ทีมโฆษกเพื่อไทยขยายแผล “รัฐบาลมาร์ค” เอื้อบริษัทบุหรี่เลี่ยงภาษี ทำให้ประเทศชาติเสียหาย 68,000 บาท แฉชื่ออัยการอดีตทำงานร่วมกับดีเอสไอ สั่งฟ้องฟิลลิป มอร์ริสแต่ต้น แต่สุดท้ายกลับลำสั่งไม่ฟ้องหน้าตาเฉย ท้าเร่งฟ้องปูดซ้ำเสี่ย ก.คู่ซี้ “ธาริต” รับงานวิ่งล็อบบี้
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่ากรณีที่พรรคเพื่อไทยได้เปิดเผยข้อมูลที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ประเทศไทย ที่จัดจหน่ายบุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโร และแอลเอ็ม โดยทำให้ประเทศเสียหายจากการสูญเสียเงินไปกว่า 68,000 ล้านบาท เพราะมีการเข้าไปแทรกแซงการตัดสินคดีความทั้งๆ ที่ยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมนั้น ซึ่งในขณะนี้พรรคเพื่อไทยได้พยายามสืบหาราคาของบุหรี่ในประเทศแถบอาเซียนจะพบว่า บุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโร ในประเทศสิงคโปร์นั้นมีราคาถึง 285 บาทต่อหนึ่งซอง แต่ถ้าในสินค้าในช่องทางปลอดภาษีจะมีราคาแค่ 60 บาท แต่ในประเทศไทยมีราคาประมาณ 80 บาท โดยมีการแจ้งราคาในการนำเข้าบุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโลเพียงแค่ราคาซองละ 7.76 บาทเท่านั้น โดยทางบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส เคยจำหน่ายบุหรี่ยี่ห้อนี้ให้กับทางคิงเพาเวอร์ ราคาซองละ 28 บาท ทั้งนี้ ทางคณะทำงานของพรรคเพื่อไทยพบว่า ห้างดิวตี้ฟรี คิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ ไม่มีจำหน่ายบุหรี่จากบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ในวันพรุ่งนี้ทางคณะทำงานของพรรคเพื่อไทยจะนำคณะสื่อมวลชนไปลงพื้นที่สำรวจที่ห้างดิวตี้ฟรีซอยรางน้ำ เพื่อพิสูจน์ว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีจำหน่ายบุหรี่จากบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส
นายยุทธพงศ์กล่าวต่อว่า การทำงานของอัยการชุดนี้มีหลายคนที่เคยทำงานกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ มาตั้งแต่การสั่งฟ้องครั้งแรก เช่น นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 แต่ในวันนี้กลับมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง
ส่วนกรณีที่คนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้รับรู้ถึงการดำเนินการเรื่องนี้นั้น นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ตนอยากจะเรียนไปยังนายอภิสิทธิ์ว่า หนังสือชี้แจงให้มีการทบทวนการพิจารณาคดีนี้นั้น เป็นหนังสือที่ออกมาจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ดำเนินการแทนนายอภิสิทธิ์ เพราะฉะนั้น นายอภิสิทธิ์คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้เรื่อง ตนขอให้ประชาชนติดตามดูว่า เสี่ยอักษรย่อ ก. คนใกล้ชิดของนายอภิสิทธิ์จะได้รับโต๊ะจีนของพรรคประชาธิปัตย์จำนวนกี่โต๊ะ เพราะพรรคเพื่อไทยทราบมาว่าคนคนนี้เป็นขุนพลสำคัญในการจัดซื้อโต๊ะจีน
ส่วนกรณีที่นายแพทย์บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าจะฟ้องกลับพรรคเพื่อไทยสำหรับคดีนี้นั้น นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ขอท้านายแพทย์บุรณัชย์ให้ดำเนินการฟ้องพรรคเพื่อไทยได้เลย รวมไปถึงการที่นายแพทย์บุรณัชย์บอกว่าไม่รู้จักเสี่ยอักษรย่อ ก.นั้น ตนก็ขอใบ้ว่าเสี่ย ก. มีลักษณะผมขาวๆ และมีเครา ซึ่งหากไม่รู้จักจริงๆ ก็สามารถถามนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ เพราะทั้ง 2 คนมีความสนิทสนมกันเป็นอย่างดี
ด้าน นายประเกียรติ นาสิมมา คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปกติการสอบสวนคดีประเภทนี้จะมีอัยการทำการสอบสวนด้วย โดยจะมีอัยการหลายคนทำการสอบสวน โดยภายหลังจากได้หนังสือจากนายอภิสิทธิ์ที่ชี้แจงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่า เรื่องที่ได้สั่งฟ้องไปแล้วขอให้มีการทบทวน เพราะจะมีผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ สุดท้ายทางอัยการก็สั่งไม่ฟ้อง เพราะฉะนั้นก็ถือว่าเป็นการขัดแย้งกันเองในการทำงานเรื่องนี้ เพราะในตอนแรกมีการสั่งฟ้องอย่างถูกต้องตามหลักชองกระบวนการยุติธรรม แต่พอได้รับหนังสือก็มีการกลับคำ
นายประเกียรติกล่าวต่อว่า การที่องค์รักษ์พิทักษ์นายอภิสิทธิ์ออกมาระบุว่าเรื่องนี้นายอภิสิทธิ์ไม่รู้เรื่องนั้น ตนคิดว่าถึงจะรู้เรื่องหรือไม่ก็ตาม ก็คงไม่เหนือบากกว่าแรงที่นายอภิสิทธิ์จะตรวจสอบเรื่องนี้ ประเด็นของการเอื้อประโยชน์ในเรื่องนี้ด้วยจำนวนเงินหรือไม่นั้น ตนคิดว่าคงจะต้องมีการพิสูจน์กันในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะการทำงานของรัฐบาลชุดนี้นั้น ไม่ว่าสหรัฐอเมริกาจะจ่ายหรือไม่จ่ายภาษีให้กับประเทศไทย รัฐบาลชุดนี้ก็นิ่งเฉย
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่ากรณีที่พรรคเพื่อไทยได้เปิดเผยข้อมูลที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ประเทศไทย ที่จัดจหน่ายบุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโร และแอลเอ็ม โดยทำให้ประเทศเสียหายจากการสูญเสียเงินไปกว่า 68,000 ล้านบาท เพราะมีการเข้าไปแทรกแซงการตัดสินคดีความทั้งๆ ที่ยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมนั้น ซึ่งในขณะนี้พรรคเพื่อไทยได้พยายามสืบหาราคาของบุหรี่ในประเทศแถบอาเซียนจะพบว่า บุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโร ในประเทศสิงคโปร์นั้นมีราคาถึง 285 บาทต่อหนึ่งซอง แต่ถ้าในสินค้าในช่องทางปลอดภาษีจะมีราคาแค่ 60 บาท แต่ในประเทศไทยมีราคาประมาณ 80 บาท โดยมีการแจ้งราคาในการนำเข้าบุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโลเพียงแค่ราคาซองละ 7.76 บาทเท่านั้น โดยทางบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส เคยจำหน่ายบุหรี่ยี่ห้อนี้ให้กับทางคิงเพาเวอร์ ราคาซองละ 28 บาท ทั้งนี้ ทางคณะทำงานของพรรคเพื่อไทยพบว่า ห้างดิวตี้ฟรี คิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ ไม่มีจำหน่ายบุหรี่จากบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ในวันพรุ่งนี้ทางคณะทำงานของพรรคเพื่อไทยจะนำคณะสื่อมวลชนไปลงพื้นที่สำรวจที่ห้างดิวตี้ฟรีซอยรางน้ำ เพื่อพิสูจน์ว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีจำหน่ายบุหรี่จากบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส
นายยุทธพงศ์กล่าวต่อว่า การทำงานของอัยการชุดนี้มีหลายคนที่เคยทำงานกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ มาตั้งแต่การสั่งฟ้องครั้งแรก เช่น นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 แต่ในวันนี้กลับมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง
ส่วนกรณีที่คนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้รับรู้ถึงการดำเนินการเรื่องนี้นั้น นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ตนอยากจะเรียนไปยังนายอภิสิทธิ์ว่า หนังสือชี้แจงให้มีการทบทวนการพิจารณาคดีนี้นั้น เป็นหนังสือที่ออกมาจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ดำเนินการแทนนายอภิสิทธิ์ เพราะฉะนั้น นายอภิสิทธิ์คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้เรื่อง ตนขอให้ประชาชนติดตามดูว่า เสี่ยอักษรย่อ ก. คนใกล้ชิดของนายอภิสิทธิ์จะได้รับโต๊ะจีนของพรรคประชาธิปัตย์จำนวนกี่โต๊ะ เพราะพรรคเพื่อไทยทราบมาว่าคนคนนี้เป็นขุนพลสำคัญในการจัดซื้อโต๊ะจีน
ส่วนกรณีที่นายแพทย์บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าจะฟ้องกลับพรรคเพื่อไทยสำหรับคดีนี้นั้น นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ขอท้านายแพทย์บุรณัชย์ให้ดำเนินการฟ้องพรรคเพื่อไทยได้เลย รวมไปถึงการที่นายแพทย์บุรณัชย์บอกว่าไม่รู้จักเสี่ยอักษรย่อ ก.นั้น ตนก็ขอใบ้ว่าเสี่ย ก. มีลักษณะผมขาวๆ และมีเครา ซึ่งหากไม่รู้จักจริงๆ ก็สามารถถามนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ เพราะทั้ง 2 คนมีความสนิทสนมกันเป็นอย่างดี
ด้าน นายประเกียรติ นาสิมมา คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปกติการสอบสวนคดีประเภทนี้จะมีอัยการทำการสอบสวนด้วย โดยจะมีอัยการหลายคนทำการสอบสวน โดยภายหลังจากได้หนังสือจากนายอภิสิทธิ์ที่ชี้แจงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่า เรื่องที่ได้สั่งฟ้องไปแล้วขอให้มีการทบทวน เพราะจะมีผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ สุดท้ายทางอัยการก็สั่งไม่ฟ้อง เพราะฉะนั้นก็ถือว่าเป็นการขัดแย้งกันเองในการทำงานเรื่องนี้ เพราะในตอนแรกมีการสั่งฟ้องอย่างถูกต้องตามหลักชองกระบวนการยุติธรรม แต่พอได้รับหนังสือก็มีการกลับคำ
นายประเกียรติกล่าวต่อว่า การที่องค์รักษ์พิทักษ์นายอภิสิทธิ์ออกมาระบุว่าเรื่องนี้นายอภิสิทธิ์ไม่รู้เรื่องนั้น ตนคิดว่าถึงจะรู้เรื่องหรือไม่ก็ตาม ก็คงไม่เหนือบากกว่าแรงที่นายอภิสิทธิ์จะตรวจสอบเรื่องนี้ ประเด็นของการเอื้อประโยชน์ในเรื่องนี้ด้วยจำนวนเงินหรือไม่นั้น ตนคิดว่าคงจะต้องมีการพิสูจน์กันในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะการทำงานของรัฐบาลชุดนี้นั้น ไม่ว่าสหรัฐอเมริกาจะจ่ายหรือไม่จ่ายภาษีให้กับประเทศไทย รัฐบาลชุดนี้ก็นิ่งเฉย
