เวลา 12.00 น.วานนี้ (11 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมนางอัญชลี วานิช เทพบุตร เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ และนายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมกฤษฎีกา เดินทางเข้าหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และผู้บริหารระดับสูงกกต. ที่ห้องรับรองวีไอพี ชั้น 9 สำนักงานกกต. ถึงวันเลือกตั้งที่เหมาะสม หากมีการยุบสภา ทั้งนี้หลังการหารือและรับประทานอาหารร่วมกันราว 1 ชั่วโมงเศษ นายกฯได้เดินทางออกจากสำนักงานกกต.ทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน
ด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ปราะธาน กกต. กล่าวว่า จากการหารือ นายกฯมีความเข้าใจในการทำงานของกกต. โดยกกต.ได้เตรียมความพร้อมตั้งแต่มีข่าวยุบสภาแล้ว มีการแบ่งเขตเลือกตั้ง เหลือเพียงการดำเนินการช่วงสุดท้ายเท่านั้น
ทั้งนี้ ในการหารือมีเรื่องแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ กกต.แจ้งให้นายกฯทราบว่า จะต้องแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 7 มาตรา และว่าด้วย กกต.อีก 1 มาตรา และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. 31 มาตรา ที่ กกต.พร้อมจะเสนอไปยังสภาในสัปดาห์หน้า
" กกต.ได้เสนอปฏิทินห้วงเวลาเลือกตั้งไว้ 3 แบบให้นายกฯ พิจารณา แต่กกต.ยังไม่ได้ระบุว่าควรเป็นรูปแบบใด โดยแบบที่ 1 คือ ยุบสภาทันที แต่เห็นว่าหากเลือกตั้งใน เม.ย. คงไม่ทัน แบบที่ 2 ยุบสภาภายหลังการแก้กฎหมายลูกให้แล้วเสร็จ ซึ่งเดือนพ.ค.น่าจะประกาศยุบสภาฯได้ โดยจะมีการเลือกตั้งในเดือนมิ.ย.-ก.ค. ส่วนแบบที่ 3 คือ ยุบใกล้หมดวาระ ซึ่งผมก็เห็นว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือเดือนมิ.ย. หรือเดือน ก.ค. แต่ไม่น่าลากยาวไปถึงช่วงครบวาระ ในเดือน ธ.ค โดยนายกฯ ก็รับฟัง แต่จะกำหนดวันใด เป็นเรื่องการตัดสินใจของนายกฯ ผมไม่ทราบใจท่าน ว่าจะยุบสภาวันใด"ประธานกกต.กล่าว
ส่วนงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งที่เสนอไปจำนวน 3,800 ล้านบาทนั้น นายอภิชาต กล่าวว่าเป็นกรณีการปกติ คือ ครบวาระของสภาฯ คือปี 2555 ส่วนกรณีที่เกิดการยุบสภาฯ ก่อนครบวาระ ทางรัฐบาลก็ต้องจัดงบพิเศษประมาณ 2,000 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่าในการหารือนายกฯได้แจ้งกกต.ว่า มีความตั้งใจที่จะให้มีการเลือกตั้งในช่วงเดือนมิ.ย. จึงต้องการทราบถึงความพร้อมของกกต. ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและการจัดการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในเรื่องของการแบ่งเขตเลือกตั้ง จะต้องใช้ระยะเวลาเท่าใด ซึ่งกกต.ก็ชี้แจงว่า อยากให้รัฐบาลผลักดันการแก้ไขกฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับ ให้ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา ไม่อยากจะมาออกเป็นประกาศฯ และจะเสนอร่าง พ.ร.ป.แก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 3 ฉบับไปที่สภาได้ภายในปลายสัปดาห์หน้า ซึ่งนายกฯ ก็ได้แสดงความเห็นด้วยว่าอยากให้กฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับผ่านสภาก่อน จึงรับปากจะไปดูในเรื่องของวันเวลาในการพิจารณาของสภาว่าจะเร่งรัดได้แค่ไหน
ส่วนในเรื่องของการจัดการเลือกตั้งนั้น กกต.ได้เสนอปฏิทิน เกี่ยวกับระยะเวลาในการทำงาน ทั้งการแบ่งเขตเลือกตั้ง 375 เขต โดยจะต้องแบ่งเขตใหม่ 23 จังหวัด ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 22 เม.ย. และหลังจากนั้นถือว่ากกต.พร้อมทุกอย่างในการจัดกาารเลือกตั้ง โดยนายกฯ ก็ได้แจ้งให้ทราบถึงความตั้งใจในการยุบสภาว่าอาจจะเป็นช่วงปลายเดือนเม.ย. หรือต้นเดือนพ.ค.
ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงการไปหารือกับ กกต. เพื่อดูความพร้อมที่เกี่ยวข้องกับการยุบสภา และการเลือกตั้งว่า ได้มีการพูดคุยสอบถามประเด็นเชิงเทคนิค ปัญหาข้อกฎหมายทั้งหมด
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้แก้ปัญหาของบ้านเมืองทั้งปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ และปัญหาทางการเมือง จนภาพร่วมเศรษฐกิจมีความมั่นคงขึ้น แต่ยอมรับว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ยังดำรงอยู่ แต่เรื่องที่ตนได้ยืนยันมาตลอดคือ การรักษาความเป็นนิติรัฐ และพร้อมที่จะพิจารณาคืนอำนาจให้แก่ประชาชนในเวลาที่เห็นว่าเหมาะสม
วันนี้สิ่งที่เป็นปรากฏการณ์ชัดเจนคือ สภาพปัญหาบ้านเมือง เศรษฐกิจ โดยเฉพาะปากท้องของประชาชน ก้าวไปสู่อีกขั้นหนึ่ง ก็คือเราอาจผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจมาแล้ว แต่สภาพปัญหามันเปลี่ยน มันเป็นปัญหาเรื่องปากท้อง ของแพง ตนต้องการเห็นประเทศเดินหน้า ต้องการที่จะเห็นการเดินหน้าเพื่อมีคำตอบสำหรับพี่น้องประชาชน ไม่ต้องการให้ปัญหาในเรื่องการเมืองมาเป็นอุปสรรค จนกระทบต่อพี่น้องประชาชนที่ต้องมามีความอึมครึมทางการเมืองอยู่ ด้วยเหตุผลนี้ เราจึงต้องการความชัดเจน เสียงของประชาชนจะได้ชี้อนาคตของชาติบ้านเมืองได้
"ผมตั้งใจจะนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อที่จะให้มีการยุบสภาไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นกรอบเวลาที่ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ความชัดเจนในเรื่องกฎหมาย กฎระเบียบ การแบ่งเขตเลือกตั้งจะมีความเรียบร้อย คือไม่มีปัญหา จากการที่ได้พูดคุยกับกกต.ในวันนี้ ผมทราบดีว่า อาจจะมีเพื่อนพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อนนักการเมือง หรือเพื่อนส.ส. ที่ไม่เห็นด้วย แต่ผมได้ตัดสินใจเพื่อที่จะเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ของผมตั้งแต่ต้นว่า เราควรจะมีการเลือกตั้งก่อนที่สภาจะครบวาระ และเราควรที่จะได้เลือกจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพื่อขจัดความไม่ชัดเจน ความอึมครึมออกไป ฉะนั้น ขอยืนยันว่า สัปดาห์หน้าจะเริ่มต้นกระบวนการของการเร่งรัดพิจารณากฎหมายต่างๆ และจะดูความก้าวหน้าการทำงานต่างๆ ซึ่งวันนี้ได้พูดคุยกับกกต.ในรายละเอียด และไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม ผมจะนำเรื่องกราบบังคมทูลฯ เพื่อให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งใหม่ อันนี้คือสิ่งที่อยากเรียนสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายกฯ แถลงเสร็จ ไม่ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถามแต่อย่างใด พร้อมกับเดินกลับตึกไทยคู่ฟ้า แม้ช่วงระหว่างที่เดินกลับขึ้นตึกไทยนายกฯ ก็ไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ทั้งนี้ ก่อนที่นายกฯ จะลงมาแถลงข่าวได้ไปพบนายสุเทพ ที่ห้องทำงาน ตึกบัญชาการ แต่นายสุเทพไม่อยู่ เนื่องจากเดินทางไปจ.สุราษฎร์ธานี จึงได้มีการโทรศัพท์พูดคุยคุยกันแทน เป็นเวลา 30 นาที
------------------
ด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ปราะธาน กกต. กล่าวว่า จากการหารือ นายกฯมีความเข้าใจในการทำงานของกกต. โดยกกต.ได้เตรียมความพร้อมตั้งแต่มีข่าวยุบสภาแล้ว มีการแบ่งเขตเลือกตั้ง เหลือเพียงการดำเนินการช่วงสุดท้ายเท่านั้น
ทั้งนี้ ในการหารือมีเรื่องแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ กกต.แจ้งให้นายกฯทราบว่า จะต้องแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 7 มาตรา และว่าด้วย กกต.อีก 1 มาตรา และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. 31 มาตรา ที่ กกต.พร้อมจะเสนอไปยังสภาในสัปดาห์หน้า
" กกต.ได้เสนอปฏิทินห้วงเวลาเลือกตั้งไว้ 3 แบบให้นายกฯ พิจารณา แต่กกต.ยังไม่ได้ระบุว่าควรเป็นรูปแบบใด โดยแบบที่ 1 คือ ยุบสภาทันที แต่เห็นว่าหากเลือกตั้งใน เม.ย. คงไม่ทัน แบบที่ 2 ยุบสภาภายหลังการแก้กฎหมายลูกให้แล้วเสร็จ ซึ่งเดือนพ.ค.น่าจะประกาศยุบสภาฯได้ โดยจะมีการเลือกตั้งในเดือนมิ.ย.-ก.ค. ส่วนแบบที่ 3 คือ ยุบใกล้หมดวาระ ซึ่งผมก็เห็นว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือเดือนมิ.ย. หรือเดือน ก.ค. แต่ไม่น่าลากยาวไปถึงช่วงครบวาระ ในเดือน ธ.ค โดยนายกฯ ก็รับฟัง แต่จะกำหนดวันใด เป็นเรื่องการตัดสินใจของนายกฯ ผมไม่ทราบใจท่าน ว่าจะยุบสภาวันใด"ประธานกกต.กล่าว
ส่วนงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งที่เสนอไปจำนวน 3,800 ล้านบาทนั้น นายอภิชาต กล่าวว่าเป็นกรณีการปกติ คือ ครบวาระของสภาฯ คือปี 2555 ส่วนกรณีที่เกิดการยุบสภาฯ ก่อนครบวาระ ทางรัฐบาลก็ต้องจัดงบพิเศษประมาณ 2,000 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่าในการหารือนายกฯได้แจ้งกกต.ว่า มีความตั้งใจที่จะให้มีการเลือกตั้งในช่วงเดือนมิ.ย. จึงต้องการทราบถึงความพร้อมของกกต. ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและการจัดการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในเรื่องของการแบ่งเขตเลือกตั้ง จะต้องใช้ระยะเวลาเท่าใด ซึ่งกกต.ก็ชี้แจงว่า อยากให้รัฐบาลผลักดันการแก้ไขกฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับ ให้ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา ไม่อยากจะมาออกเป็นประกาศฯ และจะเสนอร่าง พ.ร.ป.แก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 3 ฉบับไปที่สภาได้ภายในปลายสัปดาห์หน้า ซึ่งนายกฯ ก็ได้แสดงความเห็นด้วยว่าอยากให้กฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับผ่านสภาก่อน จึงรับปากจะไปดูในเรื่องของวันเวลาในการพิจารณาของสภาว่าจะเร่งรัดได้แค่ไหน
ส่วนในเรื่องของการจัดการเลือกตั้งนั้น กกต.ได้เสนอปฏิทิน เกี่ยวกับระยะเวลาในการทำงาน ทั้งการแบ่งเขตเลือกตั้ง 375 เขต โดยจะต้องแบ่งเขตใหม่ 23 จังหวัด ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 22 เม.ย. และหลังจากนั้นถือว่ากกต.พร้อมทุกอย่างในการจัดกาารเลือกตั้ง โดยนายกฯ ก็ได้แจ้งให้ทราบถึงความตั้งใจในการยุบสภาว่าอาจจะเป็นช่วงปลายเดือนเม.ย. หรือต้นเดือนพ.ค.
ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงการไปหารือกับ กกต. เพื่อดูความพร้อมที่เกี่ยวข้องกับการยุบสภา และการเลือกตั้งว่า ได้มีการพูดคุยสอบถามประเด็นเชิงเทคนิค ปัญหาข้อกฎหมายทั้งหมด
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้แก้ปัญหาของบ้านเมืองทั้งปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ และปัญหาทางการเมือง จนภาพร่วมเศรษฐกิจมีความมั่นคงขึ้น แต่ยอมรับว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ยังดำรงอยู่ แต่เรื่องที่ตนได้ยืนยันมาตลอดคือ การรักษาความเป็นนิติรัฐ และพร้อมที่จะพิจารณาคืนอำนาจให้แก่ประชาชนในเวลาที่เห็นว่าเหมาะสม
วันนี้สิ่งที่เป็นปรากฏการณ์ชัดเจนคือ สภาพปัญหาบ้านเมือง เศรษฐกิจ โดยเฉพาะปากท้องของประชาชน ก้าวไปสู่อีกขั้นหนึ่ง ก็คือเราอาจผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจมาแล้ว แต่สภาพปัญหามันเปลี่ยน มันเป็นปัญหาเรื่องปากท้อง ของแพง ตนต้องการเห็นประเทศเดินหน้า ต้องการที่จะเห็นการเดินหน้าเพื่อมีคำตอบสำหรับพี่น้องประชาชน ไม่ต้องการให้ปัญหาในเรื่องการเมืองมาเป็นอุปสรรค จนกระทบต่อพี่น้องประชาชนที่ต้องมามีความอึมครึมทางการเมืองอยู่ ด้วยเหตุผลนี้ เราจึงต้องการความชัดเจน เสียงของประชาชนจะได้ชี้อนาคตของชาติบ้านเมืองได้
"ผมตั้งใจจะนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อที่จะให้มีการยุบสภาไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นกรอบเวลาที่ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ความชัดเจนในเรื่องกฎหมาย กฎระเบียบ การแบ่งเขตเลือกตั้งจะมีความเรียบร้อย คือไม่มีปัญหา จากการที่ได้พูดคุยกับกกต.ในวันนี้ ผมทราบดีว่า อาจจะมีเพื่อนพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อนนักการเมือง หรือเพื่อนส.ส. ที่ไม่เห็นด้วย แต่ผมได้ตัดสินใจเพื่อที่จะเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ของผมตั้งแต่ต้นว่า เราควรจะมีการเลือกตั้งก่อนที่สภาจะครบวาระ และเราควรที่จะได้เลือกจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพื่อขจัดความไม่ชัดเจน ความอึมครึมออกไป ฉะนั้น ขอยืนยันว่า สัปดาห์หน้าจะเริ่มต้นกระบวนการของการเร่งรัดพิจารณากฎหมายต่างๆ และจะดูความก้าวหน้าการทำงานต่างๆ ซึ่งวันนี้ได้พูดคุยกับกกต.ในรายละเอียด และไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม ผมจะนำเรื่องกราบบังคมทูลฯ เพื่อให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งใหม่ อันนี้คือสิ่งที่อยากเรียนสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายกฯ แถลงเสร็จ ไม่ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถามแต่อย่างใด พร้อมกับเดินกลับตึกไทยคู่ฟ้า แม้ช่วงระหว่างที่เดินกลับขึ้นตึกไทยนายกฯ ก็ไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ทั้งนี้ ก่อนที่นายกฯ จะลงมาแถลงข่าวได้ไปพบนายสุเทพ ที่ห้องทำงาน ตึกบัญชาการ แต่นายสุเทพไม่อยู่ เนื่องจากเดินทางไปจ.สุราษฎร์ธานี จึงได้มีการโทรศัพท์พูดคุยคุยกันแทน เป็นเวลา 30 นาที
------------------