หลังจากที่ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ตั้งตนเป็นหัวหน้ามุ้ง ซุ่มโป่งดึงงบประมาณมาวางบนหน้าตัก ก่อนกระจายไปยังบรรดาส.ส.พรรคเพื่อไทย อย่างทั่วถึง ถ้วนหน้า
ว่ากันว่า รายได้เดือนละแสน ไม่รวมโบนัสพิเศษ ก็ทำเอาได้ใจส.ส.ไปเต็มๆ
จนเกิดปฏิบัติการรวมกลุ่มสำแดงพลัง ขอโอกาสให้ “มิ่งขวัญ” เป็นผู้นำการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เลยเถิดไปถึงขั้นจะสถาปนาให้เป็นหัวหน้าพรรคกันเลยทีเดียว แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่ ก็ลองเปิดไฟเขียวให้ชิมลางนำการซักฟอกไปก่อน
คนที่มีอาการช็อกภายในมากที่สุด คงหนีไม่พ้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส. ที่ได้รับบทบาทการนำในเวทีซักฟอกมาตลอด 2 ครั้งที่ผ่านมา แม้จะออกปากบอกว่ายินดีให้ “มิ่งขวัญ” รับหน้าที่แทน แต่ในใจเหมือนไฟสุมขอน
แม้ จะไม่แสดงออกในทันที แต่ท่าทีก็บ่งชี้ชัดมาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทรรศนะความเห็นเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจใดๆออกมาจากปากร.ต.อ.เฉลิม ไม่มีการเข้ามาช่วยเหลือ หรือข้องเกี่ยวกับการเตรียมข้อมูลที่ทีมงานมิ่งขวัญกำลังขะมักเขม้นกันอยู่
เฝ้ามองดูด้วยหางตาว่า “มิ่งขวัญ” จะทำได้แค่ไหน !!
ล่าสุด “เหลิม” ออกมาประกาศกันชัดๆ หลังจากอ่านคำสัมภาษณ์ของส.ส.ใกล้ชิด “มิ่งขวัญ” แล้วเกิดอาการควันออกหู เพราะเหมือนเหน็บแนมกันในที
“ผม ยินดีที่จะให้ข้อมูล แต่จะไม่ร่วมอภิปรายครั้งนี้ เพราะส.ส.ที่ใกล้ชิดนายมิ่งขวัญบางคนระบุว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะมีรูปแบบสมานฉันท์ ไม่ดุเดือดเลือดพล่าน เลือดท่วมจอ พร้อมเสนอนโยบายควบคู่ไปด้วย ซึ่งไม่ตรงกับแนวทางของผม ที่คิดว่าการอภิปรายซักฟอกจะต้องนำเรื่องการทุจริต การบริหารงานที่ล้มเหลวมาถล่มรัฐบาลตีแผ่ให้ประชาชนเห็น นายมิ่งขวัญอาจจะมีข้อมูลที่ดีก็ได้ ก็ขอภาวนาให้นายมิ่งขวัญประสบความสำเร็จ ยืนยันว่าไม่ได้น้อยใจอะไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนายมิ่งขวัญ ถ้าหากผมเข้าไปมีส่วนร่วมกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วเกิดข้อผิดพลาด ก็อาจจะมีเสียงตำหนิว่าเป็นตัวการ ดังนั้นก็จะไม่ขอมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ โดยจะไปใช้เวทีสภาตั้งกระทู้ถามแทน”
ชัดเจน แบบไม่ต้องแปล ไม่ร่วมวงศ์ไพบูลย์ ศึกซักฟอกครั้งนี้แน่นอน พร้อมตอบคำถามที่ว่าถ้าถึงที่สุดแล้วพ.ต.ท.ทักษิณร้องขอให้ช่วยอภิปรายด้วย จะว่าอย่างไร
“ผมเป็นลูกพรรค เป็นเพื่อนพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ลูกน้อง การอภิปรายครั้งนี้ถึงอย่างไรก็คงไม่ร่วมด้วย”
วงสนทนาหลังฉากฉบับเอ็กคลูซีฟแจ้งว่า “เหลิม”ไม่ต้องการมีส่วนร่วมกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มี “มิ่งขวัญ” เป็นผู้นำ จะนั่งอยู่บนภูรอดูเสือลำบาก เนื่องจากประเมินแล้วว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ คงไม่มีข้อมูลที่สามารถน็อกรัฐบาลคาสภาได้
และถึงแม้ว่านายมิ่งขวัญอาจจะมีข้อมูลที่ดี แต่การนำเสนอต่อสาธารณะคงทำได้ไม่ดีพอ เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ในรูปแบบของการอภิปรายซักฟอก
ทั้งยังเชื่อว่า “มิ่งขวัญ” จะโดนส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กระแนะกระแหนเรื่องบุคลิกส่วนตัว และการพูดจาที่นิ่มนวลเกินไป จนทำให้น้ำหนักของการอภิปรายลดลงไป
สุดท้ายจะเป็นการฆ่าตัวตาย โดยมีเวทีสภาเป็นลานฮาราคีรี !!
นอกจากนั้น “น้าเหลิม” ยังเผยด้วยอาการคับแค้นข้องใจว่า ถ้าหากวันใด “มิ่งขวัญ” จับพลัดจับผลูก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค วันนั้นจะมีทางเลือกให้ตัวเองแค่ 2 ทาง คือ 1. เลิกเล่นการเมือง 2. แยกตัวไปตั้งพรรคใหม่ โดยขอส.ส.ติดตามไปไม่กี่คน จะทำในรูปแบบพรรคมวลชน หรือพรรคกิจสังคมในปัจจุบัน
แต่กระนั้น “เหลิม” ก็ยังมีความเชื่ออยู่เต็มเปี่ยมว่าหัวหน้าพรรคที่แท้จริงของพรรคเพื่อไทย คือ “ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เติบโตมาจากแวดวงธุรกิจ เฉกเช่นเดียวกับพี่ชาย เพราะ “ยิ่งลักษณ์” คือสัญลักษณ์ที่ทุกคนในพรรคยอมรับได้ แม้กระทั่งพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย
ถ้าหากเป็น “มิ่งขวัญ” ตัวเขาเอง พล.อ.ชวลิต ตลอดจนแกนนำ และส.ส.บางส่วน คงทำใจยอมรับได้ยาก..
อาการ น้อยเนื้อต่ำใจถึงขีดสุด ล่าสุด ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศผ่านสาธารณะดังๆเลยว่า คิดแผนการไปตั้งพรรคใหม่ร่วมกับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ ถ้าพรรคไม่รับเงื่อนไข 3 ข้อ 1.ต้องขายทักษิณ 2.แนวนโยบายต้องปรับปรุง 3. กทม.ต้องเปลี่ยนแปลง แบ่งโซนใหม่
สำหรับปัจจัยที่ “มิ่งขวัญ” ได้มาเป็นกอบเป็นกำ แหล่งข่าวชั้นในแจ้งว่า “เหลิม” เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าเป็นสายป่านที่ยาวมาจากพรรคภูมิใจไทย ผ่านเครือข่ายธุรกิจ
เครือข่าวนี้มีเจตนาหวังดี ประสงค์ร้าย มุ่งหมายที่จะ “สปลิท” แยกตัวกลุ่มส.ส.ของ “มิ่งขวัญ” ออกจากพรรคเพื่อไทยไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งตั้งเป้าไว้หลายสิบคนถึงครึ่งร้อย
แต่ “เหลิม” ยังเชื่อว่า คงทำได้เพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะมองว่าคนที่จะร่วมเป็นร่วมตายกับ “มิ่งขวัญ” นั้น มีแค่ต่ำสิบ!! เชื่อว่าชื่อของพ.ต.ท.ทักษิณยังคงขายได้ ส.ส.ไม่กล้าตีจากไปไหน
ว่ากันว่า รายได้เดือนละแสน ไม่รวมโบนัสพิเศษ ก็ทำเอาได้ใจส.ส.ไปเต็มๆ
จนเกิดปฏิบัติการรวมกลุ่มสำแดงพลัง ขอโอกาสให้ “มิ่งขวัญ” เป็นผู้นำการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เลยเถิดไปถึงขั้นจะสถาปนาให้เป็นหัวหน้าพรรคกันเลยทีเดียว แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่ ก็ลองเปิดไฟเขียวให้ชิมลางนำการซักฟอกไปก่อน
คนที่มีอาการช็อกภายในมากที่สุด คงหนีไม่พ้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส. ที่ได้รับบทบาทการนำในเวทีซักฟอกมาตลอด 2 ครั้งที่ผ่านมา แม้จะออกปากบอกว่ายินดีให้ “มิ่งขวัญ” รับหน้าที่แทน แต่ในใจเหมือนไฟสุมขอน
แม้ จะไม่แสดงออกในทันที แต่ท่าทีก็บ่งชี้ชัดมาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทรรศนะความเห็นเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจใดๆออกมาจากปากร.ต.อ.เฉลิม ไม่มีการเข้ามาช่วยเหลือ หรือข้องเกี่ยวกับการเตรียมข้อมูลที่ทีมงานมิ่งขวัญกำลังขะมักเขม้นกันอยู่
เฝ้ามองดูด้วยหางตาว่า “มิ่งขวัญ” จะทำได้แค่ไหน !!
ล่าสุด “เหลิม” ออกมาประกาศกันชัดๆ หลังจากอ่านคำสัมภาษณ์ของส.ส.ใกล้ชิด “มิ่งขวัญ” แล้วเกิดอาการควันออกหู เพราะเหมือนเหน็บแนมกันในที
“ผม ยินดีที่จะให้ข้อมูล แต่จะไม่ร่วมอภิปรายครั้งนี้ เพราะส.ส.ที่ใกล้ชิดนายมิ่งขวัญบางคนระบุว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะมีรูปแบบสมานฉันท์ ไม่ดุเดือดเลือดพล่าน เลือดท่วมจอ พร้อมเสนอนโยบายควบคู่ไปด้วย ซึ่งไม่ตรงกับแนวทางของผม ที่คิดว่าการอภิปรายซักฟอกจะต้องนำเรื่องการทุจริต การบริหารงานที่ล้มเหลวมาถล่มรัฐบาลตีแผ่ให้ประชาชนเห็น นายมิ่งขวัญอาจจะมีข้อมูลที่ดีก็ได้ ก็ขอภาวนาให้นายมิ่งขวัญประสบความสำเร็จ ยืนยันว่าไม่ได้น้อยใจอะไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนายมิ่งขวัญ ถ้าหากผมเข้าไปมีส่วนร่วมกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วเกิดข้อผิดพลาด ก็อาจจะมีเสียงตำหนิว่าเป็นตัวการ ดังนั้นก็จะไม่ขอมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ โดยจะไปใช้เวทีสภาตั้งกระทู้ถามแทน”
ชัดเจน แบบไม่ต้องแปล ไม่ร่วมวงศ์ไพบูลย์ ศึกซักฟอกครั้งนี้แน่นอน พร้อมตอบคำถามที่ว่าถ้าถึงที่สุดแล้วพ.ต.ท.ทักษิณร้องขอให้ช่วยอภิปรายด้วย จะว่าอย่างไร
“ผมเป็นลูกพรรค เป็นเพื่อนพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ลูกน้อง การอภิปรายครั้งนี้ถึงอย่างไรก็คงไม่ร่วมด้วย”
วงสนทนาหลังฉากฉบับเอ็กคลูซีฟแจ้งว่า “เหลิม”ไม่ต้องการมีส่วนร่วมกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มี “มิ่งขวัญ” เป็นผู้นำ จะนั่งอยู่บนภูรอดูเสือลำบาก เนื่องจากประเมินแล้วว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ คงไม่มีข้อมูลที่สามารถน็อกรัฐบาลคาสภาได้
และถึงแม้ว่านายมิ่งขวัญอาจจะมีข้อมูลที่ดี แต่การนำเสนอต่อสาธารณะคงทำได้ไม่ดีพอ เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ในรูปแบบของการอภิปรายซักฟอก
ทั้งยังเชื่อว่า “มิ่งขวัญ” จะโดนส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กระแนะกระแหนเรื่องบุคลิกส่วนตัว และการพูดจาที่นิ่มนวลเกินไป จนทำให้น้ำหนักของการอภิปรายลดลงไป
สุดท้ายจะเป็นการฆ่าตัวตาย โดยมีเวทีสภาเป็นลานฮาราคีรี !!
นอกจากนั้น “น้าเหลิม” ยังเผยด้วยอาการคับแค้นข้องใจว่า ถ้าหากวันใด “มิ่งขวัญ” จับพลัดจับผลูก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค วันนั้นจะมีทางเลือกให้ตัวเองแค่ 2 ทาง คือ 1. เลิกเล่นการเมือง 2. แยกตัวไปตั้งพรรคใหม่ โดยขอส.ส.ติดตามไปไม่กี่คน จะทำในรูปแบบพรรคมวลชน หรือพรรคกิจสังคมในปัจจุบัน
แต่กระนั้น “เหลิม” ก็ยังมีความเชื่ออยู่เต็มเปี่ยมว่าหัวหน้าพรรคที่แท้จริงของพรรคเพื่อไทย คือ “ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เติบโตมาจากแวดวงธุรกิจ เฉกเช่นเดียวกับพี่ชาย เพราะ “ยิ่งลักษณ์” คือสัญลักษณ์ที่ทุกคนในพรรคยอมรับได้ แม้กระทั่งพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย
ถ้าหากเป็น “มิ่งขวัญ” ตัวเขาเอง พล.อ.ชวลิต ตลอดจนแกนนำ และส.ส.บางส่วน คงทำใจยอมรับได้ยาก..
อาการ น้อยเนื้อต่ำใจถึงขีดสุด ล่าสุด ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศผ่านสาธารณะดังๆเลยว่า คิดแผนการไปตั้งพรรคใหม่ร่วมกับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ ถ้าพรรคไม่รับเงื่อนไข 3 ข้อ 1.ต้องขายทักษิณ 2.แนวนโยบายต้องปรับปรุง 3. กทม.ต้องเปลี่ยนแปลง แบ่งโซนใหม่
สำหรับปัจจัยที่ “มิ่งขวัญ” ได้มาเป็นกอบเป็นกำ แหล่งข่าวชั้นในแจ้งว่า “เหลิม” เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าเป็นสายป่านที่ยาวมาจากพรรคภูมิใจไทย ผ่านเครือข่ายธุรกิจ
เครือข่าวนี้มีเจตนาหวังดี ประสงค์ร้าย มุ่งหมายที่จะ “สปลิท” แยกตัวกลุ่มส.ส.ของ “มิ่งขวัญ” ออกจากพรรคเพื่อไทยไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งตั้งเป้าไว้หลายสิบคนถึงครึ่งร้อย
แต่ “เหลิม” ยังเชื่อว่า คงทำได้เพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะมองว่าคนที่จะร่วมเป็นร่วมตายกับ “มิ่งขวัญ” นั้น มีแค่ต่ำสิบ!! เชื่อว่าชื่อของพ.ต.ท.ทักษิณยังคงขายได้ ส.ส.ไม่กล้าตีจากไปไหน
