกว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีเงินทุนไม่จำกัด แสดงให้เห็นว่าคนในพรรคเพื่อไทย หวังเอาเงินมาเป็นทุนทำการเมืองเป็นหลัก และมีความเชื่อว่าถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นหัวหน้าพรรค พ.ต.ท.ทักษิณ จะทุ่มเทให้มากกว่านายมิ่งขวัญ ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเหมาะสม ก็ควรจะเปิดตัวมาแต่เนิ่นๆ ประชาชนจะได้ตรวจสอบ และพิจารณาว่ามีวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศอย่างไร
ส่วนการประกาศวางมือจากการเมืองของ ร.ต.อ.เฉลิม ถ้าเป็นเรื่องจริง ก็เป็นที่น่าเสียดาย เพราะเป็นนักการเมืองที่สามารถสร้างสีสันให้กับวงการการเมืองได้ แต่ถ้าเป็นเกมการเมืองหวังการต่อรอง เรียกร้องความสนใจจากนายใหญ่ ก็เป็นเรื่องที่สังคมจะต้องพิจารณา เพราะก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิม เคยประกาศตั้งพรรคการเมืองกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ มาแล้ว แต่เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณโทรศัพท์มาให้ความสำคัญ ก็ล้มเลิกแนวความคิด และกลับมาเข้าร่วมการอภิปรายไม่ไว้วางใจอีก

** "แม้ว"ระบายอารณ์หลังแพ้ศึกซักฟอก
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินมายังเวทีนปช.ว่า เป็นการจัดเวทีของแกนนำเสื้อแดง เพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณ ระบายอารมณ์หลังจากได้โฟนอินมากำกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยตนเองแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ก็มาใช้เวทีคนเสื้อแดงอภิปรายไม่ไว้วางใจโจมตีรัฐบาลนอกสภา กล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้ทุจริต แต่ถ้าเทียบกับรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีการทุจริตจนถูกจับได้ ไล่ทัน นำคดีขึ้นสู่ศาล ศาลตัดสินจำคุกไปหลายคน ขณะที่รัฐบาลชุดนี้ยังไม่เห็นมีใครถูก ป.ป.ช.ชี้มูล หรือศาลตัดสินให้จำคุกแม้แต่คนเดียว การพูดถึงการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง พ.ต.ท.ทักษิณยังพยายามใส่ร้ายทหาร ว่าเป็นคนใช้ความรุนแรง ทั้งที่ ต้นเหตุของความรุนแรงเกิดจาก พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินมาปลุกระดมทั้งสิ้น
ส่วนที่บอกว่า สังคมวุ่นวายในขณะนี้เพราะไปรังแกคนๆเดียว คือตัวเองนั้น ในทางตรงกันข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ต่างหากที่เป็นตัวการสร้างความวุ่นวาย ไม่ยอมรับกติกาของบ้านเมือง โกงการเลือกตั้ง ถูกยุบพรรคก็มากล่าวหาว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ยุติธรรม ใส่ร้าย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และทหาร ว่าไปบีบพรรคร่วมมาจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ซึ่งไม่เป็นความจริงใดๆ ทั้งสิ้น

** เย้ย"ปุระชัย" น้ำดี ในน้ำเน่า
นายเทพไท แสดงความเห็นกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ประกาศตั้งพรรคการเมือง ชื่อว่า “พรรคประชาสันติ” โดยหวังให้เป็นทางเลือกใหม่กับประชาชน ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สังคมจะได้มีตัวเลือกทางการเมืองเพิ่มขึ้น ร.ต.อ.ปุระชัย ก็เป็นคนที่มีชื่อเสียง และสังคมยอมรับคนหนึ่ง แต่องค์ประกอบของพรรคการเมืองไม่ได้อยู่ที่หัวหน้าพรรคเพียงคนเดียว จะต้องดูทีมงาน กรรมการบริหารและนโยบายว่าสามารถที่จะสร้างความหวังให้กับประชาชนได้หรือไม่ ถ้าจะตั้งพรรคการเมืองน้ำดี แต่เอาน้ำเน่ามาใส่ในบ่อด้วย ก็จะกลายเป็นน้ำเน่าเหมือนเดิม
" พรรคประชาธิปัตย์ไม่หนักใจ เพราะถือว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคมี ส่วนแบ่งของตลาด และมีฐานเสียงมีแฟนพันธุ์แท้จริงของตัวเองอยู่ในระดับที่แน่นอน ถ้าเปรียบเทียบ หัวหน้าพรรคทุกพรรครวมถึง ร.ต.อ.ปุระชัย ด้วย ก็ยังเชื่อว่าประชาชนยังให้ความไว้วางใจ นายอภิสิทธิ์ เพราะมีความสามารถโดดเด่น เป็นที่ยอมรับมากกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ" นายเทพไท กล่าว

** "เจ๊มิ่ง-เป็ดเหลิม" วืดทั้งคู่
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ สะท้อนถึงความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทย ระหว่าง นายมิ่งขวัญ ผู้นำการอภิปราย กับ ร.ต.อ.เฉลิม ประธาน ส.ส. รวมไปถึงเนื้อหาการอภิปราย ที่มุ่งปมขัดแย้งทางการเมือง ทั้งที่ไม่มีหลักฐาน ทำให้กลายเป็นชนวนที่ทำให้สังคมแตกแยก และอาจทำไปสู่การเลือกตั้งที่ไม่ปกติได้
"เป็นที่ชัดเจนว่านายมิ่งขวัญ กับร.ต.อ.เฉลิม จะไม่ถูกวางตัวเป็นส.ส.สัดส่วน ลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย เพราะทั้สองคนปฏิเสธที่จะสวมเสื้อแดงนำการชุมนุมนอกสภา" โฆษกพรรคปชป. กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ที่โหวตไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคยังไม่ได้หารือว่าจะขับนายสมเกียรติออกจากพรรคหรือไม่ ทั้งนี้ที่ไม่ได้ขับ เพราะไม่ได้กลัวว่าจะเป็นการแตกหักกลับกลุ่มพันธมิตรฯ เนื่องจากพรรคได้แยกแยะถึงการทำหน้าที่ของผู้แทนในสภา

**รอยุบสภาก่อนค่อยเปิดชื่อหน.พรรค
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะลงรับเลือกตั้ง แบบ ส.ส.สัดส่วน ของพรรคเพื่อไทย จะเกิดประเด็นว่า จะมีความเปลี่ยนแปลงในระดับแกนนำของพรรคเพื่อไทยนั้น ตนขอยืนยันว่า ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆในขณะนี้ เนื่องจากพรรคยังจะรอให้ถึงวันที่มีการยุบสภา และหลังจากนั้นก็จะมีการลลงมติว่า ใครจะเป็นผู้ถูกเสนอชื่อในตำแหน่งผู้ชิงนายกรัฐมนตรี และผู้นำของพรรคเพื่อไทย แต่ขอยืนยันว่า ผู้นำของพรรคเพื่อไทย จะต้องมีคุณสมบัติดีกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น