เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกตกฮวบฮาบเมื่อวานนี้(15) โดยที่ “เบรนต์” หล่นลงถึงเกือบ 6 ดอลลาร์ ท่ามกลางความหวั่นเกรงที่ว่า แผ่นดินไหวและวิกฤตนิวเคลียร์ที่ติดตามมาในญี่ปุ่น จะกระทบเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกแห่งนี้อย่างรุนแรง โดยที่ความวิตกดังกล่าวยังคงมีอิทธิพลเหนือกว่าปัจจัยเรื่องความปั่นป่วนผันผวนในตะวันออกกลาง
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบ “เบรนต์” ของลอนดอน เพื่อการส่งมอบเดือนเมษายน หล่นลงมา 5.79 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับ 107.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอนช่วงใกล้เที่ยงวัน ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นไปอยู่แถวๆ 109.38 ดอลลาร์ ในเวลา 12.12 จีเอ็มที (ตรงกับ 19.12 น.เวลาเมืองไทย) กระนั้นก็ยังคงต่ำลงจากราคาปิดวันก่อนอยู่ 4.29 ดอลลาร์ ส่วนน้ำมันดิบไลต์สวีตครูด ของตลาดนิวยอร์ก ที่ซื้อขายในลอนดอน ณ เวลาเดียวกัน ก็ไหลลงมาจากราคาปิดวันก่อน 3.35 ดอลลาร์ อยู่ที่ 97.84 ดอลลาร์ หลังจากที่ก่อนหน้านั้นได้หล่นลงไปลึกราวๆ 4 ดอลลาร์ทีเดียว
ญี่ปุ่นนั้นมีฐานะเป็นผู้บริโภคน้ำมันมากเป็นอันดับ 3 ของโลกด้วย แต่จากมหาภัยพิบัติที่ประสบอยู่ ทำให้คาดหมายกันว่าความต้องการใช้น้ำมันของแดนอาทิตย์อุทัยน่าจะลดลงมาก
บีจาร์เน ชีลดร็อป หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ แห่ง เอสบีอี กลุ่มกิจการธนาคารสวีเดน ให้ความเห็นว่า ถ้าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นเกิดการรั่วไหลของกัมมันตรังสีในปริมาณสูงแล้ว ก็น่าจะกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการฟื้นฟูบูรณะและกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ซึ่งย่อมส่งผลให้ลดการใช้น้ำมันลง และนี่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ราคาน้ำมันลงในเวลานี้
แต่นอกจากเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นแล้ว ความปั่นป่วนผันผวนในตะวันออกกลางก็อยู่บนจอเรดาร์ของพวกนักลงทุนด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานการณ์ในลิเบีย หรือการที่บาห์เรนประกาศกฎอัยการศึกวานนี้ ซึ่งเป็น1 วันหลังจากซาอุดีอาระเบียส่งกองกำลังเข้าไปในรัฐริมอ่าวอาหรับแห่งนี้ โดยระบุว่าเพื่อฟื้นฟูความสงบ ภายหลังการประท้วงอย่างยืดเยื้อมาหลายสัปดาห์ของชาวมุสลิมชิอะห์ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของบาห์เรน
ในขณะที่ทางลิเบีย กองกำลังภักดีต่อ มูอัมมาร์ กัดดาฟี กำลังหวนกลับมาตีเมืองสำคัญต่างๆ ทางภาคตะวันออกของประเทศคืนจากกองกำลังกบฎมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ฝ่ายตะวันตกยังไม่สามารถตกลงผลักดันให้เกิด “เขตห้ามบิน” ขึ้นมาได้ ทั้งนี้สิ่งซึ่งตลาดให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือ การผลิตน้ำมันของลิเบียน่าจะอยู่ในภาวะติดขัดชะงักงันไปอีกนาน
ในเวลานี้ แม้ราคาน้ำมันกำลังถอยลงมา แต่ปัจจัยความผันผวนในตะวันออกกลางอย่างน้อยก็ส่งผลให้ราคาไม่ถึงกับไหลรูดแรงๆ และในระดับปัจจุบันก็ยังคงถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับช่วงต้นปีนี้
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) ซึ่งเป็นองค์กรคลังสมองด้านพลังงานของพวกประเทศอุตสาหกรรม ได้ระบุในรายงานประจำเดือนฉบับล่าสุดที่นำออกเผยแพร่วานนี้ว่า ถ้าราคาน้ำมันยังคงยืนเท่าในปัจจุบัน หรือไต่สูงขึ้นไปอีก เมื่อถึงเดือนกันยายนปีนี้หรืออาจจะก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ มันก็น่าจะส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดเจน
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบ “เบรนต์” ของลอนดอน เพื่อการส่งมอบเดือนเมษายน หล่นลงมา 5.79 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับ 107.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอนช่วงใกล้เที่ยงวัน ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นไปอยู่แถวๆ 109.38 ดอลลาร์ ในเวลา 12.12 จีเอ็มที (ตรงกับ 19.12 น.เวลาเมืองไทย) กระนั้นก็ยังคงต่ำลงจากราคาปิดวันก่อนอยู่ 4.29 ดอลลาร์ ส่วนน้ำมันดิบไลต์สวีตครูด ของตลาดนิวยอร์ก ที่ซื้อขายในลอนดอน ณ เวลาเดียวกัน ก็ไหลลงมาจากราคาปิดวันก่อน 3.35 ดอลลาร์ อยู่ที่ 97.84 ดอลลาร์ หลังจากที่ก่อนหน้านั้นได้หล่นลงไปลึกราวๆ 4 ดอลลาร์ทีเดียว
ญี่ปุ่นนั้นมีฐานะเป็นผู้บริโภคน้ำมันมากเป็นอันดับ 3 ของโลกด้วย แต่จากมหาภัยพิบัติที่ประสบอยู่ ทำให้คาดหมายกันว่าความต้องการใช้น้ำมันของแดนอาทิตย์อุทัยน่าจะลดลงมาก
บีจาร์เน ชีลดร็อป หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ แห่ง เอสบีอี กลุ่มกิจการธนาคารสวีเดน ให้ความเห็นว่า ถ้าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นเกิดการรั่วไหลของกัมมันตรังสีในปริมาณสูงแล้ว ก็น่าจะกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการฟื้นฟูบูรณะและกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ซึ่งย่อมส่งผลให้ลดการใช้น้ำมันลง และนี่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ราคาน้ำมันลงในเวลานี้
แต่นอกจากเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นแล้ว ความปั่นป่วนผันผวนในตะวันออกกลางก็อยู่บนจอเรดาร์ของพวกนักลงทุนด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานการณ์ในลิเบีย หรือการที่บาห์เรนประกาศกฎอัยการศึกวานนี้ ซึ่งเป็น1 วันหลังจากซาอุดีอาระเบียส่งกองกำลังเข้าไปในรัฐริมอ่าวอาหรับแห่งนี้ โดยระบุว่าเพื่อฟื้นฟูความสงบ ภายหลังการประท้วงอย่างยืดเยื้อมาหลายสัปดาห์ของชาวมุสลิมชิอะห์ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของบาห์เรน
ในขณะที่ทางลิเบีย กองกำลังภักดีต่อ มูอัมมาร์ กัดดาฟี กำลังหวนกลับมาตีเมืองสำคัญต่างๆ ทางภาคตะวันออกของประเทศคืนจากกองกำลังกบฎมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ฝ่ายตะวันตกยังไม่สามารถตกลงผลักดันให้เกิด “เขตห้ามบิน” ขึ้นมาได้ ทั้งนี้สิ่งซึ่งตลาดให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือ การผลิตน้ำมันของลิเบียน่าจะอยู่ในภาวะติดขัดชะงักงันไปอีกนาน
ในเวลานี้ แม้ราคาน้ำมันกำลังถอยลงมา แต่ปัจจัยความผันผวนในตะวันออกกลางอย่างน้อยก็ส่งผลให้ราคาไม่ถึงกับไหลรูดแรงๆ และในระดับปัจจุบันก็ยังคงถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับช่วงต้นปีนี้
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) ซึ่งเป็นองค์กรคลังสมองด้านพลังงานของพวกประเทศอุตสาหกรรม ได้ระบุในรายงานประจำเดือนฉบับล่าสุดที่นำออกเผยแพร่วานนี้ว่า ถ้าราคาน้ำมันยังคงยืนเท่าในปัจจุบัน หรือไต่สูงขึ้นไปอีก เมื่อถึงเดือนกันยายนปีนี้หรืออาจจะก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ มันก็น่าจะส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดเจน
