xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กไฝ ปตท.ชี้ น้ำมันยังแพงไปอีกนาน แนะรัฐชัดเจนพลังงานทดแทน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประเสริฐ บุญสัมพันธ์
บิ๊กไฝ ปตท.มองแนวโน้มน้ำมันปี 54 ชี้ ราคายังแพงไปอีกนาน คาดมีโอกาสขยับแตะ 100 ดอลลาร์/บาเรล ย้ำกลุ่ม ปตท. พร้อมหนุนใช้พลังงานทดแทน แนะรัฐบาลต้องชัดเจนด้านนโยบาย ชี้ การประกาศใช้ บี5 เกรดเดียวเหมาะสม พร้อมคาด อี20 ได้รับความนิยมในอนาคต

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในปี 2554 โดยคาดว่า แนวโน้มยังคงอยู่ในระดับสูงและเป็นช่วงขาขึ้น พร้อมระบุว่า ขณะนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีโอกาสปรับตัวสูงถึง 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่คงเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่เฉลี่ยทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่มีราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยเกือบ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

"ตอนนี้ ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ 92-93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันสำเร็จรูปเบนซินและดีเซลอยู่ที่ระดับ 105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้ราคาขายปลีกในประเทศ ยังไม่สามารถปรับลดลงได้"

สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการเข้ามาเก็งกำไร รวมทั้งอากาศที่หนาวกว่าปกติทำให้ความต้องการใช้น้ำมันในการผลิตเป็นพลังงานความร้อนเพิ่มขึ้น

ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ปัจจุบันรัฐบาลยังคงตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล B3 และ B5 ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนดีเซลไม่ให้ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นอีก เชื่อว่าคงต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาอุดหนุนเพิ่มอีก

"หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปตท. ก็อาจจำเป็นต้องพิจารณาปรับขึ้นราคาขายปลีก ส่วนน้ำมันดีเซล หากรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ก็ต้องใช้เงินจากกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาชดเชยดูแล"

นายประเสริฐ ยืนยันว่า ปตท. ยังคงเดินหน้าการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ทั้งไบโอดีเซลและเอทานอล ที่นำมาผลิตเป็นน้ำมันดีเซลและแก๊สโซฮอล์ ซึ่งในส่วนของน้ำมันดีเซล B5 ที่มีปัญหาวัตถุดิบตึงตัวทำให้ต้องเลื่อนการประกาศใช้ออกไป แต่ถ้าสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ก็เชื่อว่ารัฐบาลจะเดินหน้าส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน

ทั้งนี้ รัฐบาลควรจะต้องมีความชัดเจนในการบังคับใช้น้ำมันเพียงเกรดเดียว หากมีปริมาณวัตถุดิบเพียงพอ โดยในกลุ่มของดีเซลควรให้เหลือไบโอดีเซล B5 ซึ่งคาดว่าจะประกาศบังคับใช้ได้หลังจากสถานการณ์ผลผลิตปาล์มเข้าสู่ภาวะปกติ และในส่วนของกลุ่มแก๊สโซฮอล์ในอนาคตควรเป็น E20 เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้พืชพลังงานทดแทนให้มากขึ้น และลดการใช้น้ำมันให้น้อยลง

นายประเสริฐ กล่าวทิ้งท้ายว่า โดยความเห็นส่วนตัวมองว่า การใช้น้ำมัน B5 เกรดเดียว มีความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแก๊สโซฮอล์ คาดว่า ในอนาคตน้ำมัน E20 จะได้รับการยอมรับมากที่สุด ส่วนน้ำมัน E85 คงต้องใช้ระยะเวลา


กำลังโหลดความคิดเห็น