ASTVผู้จัดการรายวัน - ลากไส้ “ปชป.-มาร์ค-เกียรติ-อัยการ” สุมหัวเอื้อประโยชน์เอกชน แทรกแซงไม่สั่งฟ้องยักษ์บุหรี่สัญชาติอเมริกัน โคตรโกงภาษี 6.8 หมื่นล้าน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายสนธิ ลิ้มทองกุล"
วานนี้ (11 มี.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชนธิปไตย กล่าวบนเวทีร่วมพลังปกป้องแผ่นดิน ว่า หลังจากที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษได้มีคำสั่งไม่ฟ้องผู้บริหาร บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ยูไนเต็ด จำกัด และพวกอีก 14 คน ตามสำนวนคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ส่งมาให้พิจารณา ในกรณีของการสำแดงราคานำเข้าบุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโร และแอลแอนด์เอ็ม จากประเทศฟิลิปปินส์ต่ำกว่าความเป็นจริง จนทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียรายได้กว่า 68,000 ล้านบาท “ประเด็นนี้ถือว่าการโกงภาษีนำเข้าบุหรี่ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”
ทั้งนี้ พบว่า บุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโรของ บริษัทฟิลลิป มอร์ริส (ฟิลิปปินส์) ส่งมาขายให้กับบริษัทฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ในช่วงนั้นแจ้งราคาต้นทุนนำเข้าไว้ที่ซองละ 7.76 บาท แต่ส่งไปขายให้กับบริษัทคิง เพาเวอร์ แจ้งราคาที่ซองละ 27.46 บาท และเทียบกับประเทศอื่น ๆ อาทิ อินโดนีเซีย แจ้ง ราคา ซองละ 16 บาท สิงคโปร์ แจ้งราคา CIF ซองละ 20 บาท มาเลเซียซองละ 19.95 บาท ส่วนบุหรี่ยี่ห้อแอลแอนด์เอ็ม ก็เช่นเดียวกัน โรงงานผลิตที่ประเทศฟิลิปปินส์ส่งมาขายให้บริษัทฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ซองละ 5.88 บาท แต่ส่งไปขายให้บริษัท คิง เพาเวอร์ซองละ 16.81 บาท เป็นต้น
นายสนธิกล่าวว่า สรุปถ้าตรวจพบว่า เจตนาหลีกเลี่ยงภาษี จุดประสงค์ก็คือเพื่อจะต้องใช้ตามหลักสากล ดังนั้นการที่กรมสรรพามิต ทำไปก็ไม่ผิด เพราะบริษัทฟิลลิป มอร์ริส บริษัมันเป็นของสหรัฐอเมริกา ที่ตั้งขึ้นเพื่อไม่ต้องเสียภาษี และที่มันอยู่ในประเทศไทยมันก็ต้องการเป็นเช่นนั้น
กรมสรรพาสามิต พบว่า คุณภาพบุหรี่ของคิงเพาเวอร์ฯ กับที่ บ.ฟิลลิป มอร์ริสฯ นำเข้า มีคุณภาพเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าต้นทุนที่โรงงานยาสูบของบุหรี่ทั้ง 2 ยี่ห้อที่ บ.ฟิลลิป มอร์ริสฯ นำเข้า น่าจะสูงกว่าราคาที่สำแดง โดยยี่ห้อมาร์ลโบโร สำแดงราคา 7.76 บาทต่อซอง บุหรี่ยี่ห้อแอลแอนด์เอ็ม ราคา 5.88 บาทต่อซอง ซึ่งการตั้งราคานำเข้าให้ต่ำ เป็นเพราะต้องการหลีกเลี่ยงภาษีอากร และภาษีสรรพสามิตที่เป็นภาษีในประเทศ โดยการจัดเก็บภาษีแสตมป์ยาสูบของกรมสรรพสามิต ในส่วนของบุหรี่ที่ผลิตในประเทศ จัดเก็บจากราคา ณ โรงงานอุตสาหกรรม ส่วนบุหรี่ต่างประเทศเก็บจากฐานราคา นำเข้า บวกอากรศุลกากร เป็นฐานในการคำนวนราคา ซึ่งเป็นการจัดเก็บภาษีตามมูลค่า ไม่ใช่จัดเก็บเป็นมวน หรือราคาต่อมวน
นายสนธิ กล่าวว่า เมื่ออนุสัญญาภาษีต้นทุนอยู่ที่ฟิลิปปินส์ การที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง กลายเป็นว่าที่เขาไปดูงานไปตรวจอจทั้งที่ฟิลิปปินส์ พบที่ราคา 7.76 บาท แต่ที่เขาบินไปที่อินโดนีเซีย พบราคาที่ 16 บาท ตรงนี้ถือเป็นการทำลายระบบโรงงานยาสูบของประเทศไทยโดยตรง
“เขาก็พบว่า ค้างภาษี 68,000 ล้านบาท บริษัทฟิลลิป มอร์ริส มันวิ่งเต้น ตั้งแต่สมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่มันไม่กล้า แต่พอสมัยนายอภิสิทธิ์ เสือกมาโกงภาษีเองให้กับฝรั่ง การที่ไม่ฟ้องก็เลยสะท้อนนัยยะภาพของนักการเมืองประเทศไทย เรื่องนี้มีคนวิ่งเต้นให้มันเยอะแยะ อย่างอดีตอธิบดีกรมศุลกากร ที่ปัจจุบันมันเป็นถึงปลัดกระทรวงการคลัง เพราะมันที่ผลักดันผลประโยชน์ให้บริษัทฟิลลิป มอร์ริส ให้มันได้ใช้โกดังเก็บบุหรี่ ตรงนี้มันสะท้อนการโกงชาติ ร่วมกันโกงชาติกับรัฐบาลชุดนี้ สมรู้ร่วมคิดในการโกงชาติ สะท้อนถึงความเลวทรามต่ำช้าของนักการเมือง ที่มันเรียกคนไปประชุม ที่อัยการเขาสั่งฟ้อง แต่มันเปกลับไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม”นายสนธิกล่าว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะการที่จะนำซองยาสูบมาปิดแสตมป์จะต้องจ่ายเงินในที่จ่ายแสตมป์ แต่ยี่ห้อมาร์ลโบโรมันกลับเอาแสตมป์ไปปิดที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยมันอ้างว่า เพื่อค่าใช้จ่ายที่สูงถึงขึ้น 3% เป็นราคาต้นทุนบุหรี่ แต่แทนที่จะลดลงทุกปี แต่กลับทำให้มันเสียภาษีได้น้อยลง ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับต่างชาติบนความเสียหายของชาติ สะท้อนจริตธรรมของข้าราชการไทย
โดยเฉพาะอัยการ ที่อ้างว่าไม่มีประจักษ์พยานแวดล้อม จนมีสั่งไม่ฟ้อง แต่ที่มีนเดินทางไปดูงานไกลถึงอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ที่มับนพบว่า เป็นเจ้าของเดียวกัน ตรงนี้บอกได้ยังไงว่าไม่ใช่ประจักษ์พยานแวดล้อม แต่พวกมึงกลับไม่ฟ้อง ถือว่ามันติดเชื้อจากรัฐบาลเชื่อศาลเขมร มากกว่าเชื่อศาลไทย โดยเฉพาะนายเกียรติ สิทธีอมร ที่มีอาชีพหลักคือการวิ่งเต้น มานั่งหัวโต๊ะสั่งตรงนี้จะบอกว่าไม่แทรกแซงได้อย่างไร ตนจะบอกว่านายเกียรติ และอัยการ 3-4 คน ที่ไปดูงานและมีผลพร้องกันให้ฟ้องแต่การเมืองกลับมาแทรกแซงจนมันไม่กล้าฟ้อง.
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายสนธิ ลิ้มทองกุล"
วานนี้ (11 มี.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชนธิปไตย กล่าวบนเวทีร่วมพลังปกป้องแผ่นดิน ว่า หลังจากที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษได้มีคำสั่งไม่ฟ้องผู้บริหาร บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ยูไนเต็ด จำกัด และพวกอีก 14 คน ตามสำนวนคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ส่งมาให้พิจารณา ในกรณีของการสำแดงราคานำเข้าบุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโร และแอลแอนด์เอ็ม จากประเทศฟิลิปปินส์ต่ำกว่าความเป็นจริง จนทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียรายได้กว่า 68,000 ล้านบาท “ประเด็นนี้ถือว่าการโกงภาษีนำเข้าบุหรี่ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”
ทั้งนี้ พบว่า บุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโรของ บริษัทฟิลลิป มอร์ริส (ฟิลิปปินส์) ส่งมาขายให้กับบริษัทฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ในช่วงนั้นแจ้งราคาต้นทุนนำเข้าไว้ที่ซองละ 7.76 บาท แต่ส่งไปขายให้กับบริษัทคิง เพาเวอร์ แจ้งราคาที่ซองละ 27.46 บาท และเทียบกับประเทศอื่น ๆ อาทิ อินโดนีเซีย แจ้ง ราคา ซองละ 16 บาท สิงคโปร์ แจ้งราคา CIF ซองละ 20 บาท มาเลเซียซองละ 19.95 บาท ส่วนบุหรี่ยี่ห้อแอลแอนด์เอ็ม ก็เช่นเดียวกัน โรงงานผลิตที่ประเทศฟิลิปปินส์ส่งมาขายให้บริษัทฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ซองละ 5.88 บาท แต่ส่งไปขายให้บริษัท คิง เพาเวอร์ซองละ 16.81 บาท เป็นต้น
นายสนธิกล่าวว่า สรุปถ้าตรวจพบว่า เจตนาหลีกเลี่ยงภาษี จุดประสงค์ก็คือเพื่อจะต้องใช้ตามหลักสากล ดังนั้นการที่กรมสรรพามิต ทำไปก็ไม่ผิด เพราะบริษัทฟิลลิป มอร์ริส บริษัมันเป็นของสหรัฐอเมริกา ที่ตั้งขึ้นเพื่อไม่ต้องเสียภาษี และที่มันอยู่ในประเทศไทยมันก็ต้องการเป็นเช่นนั้น
กรมสรรพาสามิต พบว่า คุณภาพบุหรี่ของคิงเพาเวอร์ฯ กับที่ บ.ฟิลลิป มอร์ริสฯ นำเข้า มีคุณภาพเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าต้นทุนที่โรงงานยาสูบของบุหรี่ทั้ง 2 ยี่ห้อที่ บ.ฟิลลิป มอร์ริสฯ นำเข้า น่าจะสูงกว่าราคาที่สำแดง โดยยี่ห้อมาร์ลโบโร สำแดงราคา 7.76 บาทต่อซอง บุหรี่ยี่ห้อแอลแอนด์เอ็ม ราคา 5.88 บาทต่อซอง ซึ่งการตั้งราคานำเข้าให้ต่ำ เป็นเพราะต้องการหลีกเลี่ยงภาษีอากร และภาษีสรรพสามิตที่เป็นภาษีในประเทศ โดยการจัดเก็บภาษีแสตมป์ยาสูบของกรมสรรพสามิต ในส่วนของบุหรี่ที่ผลิตในประเทศ จัดเก็บจากราคา ณ โรงงานอุตสาหกรรม ส่วนบุหรี่ต่างประเทศเก็บจากฐานราคา นำเข้า บวกอากรศุลกากร เป็นฐานในการคำนวนราคา ซึ่งเป็นการจัดเก็บภาษีตามมูลค่า ไม่ใช่จัดเก็บเป็นมวน หรือราคาต่อมวน
นายสนธิ กล่าวว่า เมื่ออนุสัญญาภาษีต้นทุนอยู่ที่ฟิลิปปินส์ การที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง กลายเป็นว่าที่เขาไปดูงานไปตรวจอจทั้งที่ฟิลิปปินส์ พบที่ราคา 7.76 บาท แต่ที่เขาบินไปที่อินโดนีเซีย พบราคาที่ 16 บาท ตรงนี้ถือเป็นการทำลายระบบโรงงานยาสูบของประเทศไทยโดยตรง
“เขาก็พบว่า ค้างภาษี 68,000 ล้านบาท บริษัทฟิลลิป มอร์ริส มันวิ่งเต้น ตั้งแต่สมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่มันไม่กล้า แต่พอสมัยนายอภิสิทธิ์ เสือกมาโกงภาษีเองให้กับฝรั่ง การที่ไม่ฟ้องก็เลยสะท้อนนัยยะภาพของนักการเมืองประเทศไทย เรื่องนี้มีคนวิ่งเต้นให้มันเยอะแยะ อย่างอดีตอธิบดีกรมศุลกากร ที่ปัจจุบันมันเป็นถึงปลัดกระทรวงการคลัง เพราะมันที่ผลักดันผลประโยชน์ให้บริษัทฟิลลิป มอร์ริส ให้มันได้ใช้โกดังเก็บบุหรี่ ตรงนี้มันสะท้อนการโกงชาติ ร่วมกันโกงชาติกับรัฐบาลชุดนี้ สมรู้ร่วมคิดในการโกงชาติ สะท้อนถึงความเลวทรามต่ำช้าของนักการเมือง ที่มันเรียกคนไปประชุม ที่อัยการเขาสั่งฟ้อง แต่มันเปกลับไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม”นายสนธิกล่าว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะการที่จะนำซองยาสูบมาปิดแสตมป์จะต้องจ่ายเงินในที่จ่ายแสตมป์ แต่ยี่ห้อมาร์ลโบโรมันกลับเอาแสตมป์ไปปิดที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยมันอ้างว่า เพื่อค่าใช้จ่ายที่สูงถึงขึ้น 3% เป็นราคาต้นทุนบุหรี่ แต่แทนที่จะลดลงทุกปี แต่กลับทำให้มันเสียภาษีได้น้อยลง ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับต่างชาติบนความเสียหายของชาติ สะท้อนจริตธรรมของข้าราชการไทย
โดยเฉพาะอัยการ ที่อ้างว่าไม่มีประจักษ์พยานแวดล้อม จนมีสั่งไม่ฟ้อง แต่ที่มีนเดินทางไปดูงานไกลถึงอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ที่มับนพบว่า เป็นเจ้าของเดียวกัน ตรงนี้บอกได้ยังไงว่าไม่ใช่ประจักษ์พยานแวดล้อม แต่พวกมึงกลับไม่ฟ้อง ถือว่ามันติดเชื้อจากรัฐบาลเชื่อศาลเขมร มากกว่าเชื่อศาลไทย โดยเฉพาะนายเกียรติ สิทธีอมร ที่มีอาชีพหลักคือการวิ่งเต้น มานั่งหัวโต๊ะสั่งตรงนี้จะบอกว่าไม่แทรกแซงได้อย่างไร ตนจะบอกว่านายเกียรติ และอัยการ 3-4 คน ที่ไปดูงานและมีผลพร้องกันให้ฟ้องแต่การเมืองกลับมาแทรกแซงจนมันไม่กล้าฟ้อง.