ASTVผู้จัดการรายวัน-"เหลิม"ขู่ทิ้งเพื่อไทย เตรียมเผ่นตั้งพรรค "ทางเลือกใหม่" ดึง"ชูวิทย์-นิติภูมิ" ร่วมแก๊ง หากนโยบายชู "แม้ว"กลับบ้าน และแบ่งกรุงเทพฯ เป็น 3 โซน ไม่ได้รับการตอบรับจากคนในพรรค แต่เมื่อเจอ"เจ๊มิ่ง-ยิ่งลักษณ์" กลับตีหน้าซื่อ บอกไม่ลาออกแล้ว ขณะที่ "ชูวิทย์"ยังกั๊ก แต่บอกเป็นแกงเผ็ดเหมือนกัน "วิชาญ"แฉเหลิมแบ่งกรุงเทพฯ แค่อยากส่งลูกลงส.ส. ส่วน "เทือก"เย้ยฝ่ายค้านอภิปรายไม่ระคายผิว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานมงคลสมรสระหว่างนายอาจหาญ อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย กับน.ส.ชญาณภัทร ศิโรรัตน์ เมื่อค่ำวานนี้ (18 ม.ค.) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ มีนักการเมืองจากฝ่ายค้าน และรัฐบาลมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก อาทิ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ นายวิทยา บุรณศิริ นายจตุพร พรหมพันธุ์ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก นายมั่น พัธโนทัย นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ นายอลงกรณ์ พลบุตร นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นายประวิทย์ มาลีนนท์ เป็นต้น
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ให้สัมภาษณ์ ถึงกระแสข่าวจะไปตั้งพรรคใหม่กับร.ต.อ.เฉลิมว่า การเมืองเป็นเรื่องอนาคต แต่ตนกลับมาเล่นการเมืองแน่ ส่วนจะมาตั้งพรรคกับร.ต.อ.เฉลิมหรือไม่ ต้องบอกว่า ตนกับร.ต.อ.เฉลิม เปรียบเสมือนแกงเผ็ด ฉะนั้นแกงเผ็ด ต้องอยู่คู่กับแกงเผ็ด ร.ต.อ.เฉลิม กับตนไปด้วยกันได้ ทำงานด้วยกันได้แน่ แต่การเมืองตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา จะพูดอะไร ก็ต้องดูเวลาและโอกาส เสมือนลิเก เวลาจะเล่นก็ต้องมีปี่ มีกลอง หากเสียงปี่กลองยังไม่ลั่น อย่าเพิ่งพูดอะไร
ก่อนหน้านั้น เวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ฯ ร.ต.อ.เฉลิม ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่าอาจจะไปตั้งพรรคใหม่ ว่า ในระยะนี้คงยังไม่ไปถึงการตั้งพรรคการเมืองใหม่ แต่ก็มีแนวคิดในเรื่องนี้บ้าง ตนทำงานให้พรรคอย่างเต็มที่ และเห็นว่ามีประชาชนชื่นชมพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงได้ขายแนวคิดที่ยึดโยงกับพ.ต.ท.ทักษิณ เสนอให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับทุกภาคส่วนตั้งแต่หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 2549 และก็รับพ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน ซึ่งคนในพรรคหลายคนออกมาคัดค้านแล้วก็ไปแสดงความเห็นว่า ใครก็ตามที่ผูกพันกับพ.ต.ท.ทักษิณ แปลว่าไม่ได้ออกเงินและหวังได้ดี ซึ่งไม่ใช่ ตนไม่ได้ออกเงินจริง เพราะไม่มีเงินและไม่มีเงินมาเล่นการเมือง เนื่องจากไม่เคยทุจริต และก็ไม่มีเงินมากพอที่จะไปแจกคนในพรรค
"วันนี้เมื่อเริ่มมีแนวคิดไม่ตรงกันก็ต้องแสดงความเห็น เมื่อคนในพรรคบอกว่าไม่ขายพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ขอถามหน่อยว่าแล้วจะขายใครเพื่อให้ชนะเลือกตั้ง เพราะมันขี้เหร่ทั้งนั้น ตนก็ขายไม่ได้ มีตำหนิ ถูกมองว่ารักลูกเกินไป"
*** แขวะอภิปรายสมานฉันท์หน่อมแน้ม
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า สำหรับการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ตนไม่ได้น้อยใจ แต่มีข่าวว่าการอภิปรายครั้งนี้ จะดุเดือดเลือดพล่านเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้ นั่นแสดงว่า คุณแขวะใคร แล้วทำไมเมื่อก่อนคุณไม่แขวะตน เพราะคุณรับประโยชน์อะไรมาหรือไม่ แขวะกันบ่อย บางคนก็บอกว่า จะอภิปรายเชิงสมานฉันท์ บางคนก็บอกว่าการอภิปรายครั้งนี้ จะเสนอนโยบายควบคู่ด้วย ซึ่งตนได้บอกไปว่าแนวทางไม่ตรงกับตน เพราะแนวทางตน คือ ต้องเต็มที่ เปิดโปง เปิดแผล เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งมั่นใจว่า การอภิปราย 2 ครั้งที่ผ่านมา ได้ฝากแผลเป็นให้กับพรรคประชาธิปัตย์
***ขู่ไม่เห็นตามข้อเสนอถอนตัวตั้งพรรคใหม่
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องทำ 3 ข้อ ถ้าไม่ทำทั้ง 3 ข้อ ตนก็จะคิดใหม่ ตนไม่ได้บังคับ และข้อเสนอของตนก็เป็นเรื่องดี ขอถามว่าถ้าขายนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ จะเอาอะไรไปขาย จะขายตนก็ไม่ได้ ต้องขายพ.ต.ท.ทักษิณ การปราศรัยคุณเคยออกพื้นที่ไหม ไอ้นักรบห้องแอร์ สร้างความปั่นป่วน บางคนมีสตางค์หน่อยก็สร้างความยุ่งยากในพรรค ตนรับไม่ได้ เรื่องในพรรคไม่มีใครตัดสินใจได้ โดยสิ่งที่ตนเสนอไป คือ 1.ต้องขายพ.ต.ท.ทักษิณ 2.แนวนโยบายต้องปรับปรุง และ 3.กทม. ต้องเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ ในส่วนของกทม. ใหญ่มาก มี ส.ส. 36 คน พรรคควรจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้มาก โดยได้เสนอให้แบ่งเป็นกทม. รอบนอก กทม.ตรงกลาง และกทม.ฝั่งธน แต่พรรคก็เฉยๆ ตรงกันข้ามยังสกัดกั้นตนและแขวะไปแขวะมา ทำนองว่าตนจะเอาลูกลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ขอยืนยันว่า บุตรชายจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.
"ถ้าเป็นราหูอมจันทร์อย่างนี้ มันไม่ได้ มันไม่ชนะ มันพากันแพ้หมด พรรคเพื่อไทยวันนี้อยู่ในพื้นที่อันตราย คุณไม่ได้เกินกึ่งหนึ่งคุณจำไว้เลยว่า ไม่ได้ตั้งรัฐบาล คุณได้เกินกึ่ง แต่ถ้ากกต.ไม่รับรองแม้คุณจะได้มาก ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นคราวนี้ต้องชนะแลนสไลด์ ซึ่งมีทางเดียวคือ ต้องขายพ.ต.ท.ทักษิณ จะเอานายมิ่งขวัญ ประกบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือมันไม่ได้ ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังไปได้ ชายหล่อกับหญิงสวย ทั้ง 2 คนก็นักเรียนนอก แต่ไม่ใช่ว่าตนคัดค้านนายมิ่งขวัญ แต่เพราะมันไม่ชนะ อภิปรายรอบนี้ คุณว่าของคุณไป แต่อย่ามายุ่งกับผม"
***ยอมรับจีบ"ชูวิทย์-นิติภูมิ"จริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะได้ข้อสรุปเรื่องการตั้งพรรคเมื่อไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องมีระยะเวลาพอสมควร อย่างน้อยต้องมี 3 เดือนจากนี้ เพราะถ้าปล่อยยาวไป มันจะเตรียมตัวไม่ทัน ตนคิดชื่อพรรคไว้แล้ว ชื่อพรรคทางเลือกใหม่ หรือนิว อัลเตอร์เนทีฟ ปาร์ตี้ ลดความขัดแย้ง สร้างความปรองดอง ตนจะลงเลือกตั้งในเขตกรุงเทพฯ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า ร.ต.อ.เฉลิม เป็นส.ส.กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2526 ทำให้พวกปากหอยปากปู จุ๊บจิ๊บ หุบปาก
ทั้งนี้ เรื่องนี้ไม่ได้คุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะไม่เคยคุยกันอยู่แล้ว ขอบอกถึงนายมิ่งขวัญด้วยว่า ขอให้ตั้งใจทำงานให้ดี อย่ามาห่วงตน แล้วใครก็ตามที่ออกมาพูด ถ้าเป็นคนที่รับเงินจากคุณ คุณต้องห้ามเขา เพราะพวกตนในพรรคก็มี เดี๋ยวเขาก็ออกไปสวนบ้าง เดี๋ยวไปกันใหญ่ นี่ตนลงมาสวนเองเพราะไม่สบายใจ มากล่าวหากันทำไม ให้คนอื่นเขาด่าเราดีกว่า ตนอดทนมามาก นึกว่าไม่รู้หรือ ไปจ่ายเงินกันชั้นไหน นึกว่าไม่รู้หรือว่าที่สภาใครจ่ายเงิน รู้ทั้งนั้น แต่ว่าอย่าทำลายกัน
ส่วนได้คุยกับใครไว้ในกรณีที่ตั้งพรรคใหม่บ้าง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คิดว่าจะคุยกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ รวมทั้งคนที่อยากจะลงสมัครรับเลือกตั้งในกรุงเทพฯ แต่ถูกสกัดกั้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะไปถึงจุดนั้น ขอดูท่าทีของพรรคเพื่อไทยก่อน ถ้าปฏิเสธแนวคิดที่ตนบอก ก็เป็นเรื่องที่ตัดสินใจง่ายขึ้น ตนไม่เนรคุณ ยังรักเคารพ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยังเป็นเพื่อนกัน โดยเบื้องต้นคุยกับนายชูวิทย์แล้ว เขาก็ตั้งพรรคการเมืองชื่อรักเมืองไทย ตรงนี้คุยกันได้
*** "เหลิม-มิ่ง"เล่นบทหน้าไหว้หลังหลอก
ขณะที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะไม่เข้าร่วมการอภิปราย แต่ส่วนตัวตนถือว่า ขณะนี้ตนไม่ได้มีความขัดแย้งกับร.ต.อ.เฉลิม อีกทั้งถ้าตนได้รับมติจากพรรคให้เป็นผู้นำในการอภิปราย ตนก็ยังอยากจะให้ ร.ต.อ.เฉลิม เข้าร่วมการอภิปรายด้วย
ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ได้มีการจับไม้จับมือกับนายมิ่งขวัญด้วยท่าทีเป็นมิตร และกล่าวว่า การเมืองเห็นต่างได้ แต่อย่าแตกแยก โดยร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ต่ออีกว่า เรื่องการลาออกจากพรรคของตน เป็นการเข้าใจผิด และที่ฝ่ายค้านแตกแยกก็เพื่อนำไปสู่การตกผลึก เพื่อนำไปสู่ชัยชนะ ซึ่งวันนี้คนในพรรคต้องช่วยกัน
ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้แซว ร.ต.อ.เฉลิม ว่า ถ้าลาออกจะไปบุกบ้านริมคลอง ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม ก็ยืนยันว่าจะไม่ลาออก
ด้านพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเดินทางมาร่วมงานให้สัมภาษณ์ว่า ได้คุยกับร.ต.อ.เฉลิมแล้ว และได้รับการยืนยันว่า ไม่ลาออกแน่นอน แต่ถ้าลาออกก็มีผลกระทบต่อพรรค อย่างไรก็ตาม พรรคต้องเป็นสถาบัน ไม่ว่าใครจะไปพรรคก็ต้องเดินต่อไปให้ได้
***วิชาญเผยไต๋เหลิมอยากให้ลูกลงส.ส.
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธาน ส.ส.ภาคกทม. ของพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีร.ต.อ.เฉลิม เสนอให้พรรคเพื่อไทย แบ่งพื้นที่กทม. ออกเป็น 3 โซน คือ ชั้นนอก ชั้นกลาง และธนบุรี โดยให้พรรคกำหนดผู้รับผิดชอบในการดูแลให้ชัดเจนในการเลือกตั้งว่า คงไม่สามารถแบ่งได้ตามที่เสนอ อีกทั้งทางกทม. ก็มีแนวทางในการทำงานอยู่แล้ว และตนก็ไม่รู้ว่าจะไปแบ่งเพื่ออะไร เพราะกรุงเทพฯ ก็คือหนึ่งจังหวัด ที่มีรอยต่อติดต่อกันมาทั้งหมดอยู่แล้ว
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม บอกว่าที่ผ่านมาถูกกีดกันแนวคิด การทำงานมาโดยตลอดนั้น ตนเชื่อว่า ที่ผ่านมา ในพรรคเพื่อไทย ก็มีการติดต่อสื่อสาร ไต่ถาม มาโดยตลอดว่า ต้องการนำเอาใครมาลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวตนคิดว่าความขัดแย้งในครั้งนี้คงไม่มีความเกี่ยวข้องกับทางภาคกทม.แต่อย่างเดียว แต่น่าจะเป็นภาพรวมทั้งหมดมากกว่า
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าหากร.ต.อ.เฉลิม ต้องการนำเอาลูกชายตนเองมาลงรับสมัครเลือกตั้ง ก็สามารถทำได้ตามขั้นตอน และขอยืนยันว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกสรรบุคคลที่จะมาลงสมัครรับเลือกตั้งในภาคกทม.
***"เทือก"เย้ยซักฟอกไม่ระคายผิว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้เตรียมประเด็นเอาไว้มากมาย รวมทั้งเรื่องการใช้งบของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ ) ว่า ในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบของบ้านเมืองในช่วงที่เกิดวิกฤติการณ์ ทั้งเมื่อช่วงสงกรานต์ปี 52 และเหตุการณ์ปี 53 หลายเดือนมานี้ ตนเป็นผู้รับผิดชอบ จึงมีข้อมูลเอกสารหลักฐานและข้อเท็จจริงที่จะนำไปเรียนต่อสภาผู้แทนราษฎร หากมีการอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องเตรียมอะไร เพราะตนดูแลเหตุการณ์ด้วยตัวเองทุกวัน ทราบเรื่องดีทุกขั้นตอน
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศไม่ร่วมการอภิปรายภายใต้การนำของนายมิ่งขวัญนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า นี่ เป็นเรื่องภายในของพรรคเพื่อไทย จะให้ใครอภิปราย หรือใครไม่อภิปรายตนคงไม่สามารถไปก้าวล่วงได้ แต่ในแง่ความเป็นนักการเมืองด้วยกัน ร.ต.อ.เฉลิม เป็นคนอภิปรายที่มีแฟนติดใจ เคยอภิปรายตอบโต้กับตนมาหลายครั้งระหว่างที่ทำงานการเมืองกันมา
อย่างไรก็ตาม มันไม่เกี่ยวกับว่าใครจะเป็นผู้อภิปราย แต่เกี่ยวกับการนำเสนอข้อมูล ถ้าฝ่ายค้านยกความจริงมาพูด และมีประเด็นที่ชี้ชัดว่า เป็นความบกพร่องของรัฐบาล ทางรัฐบาล ก็ต้องเอาข้อเท็จจริงหลักฐานพยานทั้งหลายไปชี้แจงให้เห็นว่า ที่ฝ่ายค้านอภิปรายนั้นเข้าใจผิด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ แต่ถ้าพูดจาด้วยความเท็จ ใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือนเหตุการณ์ หรือสถานการณ์อย่างนี้ ก็ไม่เป็นประโยชน์ แต่ว่ารัฐบาลก็ไม่หนักใจอะไร เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น เราจะถ่ายทอดทั้งทางวิทยุและสถานีโทรทัศน์ พี่น้องประชาชนจะได้ใช้วิจารณญาณในการวินิจฉัยว่า ใครพูดจริง ใครพูดไม่จริง ใครมีเหตุผล หรือใครไม่มีเหตุผล
***ชี้“บิ๊กจิ๋ว-เฉลิม”น้อยใจจึงถอนตัว
นายเทพไท เสนพษ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประเมินรูปแบบการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ว่า ตนมองว่าจะแบ่งเป็น 3 ด้าน คือ 1.ด้านเศรษฐกิจ มีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็นผู้รับผิดชอบ 2.ด้านความมั่นคงเกี่ยวกับศอฉ. และการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง มีนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วนและแกนนำนปช.เป็นผู้รับผิดชอบ และ 3.การบริหารงานที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน ให้ร.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. เป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ การอภิปรายดังกล่าวไม่มีหลักประกันว่าการอภิปรายไม่วางใจจะเป็นไปตามแผนที่นายมิ่งขวัญวางไว้ จึงเป็นเหตุให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เกิดความน้อยใจ และไม่ขอร่วมการอภิปรายดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานมงคลสมรสระหว่างนายอาจหาญ อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย กับน.ส.ชญาณภัทร ศิโรรัตน์ เมื่อค่ำวานนี้ (18 ม.ค.) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ มีนักการเมืองจากฝ่ายค้าน และรัฐบาลมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก อาทิ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ นายวิทยา บุรณศิริ นายจตุพร พรหมพันธุ์ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก นายมั่น พัธโนทัย นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ นายอลงกรณ์ พลบุตร นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นายประวิทย์ มาลีนนท์ เป็นต้น
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ให้สัมภาษณ์ ถึงกระแสข่าวจะไปตั้งพรรคใหม่กับร.ต.อ.เฉลิมว่า การเมืองเป็นเรื่องอนาคต แต่ตนกลับมาเล่นการเมืองแน่ ส่วนจะมาตั้งพรรคกับร.ต.อ.เฉลิมหรือไม่ ต้องบอกว่า ตนกับร.ต.อ.เฉลิม เปรียบเสมือนแกงเผ็ด ฉะนั้นแกงเผ็ด ต้องอยู่คู่กับแกงเผ็ด ร.ต.อ.เฉลิม กับตนไปด้วยกันได้ ทำงานด้วยกันได้แน่ แต่การเมืองตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา จะพูดอะไร ก็ต้องดูเวลาและโอกาส เสมือนลิเก เวลาจะเล่นก็ต้องมีปี่ มีกลอง หากเสียงปี่กลองยังไม่ลั่น อย่าเพิ่งพูดอะไร
ก่อนหน้านั้น เวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ฯ ร.ต.อ.เฉลิม ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่าอาจจะไปตั้งพรรคใหม่ ว่า ในระยะนี้คงยังไม่ไปถึงการตั้งพรรคการเมืองใหม่ แต่ก็มีแนวคิดในเรื่องนี้บ้าง ตนทำงานให้พรรคอย่างเต็มที่ และเห็นว่ามีประชาชนชื่นชมพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงได้ขายแนวคิดที่ยึดโยงกับพ.ต.ท.ทักษิณ เสนอให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับทุกภาคส่วนตั้งแต่หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 2549 และก็รับพ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน ซึ่งคนในพรรคหลายคนออกมาคัดค้านแล้วก็ไปแสดงความเห็นว่า ใครก็ตามที่ผูกพันกับพ.ต.ท.ทักษิณ แปลว่าไม่ได้ออกเงินและหวังได้ดี ซึ่งไม่ใช่ ตนไม่ได้ออกเงินจริง เพราะไม่มีเงินและไม่มีเงินมาเล่นการเมือง เนื่องจากไม่เคยทุจริต และก็ไม่มีเงินมากพอที่จะไปแจกคนในพรรค
"วันนี้เมื่อเริ่มมีแนวคิดไม่ตรงกันก็ต้องแสดงความเห็น เมื่อคนในพรรคบอกว่าไม่ขายพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ขอถามหน่อยว่าแล้วจะขายใครเพื่อให้ชนะเลือกตั้ง เพราะมันขี้เหร่ทั้งนั้น ตนก็ขายไม่ได้ มีตำหนิ ถูกมองว่ารักลูกเกินไป"
*** แขวะอภิปรายสมานฉันท์หน่อมแน้ม
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า สำหรับการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ตนไม่ได้น้อยใจ แต่มีข่าวว่าการอภิปรายครั้งนี้ จะดุเดือดเลือดพล่านเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้ นั่นแสดงว่า คุณแขวะใคร แล้วทำไมเมื่อก่อนคุณไม่แขวะตน เพราะคุณรับประโยชน์อะไรมาหรือไม่ แขวะกันบ่อย บางคนก็บอกว่า จะอภิปรายเชิงสมานฉันท์ บางคนก็บอกว่าการอภิปรายครั้งนี้ จะเสนอนโยบายควบคู่ด้วย ซึ่งตนได้บอกไปว่าแนวทางไม่ตรงกับตน เพราะแนวทางตน คือ ต้องเต็มที่ เปิดโปง เปิดแผล เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งมั่นใจว่า การอภิปราย 2 ครั้งที่ผ่านมา ได้ฝากแผลเป็นให้กับพรรคประชาธิปัตย์
***ขู่ไม่เห็นตามข้อเสนอถอนตัวตั้งพรรคใหม่
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องทำ 3 ข้อ ถ้าไม่ทำทั้ง 3 ข้อ ตนก็จะคิดใหม่ ตนไม่ได้บังคับ และข้อเสนอของตนก็เป็นเรื่องดี ขอถามว่าถ้าขายนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ จะเอาอะไรไปขาย จะขายตนก็ไม่ได้ ต้องขายพ.ต.ท.ทักษิณ การปราศรัยคุณเคยออกพื้นที่ไหม ไอ้นักรบห้องแอร์ สร้างความปั่นป่วน บางคนมีสตางค์หน่อยก็สร้างความยุ่งยากในพรรค ตนรับไม่ได้ เรื่องในพรรคไม่มีใครตัดสินใจได้ โดยสิ่งที่ตนเสนอไป คือ 1.ต้องขายพ.ต.ท.ทักษิณ 2.แนวนโยบายต้องปรับปรุง และ 3.กทม. ต้องเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ ในส่วนของกทม. ใหญ่มาก มี ส.ส. 36 คน พรรคควรจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้มาก โดยได้เสนอให้แบ่งเป็นกทม. รอบนอก กทม.ตรงกลาง และกทม.ฝั่งธน แต่พรรคก็เฉยๆ ตรงกันข้ามยังสกัดกั้นตนและแขวะไปแขวะมา ทำนองว่าตนจะเอาลูกลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ขอยืนยันว่า บุตรชายจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.
"ถ้าเป็นราหูอมจันทร์อย่างนี้ มันไม่ได้ มันไม่ชนะ มันพากันแพ้หมด พรรคเพื่อไทยวันนี้อยู่ในพื้นที่อันตราย คุณไม่ได้เกินกึ่งหนึ่งคุณจำไว้เลยว่า ไม่ได้ตั้งรัฐบาล คุณได้เกินกึ่ง แต่ถ้ากกต.ไม่รับรองแม้คุณจะได้มาก ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นคราวนี้ต้องชนะแลนสไลด์ ซึ่งมีทางเดียวคือ ต้องขายพ.ต.ท.ทักษิณ จะเอานายมิ่งขวัญ ประกบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือมันไม่ได้ ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังไปได้ ชายหล่อกับหญิงสวย ทั้ง 2 คนก็นักเรียนนอก แต่ไม่ใช่ว่าตนคัดค้านนายมิ่งขวัญ แต่เพราะมันไม่ชนะ อภิปรายรอบนี้ คุณว่าของคุณไป แต่อย่ามายุ่งกับผม"
***ยอมรับจีบ"ชูวิทย์-นิติภูมิ"จริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะได้ข้อสรุปเรื่องการตั้งพรรคเมื่อไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องมีระยะเวลาพอสมควร อย่างน้อยต้องมี 3 เดือนจากนี้ เพราะถ้าปล่อยยาวไป มันจะเตรียมตัวไม่ทัน ตนคิดชื่อพรรคไว้แล้ว ชื่อพรรคทางเลือกใหม่ หรือนิว อัลเตอร์เนทีฟ ปาร์ตี้ ลดความขัดแย้ง สร้างความปรองดอง ตนจะลงเลือกตั้งในเขตกรุงเทพฯ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า ร.ต.อ.เฉลิม เป็นส.ส.กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2526 ทำให้พวกปากหอยปากปู จุ๊บจิ๊บ หุบปาก
ทั้งนี้ เรื่องนี้ไม่ได้คุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะไม่เคยคุยกันอยู่แล้ว ขอบอกถึงนายมิ่งขวัญด้วยว่า ขอให้ตั้งใจทำงานให้ดี อย่ามาห่วงตน แล้วใครก็ตามที่ออกมาพูด ถ้าเป็นคนที่รับเงินจากคุณ คุณต้องห้ามเขา เพราะพวกตนในพรรคก็มี เดี๋ยวเขาก็ออกไปสวนบ้าง เดี๋ยวไปกันใหญ่ นี่ตนลงมาสวนเองเพราะไม่สบายใจ มากล่าวหากันทำไม ให้คนอื่นเขาด่าเราดีกว่า ตนอดทนมามาก นึกว่าไม่รู้หรือ ไปจ่ายเงินกันชั้นไหน นึกว่าไม่รู้หรือว่าที่สภาใครจ่ายเงิน รู้ทั้งนั้น แต่ว่าอย่าทำลายกัน
ส่วนได้คุยกับใครไว้ในกรณีที่ตั้งพรรคใหม่บ้าง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คิดว่าจะคุยกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ รวมทั้งคนที่อยากจะลงสมัครรับเลือกตั้งในกรุงเทพฯ แต่ถูกสกัดกั้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะไปถึงจุดนั้น ขอดูท่าทีของพรรคเพื่อไทยก่อน ถ้าปฏิเสธแนวคิดที่ตนบอก ก็เป็นเรื่องที่ตัดสินใจง่ายขึ้น ตนไม่เนรคุณ ยังรักเคารพ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยังเป็นเพื่อนกัน โดยเบื้องต้นคุยกับนายชูวิทย์แล้ว เขาก็ตั้งพรรคการเมืองชื่อรักเมืองไทย ตรงนี้คุยกันได้
*** "เหลิม-มิ่ง"เล่นบทหน้าไหว้หลังหลอก
ขณะที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะไม่เข้าร่วมการอภิปราย แต่ส่วนตัวตนถือว่า ขณะนี้ตนไม่ได้มีความขัดแย้งกับร.ต.อ.เฉลิม อีกทั้งถ้าตนได้รับมติจากพรรคให้เป็นผู้นำในการอภิปราย ตนก็ยังอยากจะให้ ร.ต.อ.เฉลิม เข้าร่วมการอภิปรายด้วย
ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ได้มีการจับไม้จับมือกับนายมิ่งขวัญด้วยท่าทีเป็นมิตร และกล่าวว่า การเมืองเห็นต่างได้ แต่อย่าแตกแยก โดยร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ต่ออีกว่า เรื่องการลาออกจากพรรคของตน เป็นการเข้าใจผิด และที่ฝ่ายค้านแตกแยกก็เพื่อนำไปสู่การตกผลึก เพื่อนำไปสู่ชัยชนะ ซึ่งวันนี้คนในพรรคต้องช่วยกัน
ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้แซว ร.ต.อ.เฉลิม ว่า ถ้าลาออกจะไปบุกบ้านริมคลอง ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม ก็ยืนยันว่าจะไม่ลาออก
ด้านพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเดินทางมาร่วมงานให้สัมภาษณ์ว่า ได้คุยกับร.ต.อ.เฉลิมแล้ว และได้รับการยืนยันว่า ไม่ลาออกแน่นอน แต่ถ้าลาออกก็มีผลกระทบต่อพรรค อย่างไรก็ตาม พรรคต้องเป็นสถาบัน ไม่ว่าใครจะไปพรรคก็ต้องเดินต่อไปให้ได้
***วิชาญเผยไต๋เหลิมอยากให้ลูกลงส.ส.
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธาน ส.ส.ภาคกทม. ของพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีร.ต.อ.เฉลิม เสนอให้พรรคเพื่อไทย แบ่งพื้นที่กทม. ออกเป็น 3 โซน คือ ชั้นนอก ชั้นกลาง และธนบุรี โดยให้พรรคกำหนดผู้รับผิดชอบในการดูแลให้ชัดเจนในการเลือกตั้งว่า คงไม่สามารถแบ่งได้ตามที่เสนอ อีกทั้งทางกทม. ก็มีแนวทางในการทำงานอยู่แล้ว และตนก็ไม่รู้ว่าจะไปแบ่งเพื่ออะไร เพราะกรุงเทพฯ ก็คือหนึ่งจังหวัด ที่มีรอยต่อติดต่อกันมาทั้งหมดอยู่แล้ว
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม บอกว่าที่ผ่านมาถูกกีดกันแนวคิด การทำงานมาโดยตลอดนั้น ตนเชื่อว่า ที่ผ่านมา ในพรรคเพื่อไทย ก็มีการติดต่อสื่อสาร ไต่ถาม มาโดยตลอดว่า ต้องการนำเอาใครมาลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวตนคิดว่าความขัดแย้งในครั้งนี้คงไม่มีความเกี่ยวข้องกับทางภาคกทม.แต่อย่างเดียว แต่น่าจะเป็นภาพรวมทั้งหมดมากกว่า
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าหากร.ต.อ.เฉลิม ต้องการนำเอาลูกชายตนเองมาลงรับสมัครเลือกตั้ง ก็สามารถทำได้ตามขั้นตอน และขอยืนยันว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกสรรบุคคลที่จะมาลงสมัครรับเลือกตั้งในภาคกทม.
***"เทือก"เย้ยซักฟอกไม่ระคายผิว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้เตรียมประเด็นเอาไว้มากมาย รวมทั้งเรื่องการใช้งบของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ ) ว่า ในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบของบ้านเมืองในช่วงที่เกิดวิกฤติการณ์ ทั้งเมื่อช่วงสงกรานต์ปี 52 และเหตุการณ์ปี 53 หลายเดือนมานี้ ตนเป็นผู้รับผิดชอบ จึงมีข้อมูลเอกสารหลักฐานและข้อเท็จจริงที่จะนำไปเรียนต่อสภาผู้แทนราษฎร หากมีการอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องเตรียมอะไร เพราะตนดูแลเหตุการณ์ด้วยตัวเองทุกวัน ทราบเรื่องดีทุกขั้นตอน
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศไม่ร่วมการอภิปรายภายใต้การนำของนายมิ่งขวัญนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า นี่ เป็นเรื่องภายในของพรรคเพื่อไทย จะให้ใครอภิปราย หรือใครไม่อภิปรายตนคงไม่สามารถไปก้าวล่วงได้ แต่ในแง่ความเป็นนักการเมืองด้วยกัน ร.ต.อ.เฉลิม เป็นคนอภิปรายที่มีแฟนติดใจ เคยอภิปรายตอบโต้กับตนมาหลายครั้งระหว่างที่ทำงานการเมืองกันมา
อย่างไรก็ตาม มันไม่เกี่ยวกับว่าใครจะเป็นผู้อภิปราย แต่เกี่ยวกับการนำเสนอข้อมูล ถ้าฝ่ายค้านยกความจริงมาพูด และมีประเด็นที่ชี้ชัดว่า เป็นความบกพร่องของรัฐบาล ทางรัฐบาล ก็ต้องเอาข้อเท็จจริงหลักฐานพยานทั้งหลายไปชี้แจงให้เห็นว่า ที่ฝ่ายค้านอภิปรายนั้นเข้าใจผิด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ แต่ถ้าพูดจาด้วยความเท็จ ใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือนเหตุการณ์ หรือสถานการณ์อย่างนี้ ก็ไม่เป็นประโยชน์ แต่ว่ารัฐบาลก็ไม่หนักใจอะไร เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น เราจะถ่ายทอดทั้งทางวิทยุและสถานีโทรทัศน์ พี่น้องประชาชนจะได้ใช้วิจารณญาณในการวินิจฉัยว่า ใครพูดจริง ใครพูดไม่จริง ใครมีเหตุผล หรือใครไม่มีเหตุผล
***ชี้“บิ๊กจิ๋ว-เฉลิม”น้อยใจจึงถอนตัว
นายเทพไท เสนพษ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประเมินรูปแบบการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ว่า ตนมองว่าจะแบ่งเป็น 3 ด้าน คือ 1.ด้านเศรษฐกิจ มีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็นผู้รับผิดชอบ 2.ด้านความมั่นคงเกี่ยวกับศอฉ. และการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง มีนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วนและแกนนำนปช.เป็นผู้รับผิดชอบ และ 3.การบริหารงานที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน ให้ร.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. เป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ การอภิปรายดังกล่าวไม่มีหลักประกันว่าการอภิปรายไม่วางใจจะเป็นไปตามแผนที่นายมิ่งขวัญวางไว้ จึงเป็นเหตุให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เกิดความน้อยใจ และไม่ขอร่วมการอภิปรายดังกล่าว