วานนี้(19 ม.ค.)จากกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่าเตรียมจัดตั้งพรรคขึ้นมาใหม่หากพรรคเพื่อไทยไม่มีการปรับปรุงตามข้อเสนอ โดยจะใช้ชื่อพรรคใหม่ว่า “พรรคทางเลือกใหม่” และมีสโลแกน “ลดความขัดแย้ง เน้นการปรองดอง” พร้อมกับจะดึงนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย และนายนิติภูมิ นวรัตน์ คอลัมน์นิส มารวมพรรคนั้น
จากการตรวจสอบพบจากสำนักงานคณะกรรมการกาเรลือกตั้งขณะ ณ วันที่ 31 ธ.ค.53 พบว่า มีพรรคการเมืองที่ยังดำเนินการอยู่จำนวนทั้งสิ้น 50 พรรคการเมือง ซึ่งในจำนวนนั้นมีพรรครักประเทศไทย ที่นายชูวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคอยู่ ซึ่งได้มีการจดแจ้งจัดตั้งพรรครักประเทศไทย (ร.ป.ท.) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2553 มีนายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ เป็นเลขาธิการพรรค โดยที่ทำการพรรคตั้งอยู่ที่ 188 แขวงและเขตคลองเตย กทม.10110 ซึ่งตามข้อมูลเมื่อวันที่31 ธ.ค.53 นั้น นายชูวิทย์ มีสมาชิกพรรค 3,822 คน และมีสาขาพรรค 3 สาขา ซึ่งมาตรา 26 พ.ร.บ.พรรคการเมือง กำหนดไว้ว่า ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองใด พรรคการเมืองนั้นต้องดำเนินการรับสมัครสมาชิกพรรคให้มีจำนวนไม่น้อยกว่า ห้าพันคน และมีสาขาอย่างน้อยภาคละ 1 สาขา คือ 4 สาขา โดยพรรคของนายชูวิทย์ จะครบ 1 ปี ในวันที่ 18 ก.พ.54
แต่ปรากฎว่านายชูวิทย์ ได้ส่งรายงานการรับสมัครสมาชิกพรรคเพิ่มเติม พร้อมกับเพิ่มเติมสาขาพรรคเพิ่มเข้ามาอีก 1 สาขา เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา (คาดว่า ประมาณวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา)ทำให้ขณะนี้นายชูวิทย มีสมาชิกพรรคและสาขาพรรค ครบตามที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว
อย่างไรก็ตามนายชูวิทย์ พยายามที่จะตั้งพรรคการเมืองมาหลายครั้ง ซึ่งในครั้งแรกก็ได้ขอจดแจ้งจัดตั้งพรรคต้นตระกูลไทย แต่ก็ต้องขอยุบเลิกไป และได้ย้ายไปเป็นหัวหน้าพรรคเกษตรกรไทย และเปลี่ยนชื่อมาเป็นสู้เพื่อไทย แต่ก็ไม่สามารถหาสมาชิกพรรคได้ จึงได้ขอยุบเลิกไปเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 53 และมาขอจดแจ้งจัดตั้งพรรคใหม่ในชื่อพรรครักประเทศไทย ในปัจจุบัน
ส่วนทางด้านร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ ก็เคยจดแจ้งจัดตั้งพรรคสุวรรณภมิ เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2551 ใช้บ้านเลขที่ 88 หมู่ที่ 8 ต.หินดาด อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เป็นที่ทำการพรรค ที่กระแสข่าวตอนนั้นจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นพรรคเพื่อรองรับก๊วนของนายเนวิน ก่อนหน้านี้ แต่นายเนวินก็ไม่ได้เลือกมาเป็นพรรคการเมือง และนายทะเบียนก็ต้องให้ยุบเลิกไปเพราะหาสมาชิกพรรคไม่ครบ 5 พันคนตามที่กฎหมายกำหนดไว้
** “ไพจิต”เชื่อเหลิมแค่อารมณ์ชั่ววูบ
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะไม่ลาออกจากพรรคเพื่อไปตั้งพรรคการเมืองใหม่อย่างแน่นอน ทั้งนี้ ตนมองว่า เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่สุดท้ายจะใช้เหตุผลในการพิจารณา ซึ่งเชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาแต่อย่างใด และขณะนี้ ร.ต.อ.เฉลิมน่าจะมีภารกิจเรื่องงานมงคลสมรสของบุตรชาย ตนจึงยังไม่ได้มีการพบปะพูดคุย
** “เทพไท”ไล่ไปตั้งพรรคใหม่
ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า เป็นเรื่องดีหากร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย จะออกจากพรรคเพื่อไทยไปตั้งพรรคใหม่จริง ประชาชนจะได้มีทางเลือกมากขึ้น ตนเข้าใจความรู้สึกเหลิมดี เพราะเหมือนเจ้าของบ้านให้มาอาศัยอยู่ แต่ต้องนอนชานบ้าน สุภาษิตไทยว่า เป็นหัวหมาดีกว่าหางราชสีห์ การตัดสินใจของร.ต.อ.เฉลิมนั้นถูกต้องแล้ว และขอสนับสนุนให้ร.ต.อ.เฉลิมฟื้นฟูพรรคมวลชนของตัวเองขึ้นมาใหม่ เพราะประวัติศาสตร์การเมืองของร.ต.อ.เฉลิมอยู่มาหลายพรรค แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ ทั้ง พรรคกิจสังคม พรรคความหวังใหม่ และพรรคเพื่อไทย การออกมาตั้งพรรคใหม่นั้นคิดถูกแล้วเพราะอย่างน้อยคนที่ผิดหวังจากคนในพรรคเพื่อไทย และถูกกีดกันจากกลุ่มใกล้ชิดนายใหญ่ จะออกมาสนับสนุน และในวันนั้นจะได้เห็นการแสดงบทบาทและตัวตนที่แท้จริงของนักการเมืองที่ชื่อร.ต.อ.เฉลิม
**หวั่นกรุงเทพ 50 ย้ายตามกระทบผู้สมัคร
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากกลุ่มกรุงเทพ 50 ย้ายตาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกไปตั้งพรรคใหม่ จะส่งผลกระทบต่อการส่งผู้สมัครพื้นที่ กทม. เพราะขณะนี้กำลังทำการพิจารณาคัดเลือกผู้สมัคร โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมี.ค.นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับ กลุ่มกรุงเทพ 50 ตั้งขึ้นเมือปี 2550 มีพ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ เป้นแกนนำ ขณะที่มีบุคคลต่างในอดีตพรรคไทยรักไทยร่วมด้วย เช่น นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ นายพันธุ์เลิศ ใบหยก รวมถึงคนในตระกูลดังที่จับมือลงขันสืบทอดเจนารมณ์บรรพบุรุษ เช่น น.ส.ชนาพันษา นาลูล่า นายตระการ พันธุมเลิศรุจี นายธีรภัทร สูตะบุตร นายกรด โรจนเสถียร
นายบุญอนันต์ เปี่ยมพงศ์สานต์ เป็นต้น
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ กล่าวถึงกระแสข่าวว่า ส.ส.ในกลุ่มกรุงเทพ 50 อาจจะมีการย้ายตาม ร.ต.อ.เฉลิมไปจัดตั้งพรรคใหม่ว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองตรงนี้แล้ว
จากการตรวจสอบพบจากสำนักงานคณะกรรมการกาเรลือกตั้งขณะ ณ วันที่ 31 ธ.ค.53 พบว่า มีพรรคการเมืองที่ยังดำเนินการอยู่จำนวนทั้งสิ้น 50 พรรคการเมือง ซึ่งในจำนวนนั้นมีพรรครักประเทศไทย ที่นายชูวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคอยู่ ซึ่งได้มีการจดแจ้งจัดตั้งพรรครักประเทศไทย (ร.ป.ท.) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2553 มีนายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ เป็นเลขาธิการพรรค โดยที่ทำการพรรคตั้งอยู่ที่ 188 แขวงและเขตคลองเตย กทม.10110 ซึ่งตามข้อมูลเมื่อวันที่31 ธ.ค.53 นั้น นายชูวิทย์ มีสมาชิกพรรค 3,822 คน และมีสาขาพรรค 3 สาขา ซึ่งมาตรา 26 พ.ร.บ.พรรคการเมือง กำหนดไว้ว่า ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองใด พรรคการเมืองนั้นต้องดำเนินการรับสมัครสมาชิกพรรคให้มีจำนวนไม่น้อยกว่า ห้าพันคน และมีสาขาอย่างน้อยภาคละ 1 สาขา คือ 4 สาขา โดยพรรคของนายชูวิทย์ จะครบ 1 ปี ในวันที่ 18 ก.พ.54
แต่ปรากฎว่านายชูวิทย์ ได้ส่งรายงานการรับสมัครสมาชิกพรรคเพิ่มเติม พร้อมกับเพิ่มเติมสาขาพรรคเพิ่มเข้ามาอีก 1 สาขา เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา (คาดว่า ประมาณวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา)ทำให้ขณะนี้นายชูวิทย มีสมาชิกพรรคและสาขาพรรค ครบตามที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว
อย่างไรก็ตามนายชูวิทย์ พยายามที่จะตั้งพรรคการเมืองมาหลายครั้ง ซึ่งในครั้งแรกก็ได้ขอจดแจ้งจัดตั้งพรรคต้นตระกูลไทย แต่ก็ต้องขอยุบเลิกไป และได้ย้ายไปเป็นหัวหน้าพรรคเกษตรกรไทย และเปลี่ยนชื่อมาเป็นสู้เพื่อไทย แต่ก็ไม่สามารถหาสมาชิกพรรคได้ จึงได้ขอยุบเลิกไปเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 53 และมาขอจดแจ้งจัดตั้งพรรคใหม่ในชื่อพรรครักประเทศไทย ในปัจจุบัน
ส่วนทางด้านร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ ก็เคยจดแจ้งจัดตั้งพรรคสุวรรณภมิ เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2551 ใช้บ้านเลขที่ 88 หมู่ที่ 8 ต.หินดาด อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เป็นที่ทำการพรรค ที่กระแสข่าวตอนนั้นจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นพรรคเพื่อรองรับก๊วนของนายเนวิน ก่อนหน้านี้ แต่นายเนวินก็ไม่ได้เลือกมาเป็นพรรคการเมือง และนายทะเบียนก็ต้องให้ยุบเลิกไปเพราะหาสมาชิกพรรคไม่ครบ 5 พันคนตามที่กฎหมายกำหนดไว้
** “ไพจิต”เชื่อเหลิมแค่อารมณ์ชั่ววูบ
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะไม่ลาออกจากพรรคเพื่อไปตั้งพรรคการเมืองใหม่อย่างแน่นอน ทั้งนี้ ตนมองว่า เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่สุดท้ายจะใช้เหตุผลในการพิจารณา ซึ่งเชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาแต่อย่างใด และขณะนี้ ร.ต.อ.เฉลิมน่าจะมีภารกิจเรื่องงานมงคลสมรสของบุตรชาย ตนจึงยังไม่ได้มีการพบปะพูดคุย
** “เทพไท”ไล่ไปตั้งพรรคใหม่
ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า เป็นเรื่องดีหากร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย จะออกจากพรรคเพื่อไทยไปตั้งพรรคใหม่จริง ประชาชนจะได้มีทางเลือกมากขึ้น ตนเข้าใจความรู้สึกเหลิมดี เพราะเหมือนเจ้าของบ้านให้มาอาศัยอยู่ แต่ต้องนอนชานบ้าน สุภาษิตไทยว่า เป็นหัวหมาดีกว่าหางราชสีห์ การตัดสินใจของร.ต.อ.เฉลิมนั้นถูกต้องแล้ว และขอสนับสนุนให้ร.ต.อ.เฉลิมฟื้นฟูพรรคมวลชนของตัวเองขึ้นมาใหม่ เพราะประวัติศาสตร์การเมืองของร.ต.อ.เฉลิมอยู่มาหลายพรรค แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ ทั้ง พรรคกิจสังคม พรรคความหวังใหม่ และพรรคเพื่อไทย การออกมาตั้งพรรคใหม่นั้นคิดถูกแล้วเพราะอย่างน้อยคนที่ผิดหวังจากคนในพรรคเพื่อไทย และถูกกีดกันจากกลุ่มใกล้ชิดนายใหญ่ จะออกมาสนับสนุน และในวันนั้นจะได้เห็นการแสดงบทบาทและตัวตนที่แท้จริงของนักการเมืองที่ชื่อร.ต.อ.เฉลิม
**หวั่นกรุงเทพ 50 ย้ายตามกระทบผู้สมัคร
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากกลุ่มกรุงเทพ 50 ย้ายตาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกไปตั้งพรรคใหม่ จะส่งผลกระทบต่อการส่งผู้สมัครพื้นที่ กทม. เพราะขณะนี้กำลังทำการพิจารณาคัดเลือกผู้สมัคร โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมี.ค.นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับ กลุ่มกรุงเทพ 50 ตั้งขึ้นเมือปี 2550 มีพ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ เป้นแกนนำ ขณะที่มีบุคคลต่างในอดีตพรรคไทยรักไทยร่วมด้วย เช่น นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ นายพันธุ์เลิศ ใบหยก รวมถึงคนในตระกูลดังที่จับมือลงขันสืบทอดเจนารมณ์บรรพบุรุษ เช่น น.ส.ชนาพันษา นาลูล่า นายตระการ พันธุมเลิศรุจี นายธีรภัทร สูตะบุตร นายกรด โรจนเสถียร
นายบุญอนันต์ เปี่ยมพงศ์สานต์ เป็นต้น
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ กล่าวถึงกระแสข่าวว่า ส.ส.ในกลุ่มกรุงเทพ 50 อาจจะมีการย้ายตาม ร.ต.อ.เฉลิมไปจัดตั้งพรรคใหม่ว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองตรงนี้แล้ว
