บอร์ด กบง.นัดประชุม 24 ม.ค.นี้ เร่งหาเงินอุดหนุนน้ำมันเพิ่มอีก 3 พันล้าน ยอมรับเงินที่เหลือตรึงดีเซลได้ไม่เกินเดือนหน้า เล็งรีดผู้ใช้ “เบนซิน” โปะกองทุน
มีรายงานข่าวว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน จะนัดประชุมในวันที่ 24 มกราคม 2554 (วันนี้) โดยจะมีการหารือเรื่องเร่งด่วนเกี่ยวกับการเพิ่มวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จาก 5,000 ล้านบาท เพื่อตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท ตามนโยบายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เนื่องจากวงเงินเดิม 5,000 ล้านบาท ใกล้จะหมดแล้ว โดยที่เหลืออยู่ในหน้าตักสามารถชดเชยราคาดีเซลให้ลดลงได้อีกเพียงลิตรละ 30 สตางค์เท่านั้น
“ในภาวะปกติได้คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะเริ่มอ่อนตัวลงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แต่จากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ราคาน้ำมันจะอ่อนตัวลงล่าช้าออกไปอีก 10-20 วัน ซึ่งถือว่าเป็นภาวะที่ผิดปกติ”
แหล่งข่าวกล่าวว่า ในสถานการณ์ดังกล่าว กระทรวงพลังงาน จำเป็นต้องหาแนวทางบริหารจัดการกรณีที่วงเงินอุดหนุนราคาน้ำมัน 5,000 ล้านบาท ที่คาดว่า จะหมดลงเดือนกุมภาพันธ์นี้ เมื่อได้ข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวจะมีการนำเข้าหารือในที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า จะเอาเงินเพิ่มจากแหล่งระหว่างใช้เงินจาก กระทรวงการคลัง หรือ กองทุนน้ำมัน
ในเบื้องต้นมีแนวโน้มว่า กบง.จะเสนอให้ กพช.อนุมัติวงเงินจากกองทุนน้ำมันเพิ่มเติมอีก 2,000-3,000 ล้านบาท ในการนำมาใช้เพื่อตรึงราคาน้ำมันดีเซลต่อไป ซึ่งเป็นวงเงินเพิ่มเติมจากที่ กพช.อนุมัติมาให้ก้อนแรก 5,000 ล้านบาท ที่คาดว่า จะหมดลงภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพราะล่าสุดมีการใช้วงเงินไปแล้ว 1,500 ล้านบาท เหลือวงเงินอีก 3,500 ล้านบาท ขณะนี้ได้มีการใช้เม็ดเงินตรึงราคาน้ำมันดีเซลไปแล้วลิตรละ 1.65 บาท ไบโอดีเซล บี5 อยู่ที่ลิตรละ 2.50 บาท หรือเฉลี่ยต้องใช้เงินรวมกันกว่าวันละ 150 ล้านบาท จากปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลของประเทศไทยวันละ 50 ล้านลิตร
สำหรับการขอขยายวงเงินเพิ่มเติมดังกล่าว กบง.ต้องการมีวงเงินสำรองไว้ใช้ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ถึงต้นเดือนมีนาคม โดยมี 2 เหตุผล คือ จนถึงขณะนี้กระทรวงการคลังยังยืนยันที่จะไม่ปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง และการประเมินสถานการณ์ผิดพลาดที่จากปกติในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกๆ ปี ราคาน้ำมันดีเซลสิงคโปร์จะทยอยอ่อนตัวลง เพราะสหภาพยุโรปและสหรัฐฯหมดช่วงฤดูหนาว แต่ปรากฏว่า ในปีนี้สภาพอากาศที่หนาวรุนแรงจะยังมีอยู่ต่อไป ทำให้สหภาพยุโรปและสหรัฐฯต้องการใช้น้ำมันดีเซล เพื่อผลิตพลังงานความร้อนเพิ่มขึ้น โดย กบง.ยังมั่นใจว่า วงเงินที่จะขอเพิ่มจะเพียงพอตรึงราคาน้ำมันดีเซลได้ไปจนถึงเดือนกลางเดือนมีนาคมนี้
ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการเตรียมวงเงินสำรองไว้อีกก้อนหนึ่ง ซึ่งมีแนวโน้มว่า กบง.จะมีมติให้ขยายเพดานการจัดเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเบนซินเข้าไปสะสมในกองทุนน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน 95 ที่ขณะนี้มีการเรียกเก็บเต็มวงเงินแล้วที่ลิตรละ 7.50 บาท ก็อาจจะขยายเพิ่มเป็นลิตรละ 8-9 บาท ส่วนน้ำมันเบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 และแก๊สโซฮอล์ 91 ที่ขณะนี้ กบง.มีมติให้เรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯทุกประเภทไม่เกินลิตรละ 7 บาท จึงสามารถเพิ่มวงเงินจัดเก็บเพิ่มขึ้นได้อีก เพราะขณะนี้ในส่วนของเบนซิน 91 มีการจัดเก็บจากผู้ใช้เพียงลิตรละ 6.70 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 เรียกเก็บที่ลิตรละ 2.40 บาท และแก๊สโซฮอล์ 91 เรียกเก็บที่ลิตรละ 10 สตางค์ ซึ่ง กบง.ยอมรับว่า ถ้าขยายเพดานเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้น ก็อาจได้เม็ดเงินไม่สูงมากนัก เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินรวมกัน 20 ล้านลิตร แต่ถือเป็นช่องทางในการจัดหารายได้อีกทางหนึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน
ส่วนกรณีที่จะมีการประกาศใช้น้ำมันมาตรฐานยูโร 4 ในวันที่ 1 มกราคม 2555 อาจทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกลิตรละ 50-70 สตางค์นั้น กระทรวงพลังงานอาจเลื่อนประกาศบังคับใช้มาตรฐานยูโร 4 ออกไปเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม แทน โดยรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันในช่วงดังกล่าวเมื่อประกาศใช้ในช่วงราคาน้ำมันขาลงก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำมันมากนัก