กต.เผย “วีระ-ราตรี” ต้องหารือกับทนายชาวกัมพูชา ถ้ายอมยื่นขออภัยโทษ กต. “ยินดีอำนวยความสะดวกเต็มที่” สถานทูตไทยส่งอาหารให้วันละ 2 มื้อ แพทย์เรือนจำเปรยซอ ร์บอก “วีระ” เป็นหวัดเล็กน้อย กต.เร่งประสานส่งแพทย์ไทยดูอาการ ขอให้ญาติเข้าเยี่ยม แต่ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกัมพูชา แม่วีระเตรียมเข้าพบนายกฯ บ่ายวันนี้ (8 มี.ค.)
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2554 นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าของการดำเนินการเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาในด้านต่างๆ ดังนี้
1. ตามที่รัฐบาลไทยเคยเสนอให้จัดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ระหว่างวันที่ 7-8 มีนาคม 2554 โดยให้รัฐบาลอินโดนีเซียมีบทบาทในการอำนวยความสะดวกให้กับการประชุมดังกล่าวนั้น บัดนี้ปรากฏว่า มีความจำเป็นที่ต้องเลื่อนการประชุมดังกล่าวออกไปก่อน เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาได้แจ้งว่าประสงค์ให้บันทึกการประชุม JBC ที่ผ่านมาทั้ง 3 ครั้งผ่านการพิจารณาของรัฐสภาไทยก่อน อย่างไรก็ดี ทั้งที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 และที่ประชุมอย่างไม่เป็นทางการของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 ต่างเรียกร้องให้ไทยกับกัมพูชาหารือทวิภาคีระหว่างกันในโอกาสแรก ทั้งภายใต้กรอบของ JBC และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองฝ่ายเป็นประธานร่วม โดยอินโดนีเซียจะอำนวยความสะดวกให้ ซึ่งฝ่ายไทยแสดงความพร้อมที่จะเจรจาทวิภาคีกับกัมพูชามาโดยตลอด จึงอยู่ที่ว่าฝ่ายกัมพูชาจะพร้อมเมื่อใด
2. เกี่ยวกับการส่งผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียมาบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตามที่ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้เชิญนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ฝ่ายอินโดนีเซียได้ส่งร่างรายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติ (Terms of Reference) ในการส่งผู้สังเกตการณ์ดังกล่าวให้ฝ่ายไทยและกัมพูชาแล้ว ซึ่งในหลักการ รัฐบาลไทยไม่มีข้อขัดข้อง แต่คงต้องมีการหารือกันระหว่างไทยกับกัมพูชาในรายละเอียดทางปฏิบัติเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันก่อน ซึ่งหวังว่าเมื่อฝ่ายกัมพูชาพร้อมก็จะสามารถยกขึ้นหารือกันในการประชุม GBC ได้
3. สำหรับความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญได้ประสานให้ญาติของนายวีระฯ เข้าเยี่ยมนายวีระฯ แล้ว ต่อจากนี้คงเป็นเรื่องที่นายวีระฯ และน.ส.ราตรี ต้องพิจารณาร่วมกับทนายความชาวกัมพูชาเกี่ยวกับการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งเมื่อดำเนินการแล้ว กระทรวงการต่างประเทศก็ยินดีเข้าไปอำนวยความสะดวกให้แก่บุคคลทั้งสองอย่างเต็มที่
ต่อกรณีที่มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับสุขภาพของนายวีระ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ให้เจ้าหน้าที่ของสถานเอกอัครราชทูตฯ เข้าไปดูแลนายวีระ และน.ส.ราตรี อย่างใกล้ชิด รวมทั้งการส่งอาหารให้วันละ 2 มื้อ แต่ที่ผ่านมาการขออนุญาตให้ญาติของนายวีระเข้าเยี่ยมอาจต้องใช้เวลา และต้องเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการและระเบียบที่เกี่ยวข้องของทางการกัมพูชา ทั้งนี้ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ของสถานเอกอัครราชทูตฯ ไปส่งอาหารให้กับนายวีระ ได้รับทราบจากแพทย์ประจำเรือนจำเปร็ยซอว่า นายวีระเป็นหวัดเล็กน้อย และแพทย์ประจำเรือนจำดูแลอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี โดยที่ทางญาติของนายวีระยังคงมีความห่วงกังวลอยู่ กระทรวงฯ จึงได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ประสานขอให้แพทย์ที่กรุงพนมเปญเข้าไปตรวจสุขภาพนายวีระเป็นการเพิ่มเติม และหากเป็นไปได้ จะขออนุญาตให้นายวีระออกมารับการตรวจสุขภาพภายนอกเรือนจำด้วย แต่ทั้งนี้กำลังรอผลการพิจารณาของทางการกัมพูชาอยู่
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 7 มีนาคม 2554 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายวีระ และน.ส.ราตรี ที่ถูกคุมขังในกัมพูชาได้ยินยอมขอพระราชทานอภัยโทษว่า ตอนนี้ให้ทางกระทรวงการต่างประเทศ ประสานงานกับฝ่ายอื่นๆ ซึ่งเราพยายามหาทุกทางที่จะช่วยเหลือ ส่วนจะดำเนินการรวดเร็วแค่ไหน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราตอบยากว่าผลต่างๆ จะเป็นอย่างไร แต่เมื่อมีความชัดเจนแล้ว เราจะช่วยประสานงานให้เร็วที่สุด เราจะพยายาม ส่วนสถานการณ์แนวโน้มดีขึ้น แต่ไม่ถึงกับเป็นปกติ แต่เราพยายามพูดคุยโดยชี้ให้เห็นว่ากรณีอย่างนี้ ไม่อยากให้มันเป็นเงื่อนไขความขัดแย้ง และอยากให้เข้าใจความรู้สึกของคนไทย
ทั้งนี้ ในเวลา 14.00 น. วันที่ 8 มี.ค. นางวิไลวรรณ สมความคิด มารดานายวีระ สมความคิด พร้อมน้องชาย จะเดินเข้าพบนายอภิสิทธิ์ ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อหารือแนวทางการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่นายวีระ