รองโฆษกเพื่อไทย ปัดสมัย “แม้ว” ต้นตอเอื้อภาษีบุหรี่นอก ท้า “เกียรติ” โชว์หลักฐาน ซัดอย่าโยนบาป ยันพรรคทำตามหน้าที่ ก่อนพาสื่อบุก คิง เพาเวอร์ ตรวจสต๊อกไร้ “มาร์ลโบโร-แอลเอ็ม” เชื่อเลี่ยงแสดงราคาจริงต่อสรรพสามิต
วันนี้ (8 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่พรรคเพื่อไทยได้เปิดเผยข้อมูลที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ประเทศไทย ที่จัดจำหน่ายบุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโล และ แอลเอ็ม โดยทำให้ประเทศเสียหายจากการสูญเสียเงินไปกว่า 68,000 ล้านบาท เพราะมีการเข้าไปแทรกแซงการตัดสินคดีความ ทั้งๆ ที่ยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ในขณะนั้นได้มีการออกหนังสือจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีการออกจดหมายในปี พ.ศ.2552 ซึ่งเป็นหนังสือเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือในกรณีการสำแดงราคาบุหรี่อันเป็นเท็จของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ประเทศไทย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการเข้าแทรกแซงอัยการในคดีนี้อย่างชัดเจน
ส่วนกรณีที่ นายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) มากล่าวหาว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในสมันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น แต่ถ้ามีหลักฐานก็ขอให้เอาออกมาแสดงให้ประชาชนดู ไม่ใช่ทำความผิดแล้วโยนบาปให้กับผู้อื่น นอกจากนี้ นายเกียรติ ยังกล่าวว่า อย่าเอาเรื่องของประเทศมาตีกินเพื่อประโยชน์ทางการเมืองนั้น ตนคิดว่า นายเกียรติ น่าจะรู้เรื่องทั้งหมดเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นพรรคเพื่อไทยในฐานะฝ่ายค้านก็มีหน้าที่ที่จะตรวจสอบรัฐบาล และในเมื่อเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ คนในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็มีหน้าที่ที่จะต้องออกมาชี้แจงกับประชาชนเช่นกัน
ทั้งนี้ ในวันเดียวกัน นายยุทธพงศ์ ได้นำคณะสื่อมวลชนเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้า คิง เพาเวอร์ ที่ ซ.รางน้ำ เพื่อตรวจสอบชั้นขายบุหรี่ ว่า ไม่มีบุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโร และ แอลเอ็ม ของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส วางขายอยู่จริงตามที่ตนเคยนำข้อมูลมาแถลงต่อสื่อมวลชนก่อนหน้านี้หรือไม่ ซึ่งจากการตรวจพบว่าไม่มีบุหรี่ยี่ห้อดังกล่าววางขายอยู่จริง นายยุทธพงศ์ จึงตั้งข้อสังเกตว่า เหตุที่ คิง เพาเวอร์ ไม่นำมาวางจำหน่ายนั้น เนื่องจากบริษัท ฟิลลิป มอริส ไม่ส่งสินค้าขายให้เป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว ที่อ้างว่าเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการแสดงราคาสินค้าในศูนย์ดิวตี้ฟรี ที่มีราคาขายจริง 28 บาท ที่ขัดแย้งกับราคานำเข้าที่แจ้งกับกรมสรรพสามิตไว้ที่ 7 บาท 76 สตางค์