xs
xsm
sm
md
lg

กัมพูชาดึงเกม "วีระ-ราตรี"ยังไม่เซ็นขออภัยโทษ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"วีระ-ราตรี" ยังไม่ได้เซ็นชื่อขอพระราชทานอภัยโทษ เหตุยังไม่ได้รับอนุญาตจากกัมพูชา คาดไม่เกิน1-2วัน เข้าไปให้เซ็นชื่อได้ ด้านพันธมิตรฯ คาดรัฐบาลเตรียมสลายชุมนุมอีก "ปานเทพ" อัดไม่รับผิดชอบที่จะยุบสภาเลือกตั้งใหม่โดยไม่รอผลมรดกโลก ยันเลือกตั้งไม่แก้ปัญหาอธิปไตยไทยที่ถูกกัมพูชาย่ำยี "จำลอง" ลั่นไม่ย้ายไปไหน เชื่อตำรวจเตรียมบุกหลังครบเดดไลน์ "สนธิ" อัด"มาร์ค"เลวกว่า "สมัคร"ทุกด้าน

นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ สองคนไทยที่ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเปรย์ซอว์ ยังไม่ได้ลงชื่อในหนังสือขอถอนอุทธรณ์และขอพระราชทานอภัยโทษที่กระทรวงการต่างประเทศได้จัดทำขึ้น เพราะกัมพูชายังไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่จากสถานทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญเข้าพบ

"เดิมทีคิดว่าน่าจะได้เข้าพบผู้ต้องขังทั้งสองคนตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถเข้าไปพบกับนายวีระ และ น.ส.ราตรี ได้ แต่เชื่อว่าไม่น่าเกิน 1-2 วันนี้ ทางการประเทศกัมพูชาคงจะอนุญาตให้เข้าพบได้"

***พันธมิตรฯ โวคนรู้ปัญหากัมพูชาดีขึ้น

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เมื่อเช้าวานนี้ (15 มี.ค.) ซึ่งครบ 50 วันของการชุมนุมว่า ข้อเรียกร้องต่างๆ ยังไม่ได้รับการตอบสนอง แต่จากการประเมินผลการชุมนุมที่ผ่านมา พบว่ามีประชาชนรับรู้ปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชามากขึ้น และรับรู้ว่ากัมพูชายึดครองแผ่นดินไทยอยู่ในหลายพื้นที่ ดังนั้น จึงถือว่า การชุมนุมก่อให้เกิดประโยชน์อย่างชัดเจนในแง่ของการรับรู้ของประชาชนที่ให้หันกลับมามองปัญหาชายแดนไทยกับกัมพูชา

ทั้งนี้ ข้อมูลบางประการที่รัฐบาลไทยไม่กล้าที่จะไปเผยแพร่ในเวทีนานาชาติ ได้ถูกแก้ไขโต้แย้งโดยภาคประชาชน จากทั้งการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน หรือการยื่นหนังสือต่อสถานทูตอินโดนีเซีย ทำให้ภาคประชาชนมีพื้นที่ในการโต้แย้งกับทางกัมพูชาที่ดูเหมือนมีแนวทางในการประชาสัมพันธ์ในเวทีนานาชาติเหนือกว่ารัฐบาลไทย อีกทั้งยังทำให้สหประชาชาติ หรือคณะกรรมการมรดกโลกได้ตระหนักว่าการปล่อยให้มีการนำปราสาทพระวิหารเข้ากระบวนการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกต่อไป จะก่อให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น เพราะประชาชนไทยมีความรู้สึกไม่สบายใจ และเดือดร้อนจากการถูกยึดครองดินแดนไป

"สิ่งที่ภาคประชาชนเคลื่อนไหว ได้สะท้อนไปถึงองค์กรระหว่างประเทศว่าจะดำเนินการใดๆ ที่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่กัมพูชาแบบลุแก่อำนาจไม่ได้ อย่างน้อยยังมีภาคประชาชนกลุ่มหนึ่ง ที่คอยคัดค้านและโต้แย้งอยู่" นายปานเทพกล่าว
โฆษกพันธมิตรฯ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบ (ศอ.รส.) ได้ออกประกาศให้ยุติการชุมนุมภายในวันที่ 15 มี.ค. แต่จากปรากฎการณ์เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ซึ่งมีประชาชนมาร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนจำนวนไม่น้อย ไม่ต้องการให้มีการสลายการชุมนุม หากรัฐบาลลุแก่อำนาจ ใช้กำลังในการสลายการชุมนุม จะทำให้มีประชาชนอีกจำนวนมาก มาสมทบการชุมนุม เนื่องจากประเด็นนี้เป็นเรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติ เมื่อรัฐบาลใช้กำลังสลายเมื่อใดผู้ชุมนุมก็จะเพิ่มมากขึ้น เพราะประชาชนจะไม่ยอมให้รัฐบาลกลั่นแกล้งผู้ชุมนุมที่มีจิตใจปกป้องผลประโยชน์ของชาติ

ในส่วนกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ระหว่างวันที่ 15-18 มี.ค.นี้ และมีแนวโน้มที่รัฐบาลจะประกาศยุบสภาในช่วงเดือนพ.ค.นั้น ถือว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นแค่พิธีการอย่างหนึ่งในกระบวนการประชาธิปไตย เพราะที่ผ่านมาเรามีบทเรียนแล้วว่า นี่เป็นเพียงเวทีสำหรับนักการเมืองที่ไม่เกรงกลัวหรือละอายต่อบาป ที่ใช้วาทกรรมตอบโต้กันไปมา จึงไม่สามารถคาดหวังอะไรได้ เพราะการอภิปรายไม่มีผลต่อการปกป้องอธิปไตยของชาติของรัฐบาลอยู่ดี

** ควรเลือกตั้งหลังรู้ผลมรดกโลก

นายปานเทพกล่าวว่า ในส่วนของกำหนดการยุบสภาของรัฐบาลนั้น ตนเห็นว่า มีความต้องการให้ประชาชนลงคะแนนหย่อนบัตร ก่อนจะมีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในเดือน มิ.ย.นี้ เพื่อไม่ให้ประชาชนรู้ผลก่อนว่า ผลการประชุมเวทีมรดกโลกออกมาเช่นใด ถือเป็นการเอาเปรียบประชาชน และไม่รับผิดชอบต่อผลที่รัฐบาลไปตัดสินใจลงนามในร่างประนีประนอมกับกัมพูชา เมื่อวันที่ 29 ก.ค.2553 ว่า ไม่ปฏิเสธมติคณะกรรมการมรดกโลกย้อนหลัง

"รัฐบาลควรแสดงความบริสุทธิ์ใจ และพร้อมรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้นในเวทีคณะกรรมการมรดกโลก ก่อนมีการหย่อนบัตรเลือกตั้ง เพราะประชาชนมีสิทธิ์ที่จะรับรู้ข้อมูลในผลงานที่รัฐบาลก่อเอาไว้ เพื่อความเป็นธรรมต่อประชาชนที่จะได้รับทราบข้อเท็จจริงก่อนตัดสินใจ" นายปานเทพกล่าว

** เลือกตั้งแก้ปัญหาไทย-กัมพูชาไม่ได้

นายปานเทพกล่าวถึงกรณีนายปณิธาน วัฒนยากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกรัฐบาล ออกมาระบุพาดพิงถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า คาดหวังความรุนแรง รวมทั้งชื่นชมการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่พร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง ว่า การเลือกตั้งไม่ใช่คำตอบของการแก้ปัญหา การยุบสภาก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เพราะทั้งฝ่ายค้าน หรือรัฐบาลก็มีชะนักติดหลังในกรณีชายแดนไทย-กัมพูชาด้วยกันทั้งสิ้น พรรคเพื่อไทยในสมัยที่เป็นพรรคพลังประชาชน ก็ให้การสนับสนุนกัมพูชา นำปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนมรดกโลก ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นผู้ลงนามในเอ็มโอยู 2543 ดังนั้น การเลือกตั้งจึงไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาอธิปไตยของชาติ เพราะต้องให้ผู้ที่มีความกล้าหาญเข้ามาลงมือทำเท่านั้น จึงจะสามารถแก้ไขได้

** จวกปชป.กลับกลอก เอาแต่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดทางตำรวจได้เจรจากับเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติให้ย้ายพื้นที่การชุมนุมจาก ถ.พิษณุโลก ไปยังใต้สะพานพระราม 8 หรือข้างกระทรวงการคลัง จะมีผลอย่างไรต่อการชุมนุมของพันธมิตรฯ หรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า กรณีนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ เพียงแต่ตนเห็นว่า เมื่อปี 2553 พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) ก็เป็นผู้เสนอให้กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง มาใช้พื้นที่ ถ.พิษณุโลก ในช่วงที่มีการจัดงานกาชาด จุดที่ทางเครือข่ายฯ อยู่ในตอนนี้ แสดงให้เห็นว่าการจัดงานกาชาดไม่ได้กระทบ หรือเกี่ยวพันต่อพื้นที่ ถ.พิษณุโลกแต่อย่างใด ดังนั้น การพยายามย้ายพื้นที่การชุมนุมเพื่อจัดงานนั้น เป็นเพียงข้ออ้างที่ไม่มีความเป็นจริงในทางปฏิบัติแต่อย่างใด เพียงต้องการบั่นทอนพลังในการชุมนุมเท่านั้น

"เวลาที่ประชาชนจะประท้วงต่อรัฐบาลก็ต้องมาชุมนุมใกล้รัฐบาล เพื่อให้ผลกระทบต่อรัฐบาลโดยตรง ไม่มีใครที่จะไปชุมนุมในพื้นที่อื่น เช่นที่แยกราชประสงค์ ก็ไม่ได้มีเหตุผล เพราะเราต้องการแสดงสัญลักษณ์อารยะขัดขืนต่อรัฐบาล จึงต้องมาอยู่ใกล้ๆ รัฐบาลจะปัดความรับผิดชอบให้ผลกระทบไปถึงคนอื่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ตัวเองนั้นคงไม่ถูกต้อง"นายปานเทพกล่าว

นายปานเทพกล่าวอีกว่า พื้นที่การชุมนุมที่เราอยู่ตอนนี้ทั้งที่ ถ.ราชดำเนินนอก และ ถ.พิษณุโลกนั้น เป็นพื้นที่เดียวกับที่เราใช้เมื่อครั้งต่อต้านรัฐบาลระบอบทักษิณ ในวันที่พรรคประชาธิปัตย์ ยังเป็นฝ่ายค้านอยู่ ตนยังเห็น ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่วันนี้ ไปเป็นรัฐมนตรีหลายคนมาเยี่ยมเยือนถึงหลังเวทีเป็นประจำ อีกทั้งยังมีการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนจากพื้นที่ต่างๆ มาเข้าร่วมการชุมนุมอีกด้วย

"ในตอนนั้นไม่เห็นมีใครพูดถึงเรื่องปัญหาการจราจรเลย แต่วันนี้กลับมาอ้างเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน แสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองที่เอาแต่ได้ แสดงท่าทีเอื้อการชุมนุมเพราะคิดว่าได้ประโยชน์เท่านั้น ไม่ได้ต้องการสร้างประชาธิปไตยอย่างแท้จริงตามที่อ้าง ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลจะมารื้อห้องสุขาของผู้ชุมนุม เมื่อปี 2553 การชุมนุมของคนเสื้อแดงก็มีการสร้างห้องสุขาตลอดแนวรั้วกระทรวงศึกษาธิการ ก็ไม่เห็นมีการรื้อถอนแต่อย่างใด"

** "จำลอง"ลั่นไม่ย้ายที่ชุมนุม

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้หากมีบางกลุ่มย้ายออกไปก็ไม่มีปัญหาต่อพวกเรา เพราะเรายังจำเป็นต้องใช้พื้นที่เต็มพื้นที่ เพียงแต่หากมีกลุ่มใดออกไป ก็จะลดความแออัดลงเท่านั้นเอง ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้น เชื่อว่าทางตำรวจก็จะไปอ้างว่ามีผู้ชุมนุมบางกลุ่มให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ชุมนุมกองทัพธรรมนั้น ยืนยันว่า ไม่เคลื่อนไปที่ไหนแน่นอน หากตำรวจจะมาเจรจาขอให้เราชุมนุมที่อื่น เราก็จะขออยู่ที่นี่ต่อไป เพราะหากยกตัวอย่างให้เราไปชุมนุมที่ทุ่งกุลาร้องไห้ รัฐบาลก็สบาย และจะส่งเสบียงให้เราไปอยู่เป็นเดือนเป็นปีด้วยซ้ำ

"ผมยังมีความเชื่ออยู่ว่า รัฐบาลยังมีแนวคิดในการสลายการชุมนุมของพวกเราอยู่ เพราะรัฐบาลเข้าตาจนขึ้นทุกขณะ ที่เรามาเปิดโปงในสิ่งที่รัฐบาลทำให้ประเทศชาติ และประชาชนเสียหาย ซึ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ไม่ได้นำเรื่องปัญหาไทย-กัมพูชา มาเป็นประเด็นหลัก กลับไปพูดถึงเรื่องอื่นเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง แสดงให้เห็นว่า สภาผู้แทนราษฎรไม่ได้เป็นที่พึ่งของประชาชน"พล.ต.จำลองกล่าว

***อัด"มาร์ค"เลวกว่า "สมัคร"ทุกด้าน

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวบนเวทีรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คนปัจจุบัน ไม่แตกต่างอะไรจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนก่อนที่รับใช้นักการเมือง รับใช้คนโกงบ้านโกงเมือง และขึ้นมาเป็นนายกฯ เพราะมีทหารหนุนหลัง แต่งตั้งรัฐมนตรีโดยไม่คำนึงถึงความสามารถ แต่งตั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ คนที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนมาเป็นรองนายกรัฐมนตรี ปล่อยให้รัฐมนตรีบริหารงานตามอำเภอใจ กลั่นแกล้งข้าราชการ และแต่งตั้งข้าราชการที่เป็นพวกพ้องเข้ามารับใช้เพื่อล้างแค้นคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม ปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างออกนอกหน้า โดยไม่เคยจัดการกับพวกที่มีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อบ้านเมือง ต่อระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เช่น นายจักรภพ เพ็ยแข หรือไม่เคยจัดการกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเรื่องถอดยศจนวันนี้ก็ยังไม่ทำอะไร

นอกจากนี้ ยังบริหารประเทศไปวันๆ ไม่สนใจปัญหาปากท้องประชาชน สินค้าแพง รายได้ไม่เพิ่ม ก็ไม่เคยสนใจ มีความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะตั้งแต่นายอภิสิทธิ์มาเป็นนายกฯ ปัญหาเกิดขึ้นรุนแรงทุกวัน ทั้งๆ ที่เคยประกาศไว้ว่าปัญหาภาคใต้จะดีขึ้นใน 99 วัน แต่วันนี้ผ่านมา 2 ปีกว่าแล้วยังเหมือนเดิม แย่กว่าเดิม ขณะเดียวกัน ไม่เคยสนใจปัญหาไทยเสียดินแดน มัวแต่มุ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยังแก้ไขมาตรา 190 เพื่อหวังยกดินแดนให้กัมพูชาอีก ที่สำคัญ ไม่เคยแสดงภาวะผู้นำออกมาให้เห็น หลังจากที่เป็นนายกฯ

"นายอภิสิทธิ์เคยด่านายสมัครไว้อย่างเสียๆ หายๆ มาวันนี้ สิ่งที่เคยด่าไว้กลายเป็นว่ากลับมาด่าตัวเอง โกหก สร้างภาพ จนถูกจับโกหกได้ทุกครั้ง"นายสนธิกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น